บทที่22 พบเจอโจวจื่อหยางอีกครั้ง   1/    
已经是第一章了
บทที่22 พบเจอโจวจื่อหยางอีกครั้ง
บ๗ที่22 พบเจอโจวจื่อหยางอีกครั้ง ในสวนด้านหลังมีพื้นที่ไม่น้อยเลยที่ถูกดูแลจัดการจนเรียบร้อย มีการเพาะปลูกพืชผักสดใหม่และถั่วฝักยาวไว้ไม่เป็นจำนวนหนึ่ง ไม่รู้ว่าเพราะอะไร พอเชียวเยว่เมิ่งเห็นพืชธรรมๆเหล่านี้ อยู่ๆก็ทำให้รู้สึกโล่งใจขึ้นมา ประตูบ้านของตระกูลเห้อ ก็ไม่ได้เข้ายากเข้าเย็นเหมือนกับที่เธอและพ่อแม่ของเธอได้จินตนาการเอาไว้ ตั้งแต่เริ่มแรกพวกเขาก็ไม่ได้ใช้ท่าทีที่สูงส่งมองเธอกับครอบครัวเธอเลย พยายามที่ใช้ความเสมอภาคในการทำความรู้จักกับพวกเธอ นาทีนี้เธอรู้สึกเชื่อแล้ว ตอนเย็น เมื่อกลับถึงบ้านก็นำเรื่องที่ได้ยินจากบ้านตระกูลเห้อไปเล่าให้เชียวไห่ซิงและลั่วหมิงเม่ยฟัง เชียวไห่ซิงและลั่วหมิงเม่ยไม่พูดอะไรเลยสักพัก ในที่สุดเชียวไห่ซิงก็พูดขึ้นว่า“ครอบครัวแบบนี้ใช้ได้” ลั่วหมิงเม่ยก็พูดขึ้นว่า“ต่อจากนี้ก็เป็นพิธีแต่งงานของพวกลูกแล้ว ลูกรัก ลูกอยากแต่งงานแบบไหนลองพูดให้แม่ฟังทีซิแม่จะได้ช่วยเตรียมงานให้ลูก ชุดเจ้าสาวก็ต้องจองก่อนล่วงหน้านะ” “เห้ออี้มั่วพูดว่าได้ให้คนจัดทำชุดเจ้าสาวแล้ว” “อ้อ เรื่องการเตรียมพิธีแต่งงานล่ะ แล้วมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการ์ดแต่งงานยังไงบ้าง?” “หนูไม่มีความคิดเห็นอะไรเลย เมื่อก่อนคิดว่าจะแต่งงานแบบเรียบง่าย แค่คนของสองครอบครัวและเชิญเพื่อนรักเพื่อนสนิทอีกสองสามคนมาทานข้าวร่วมกัน เรื่องอื่นๆไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆ” ที่เชียวเยว่เมิ่งพูดนั้นเป็นความจริง หลายปีมานี้เธอได้รับคำเชิญร่วมงานแต่งงานมาไม่น้อยเลย ในบรรดานั้นมีเพื่อนหลายคนที่ไม่ได้ติดต่อกันมานานก็ส่งการ์ดเชิญติดต่อฉันมาเมื่อพวกเธอจะแต่งงาน ตอนแรกเธอไม่ได้ไปร่วมงานแต่งแต่จะใส่ซองแล้วมอบให้คนเอาไปส่งให้แทน และอาจมีการโทรศัพท์ไปอวยพรบ้าง อย่างไรก็ตามสิ่งที่เธอและพวกเขายังมีส่วนร่วมกันก็เพียงแค่นี้เอง หลังจากนั้นก็ไม่มีการติดต่อกันอีก บางคนก็จะติดต่อมาอีกทีก็ต่อเมื่อมีงานเลี้ยงครบเดือนหรือครบปีของลูกพวกเธอ นานวันเข้า เธอก็ไม่คาดหวังอะไรกับการ์ดเชิญพวกนั้นอีก ตรงกันข้ามกับรู้สึกเอือมระอา เพราะว่าเธอรู้ว่าในตอนที่เธอแต่งงาน เธอคงไม่หน้าหนาขนาดส่งการ์ดเชิญให้กับคนที่ปกติไม่ได้ติดต่อกันหรือคนที่ไม่ได้มีความคุ้นเคยกันแบบนี้หรอก ซึ่งนี่ก็หมายความว่า เธอได้โยนซองแดงทิ้งไปแล้วเป็นจำนวนมาก โยนทิ้งไปราวกับการเล่นโยนบนผิวน้ำ “ลูกคนนี้นี่ การแต่งงานไม่ใช่เรื่องของคนสองคน แต่ยังเป็นเรื่องที่ต้องมีความรู้สึกร่วมกัน” “เจ้าค่ะพระพุทธองค์ ท่านพูดถูกแล้ว เรื่องนี้ท่านก็ลองคุยกับพ่อแม่ของเห้ออี้ลั่วดูแล้วกัน มีพวกท่านคอยจัดการก็เพียงพอแล้ว และหากจะเชิญเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงานแล้วล่ะก็ เมื่อถึงเวลาหนูจะเขียนรายชื่อออกมาให้พวกท่านเอง” “งั้นก็ได้” “งั้นหนูไปล้างหน้าแปรงฟันเข้านอนแล้วนะ” “ไปเถอะ” วันจันทร์ หลังจากที่เชียวเยว่เมิ่งเปลี่ยนมาใส่เป็นชุดกาวน์สีขาวแล้ว ก็เดินไปที่ห้อง เพิ่งจะมาถึงก็เห็นเสี่ยวอันวิ่งมาอย่างรีบร้อน “พี่เชียวไม่ดีแล้ว ไม่ดีแล้ว “เกิดอะไรขึ้น?” “ทางห้องฉุกเฉินได้รับคนไข้ที่ฆ่าตัวตายมาหนึ่งราย หัวหน้าบอกให้คุณไปเป็นผู้ช่วย” “ฉันจะไปเดี๋ยวนี้” เมื่อเชียวเยว่เมิ่งได้ยินก็เดินไปที่ห้องผ่าตัดทันที ด้านห้องผ่าตัดได้ทำการเตรียมพร้อมไว้แล้ว บนเก้าอี้ตัวยาวด้านหน้าห้องผ่าตัดมีญาติคนไข้สองคนนั่งอยู่ ใบหน้าซีดเผือด เมื่อเชียวเยว่เมิ่งเห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปในห้องผ่าตัด กลัวว่าจะเห็นความเจ็บปวดของพวกเขา หลังจากที่เชียวเยว่เมิ่งเข้าไปที่ห้องผ่าตัดแล้ว ก็พบว่าความจริงแล้วคนที่ผ่าตัดคือหัวหน้าแผนกเอง จึงพูดขึ้นอย่างสงสัยว่า “หัวหน้าคุณจะลงมือผ่าเองเหรอคะ?” “โอกาสมีไม่มาก คุณจับตาดูให้ดีๆ” เชียวเยว่เมิ่งและพยาบาลต่างช่วยกันเตรียมการก่อนการผ่าตัดจนเสร็จเรียบแล้ว ในระหว่างขั้นตอนการเตรียมเครื่องมือและยาในการผ่าตัดนั้นเชียวเยว่เมิ่งก็ได้สอบถามเพื่อนร่วมงานและรู้ว่าคนไข้ได้ฆ่าตัวตายโดยการดื่มกรดกำมะถังหรือกรดซิลฟิวริกเข้าไป แล้วถูกคนในครอบครัวพบเข้าทันเวลาจึงนำตัวส่งมาที่โรงพยาบาล ในตอนที่ถึงเวลาผ่าตัด เชียวเยว่เมิ่งเหลือบมองไปที่คนไข้ที่อยู่ในอาการโคม่าอีกครั้ง บนร่างของคนคนนั้นยังส่วนชุดเครื่องแบบโรงเรียนหนึ่งอยู่ แสดงให้เห็นว่ายังเป็นเด็กนักเรียน บนใบหน้าของเขายังคงความอ่อนวัยไว้ แต่กลับนอนอยู่บนเตียงผ่าตัดอย่างไร้ชีวิตชีวา ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย เธอเพียงแค่รู้สึกอนิจจังสักครู่ แล้วเข้าสู่ขั้นตอนการผ่าตัดอย่างรวดเร็ว เชียวเยว่เมิ่งยืนช่วยการผ่าตัดของหัวหน้าอยู่อีกด้านหนึ่ง และไม่หยุดที่จะสังเกตวิธีการในระหว่างการผ่าตัดของหัวหน้า ก่อนทำการผ่าตัดพวกเขาจะมีแผนการรักษา และในระหว่างกระบวนการผ่าตัดจริงก็มีแผนการรักษาไม่น้อยเลยที่ต้องทำการปรับเปลี่ยนวิธี การปรับเปลี่ยนวิธีเหมาะสมหรือไม่ ต้องดูประสบการณ์ของผู้ที่ทำการผ่าแล้ว สภาพปัจจุบันตอนนี้ของคนไข้คนนี้คือ ในส่วนช่องปากและลำคอของคนไข้นั้นได้ถูกกรดกำมะถังกัดกร่อนเป็นแผลขนาดใหญ่ เมื่อมองดูจากภายนอกจะเห็นว่าส่วนแก้มทั้งสองข้างและส่วนลำคอมีอาการสีดำแสดงออกมาให้เห็นในระดับที่แตกต่างกัน สถานการณ์ตอนนี้มีความรุนแรงกว่าที่พวกเขาคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก นอกจากทำการล้างกระเพาะอาหารแล้วยังต้องทำการเปลี่ยนหลอดคอเทียมให้คนไข้อีก แผลภายในช่องปากก็ต้องจัดการให้อย่างเหมาะสม การทำแบบนี้ต้องทำการผ่าตัดถึงสองครั้ง และการผ่าตัดในครั้งแรกผ่าไปถึงขั้นตอนไหนแล้วเธอก็ไม่มีความคิดเห็นโดยรวมอย่างละเอียด ล้วนต้องพึ่งหัวหน้าในการตัดสินใจ ** หลังจากการผ่าตัดที่วุ่นวาย เชียวเยว่เมิ่งมองดูพยาบาลเข็นเตียงออกจากห้องผ่าตัด หัวหน้ายื่นเหงื่อท่วมตัวอยู่ข้างที่เตียงผ่าตัดที่ว่างเปล่าลง แล้วหันหน้ากลับมาหาเซียวเยว่เมิ่งแล้วพูดว่า "ได้เรียนรู้อะไรบ้าง?" หลังจากที่เซียวเยว่เมิ่งลองคิดดูแล้ว แต่ก็ไม่ได้ตอบกลับไป หัวหน้าแผนกมองมองเซียวเยว่เมิ่งพักหนึ่ง พูดว่า"คุณเป็นตนฉลาด เรื่องเทคนิคทางการแพทย์อีกหน่อยคุณจะเข้าใจเอง ผมไม่รีบร้อนที่จะส่งมอบสิ่งเหล่านี้ให้กับคุณ" "หัวหน้า......" “ในฐานะที่เป็นหมอ ผมชื่นชมที่คุณสามารถมีอารมณ์ความรู้สึกร่วมกับคนไข้ได้ และภูมิใจที่คุณไม่สูญเสียหัวใจของการเป็นหมอและความรับผิดชอบในระหว่างทำงานวันแล้ววันเล่า แต่ผมคัดค้านการใส่ใจความรู้สึกคนไข้มากจนเกินไป สำหรับคนเป็นหมอแล้วนี่ถือว่าเป็นสัญญาณที่ไม่ดี หวังว่าคุณจะเข้าใจ" เซียวเยว่เมิ่งคิดเป็นเวลานานอย่างละเอียดแล้วพูดว่า"ขอบคุณค่ะหัวหน้า" "ที่ผมจะพูดก็มีแค่นี้แหละ ถึงพูดจนปากจะฉีกยังไง คุณก็ฟังไม่เข้าหูอยู่ดี" หัวหน้าแผนกพูดจบ ก็หมุดตัวเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเปลี่ยนเสื้อที่อยู่ภายในห้องผ่าตัด เชียวเยว่เมิ่งยังยืนอยู่ที่เดิม สายตามองไปยังเตียงผ่าตัดที่ว่างเปล่าอีกครั้งแล้วหมุนตัวเดินจากไป ** เลิกงานตอนเย็น เชียวเยว่เมิ่งลงมาถึงที่ลานจอดรถของโรงพยาบาล ใกล้จะถึงเดินไปถึงข้างรถของเธอ ฝีเท้าเธอก็หยุดชะงักอย่างฉับพลัน แล้วจ้องมองไปที่โจวจื่อหยางที่ยื่นอยู่ข้างรถเธออย่างเย็นชา โจวจื่อหยางได้ยินเสียงฝีเท้า ก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังเซียวเยว่เมิ่งแล้วพูดว่า "เสี่ยวเยว่" เซียวเยว่เมิ่งพูดอย่างเย็นเยียบว่า"คุณมาทำอะไร?" "ผมอยากคุยกับคุณ "โจวจื่อหยางพูดไปก็จะยื่นมือออกไปจะจับมือเชียวเยว่เมิ่ง เชียวเยว่เมิ่งถอยก้าวหลังไปกี่ก้าว เลี่ยงการสัมผัสของเขา แล้วพูดว่า "ท่าทีของฉันก็ได้แสดงออกอย่างชัดเจนไปแล้วตั้งแต่เมื่อเจ็ดปีก่อน" "ตอนนั้นผมไม่มีทางเลือก คุณจะตัดสินผมในตอนที่ผมยังไม่มีอำนาจที่จะไปทำอะไรเลยไม่ได้" "ไม่มีทางเลือก!" เชียวเยว่เมิ่งหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า"เพราะว่าคุณไม่มีทางเลือก คุณก็เลยให้ฉันยกโควต้าไปต่างประเทศให้คุณ แล้วเพราะว่าไม่มีทางเลือก หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการไปเรียนแลกเปลี่ยนแล้ว ในครั้งแรกคุณเลยถีบหัวส่งฉัน และเลือกที่จะไปอยู่กับเย่ชิงที่ไปเรียนแลกเปลี่ยนด้วยกันกับคุณ? ตอนนี้คุณก็อยากถีบหัวส่งเย่ชิง และก็มาหาฉันอีกครั้ง? ตอนนี้ฉันมีค่าอะไรที่คุณจะมาให้ความสำคัญ?" ใบหน้าโจวจื่อหยางมีความอึดอัดเกิดขึ้นครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า"คนที่ผมรักตั้งแต่ต้นคือคุณคนเดียว เย่ชิงก็แค่......" เชียวเยว่เมิ่งหลับตาลง ขัดคำพูดของโจวจื่อหยางโดยพูดขึ้นว่า "ถ้าหากวันว่าฉันไม่มีความเกี่ยวข้องกับเห้ออี้ลั่ว เป็นเพียงแค่หมอประจำธรรมดาคนหนึ่งที่อยู่ในโรงพยาบาล คุณยังจะเป็นเหมือนกับตอนนี้ไหม?" "มันไม่เกี่ยวกับเห้ออี้ลั่ว กี่ปีมานี้ผมได้สำนึกผิดแล้ว ให้โอกาสผมสักครั้ง ผมจะชดใช้ให้คุณเอง ผมสามารถทำให้คุณได้ตำแหน่งในโรงพยาบาลของเรา คุณมาเป็นผู้ช่วยของผมยังดีกว่าเป็นหมอประจำอยู่ที่โรงพยาบาลเล็กๆตั้งเยอะ เสี่ยวเยว่ผมกำลังคิดถึงวันข้างหน้าของเราสองคนอย่างจริงจังอยู่นะ"
已经是最新一章了
加载中