บทที่ 40 ของขวัญแต่งงาน   1/    
已经是第一章了
บทที่ 40 ของขวัญแต่งงาน
บ๗ที่ 40 ของขวัญแต่งงาน เรื่องที่ทำให้เฉียวเยว่เมิ่งเคอะเขินก็ไม่เกิดขึ้นเพราะเห้ออี้ลั่วไม่ได้นอนห้องเดียวกับเธอ เรื่องนี้ทำให้เธอเบาใจไปได้ เช้าวันที่สามเฉียวเยว่เมิ่งลงมาชั้นล่างตามปกติแต่เธอกลับเห็นของกองอยู่ภายในห้องโถง มีเห้ออี้ลั่วและป้าหลิวกำลังยืนคุยกันอยู่ด้านข้างเหมือนเธอได้ยินแว่วๆว่ายังขาดอะไรอยู่ ได้ยินเสียงฝีเท้าของเฉียวเยว่เมิ่งเดินเข้ามา เห้ออี้ลั่วก็เงยหน้าแล้วยิ้มให้เธอ “ตื่นแล้วเหรอ” “นี่จะทำอะไรกันคะ?” “เตรียมของส่งกลับไปที่บ้านของเธอ” “ไม่ต้องเยอะขนาดนี้มั้งคะ?” เฉียวเยว่เมิ่งมองเขาอย่างมึนงง “ความจริงของขวัญพวกนี้ต้องให้เธอในวันงานแต่ตอนนั้นพ่อแม่และญาติๆต่างไปเที่ยวกันอยู่จึงต้องรอพวกเขากลับมาก่อน ของเหล่านี้นอกจากให้พ่อแม่เธอแล้วยังมีของญาติๆเธอด้วย” เฉียวเยว่เมิ่งเอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องพิธีการพวกนี้เท่าไหร่ ต่อไปถ้ามีอะไรคุณเตือนฉันด้วยนะคะ” “เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องเล็ก เธอก็แต่งงานครั้งเดียวไม่ต้องเรียนรู้ก็ได้ เธอขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วช่วยปลุกเสี่ยวเป่าด้วยนะ” “อืมๆ รับทราบ” เฉียวเยว่เมิ่งรับคำแล้ววิ่งขึ้นชั้นบนไป เดินขึ้นไปจนสุดบันไดเธอก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับมามองเห้ออี้ลั่วที่อยู่ด้านล่างแล้วในใจเธอก็รู้สึกถึงความอบอุ่น ** เพื่อขนของเหล่านี้เห้ออี้ลั่วจึงขับรถSUVไป ด้านหลังยังมีรถบรรทุกอีกคันจึงสามารถบรรจุของได้หมด พอถึงหน้าบ้านเฉียวเยว่เมิ่ง ลั่วหมิงเม่ยและเฉียวไห่ซิงรวมถึงบรรดาญาติๆก็ล้วนลงมารอแล้ว แม้แต่คนในหมู่บ้านก็มามุงดูด้วยความอิจฉา เห้ออี้ลั่วจึงลดกระจกลงแล้วเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “พ่อแม่ทำไมลงมารอด้านล่างล่ะครับ?” “พวกเราก็เพิ่งมาถึงบ้านเดาว่าพวกเธอก็น่าจะใกล้ถึงแล้วจึงลงมาดู” ลั่วหมิงเม่ยมองดูรถสองคันที่หยุดลง “ทำไมขนมามากมายแบบนี้? มันสิ้นเปลืองเกินไป” “เป็นของที่มีอยู่แล้วแม่ไม่ต้องใส่ใจ” เห้ออี้ลั่วตอบกลับในขณะเดียวกันเขาก็เปิดประตูรถตามเฉียวเยว่เมิ่งและเสี่ยวเป่าลงไป คนขับรถบรรทุกด้านหลังเริ่มขนของลง ญาติตระกูลเฉียวและตระกูลลั่วจึงเข้ามาช่วยกันอย่างขันแข็งของทั้งหมดจึงสามารถขนขึ้นไปบนบ้านได้อย่างรวดเร็ว บ้านตระกูลเฉียวเป็นตึกแฝด สองชั้นรวมกันก็เป็นพื้นที่เกือบร้อยห้าสิบตารางเมตรได้ ปกติอยู่กันสามคนซึ่งถือว่ากว้างขวางเลยทีเดียว ตอนนี้มีคนเพิ่มมากลุ่มหนึ่งรวมถึงของอีกกองทำให้ดูแคบลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนหน้านี้ลั่วหมิงเม่ยได้เอ่ยถึงอาการของเสี่ยวเป่าให้ญาติทั้งสองฝ่ายได้รับรู้แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีใครเข้าใกล้เสี่ยวเป่ามากนัก ทุกคนต่างไปรุมล้อมพูดคุยกับเห้ออี้ลั่ว เห้ออี้ลั่วพูดคุยกับพวกเขาด้วยรอยยิ้มตลอดการสนทนาไม่ได้มีการวางมาดใดๆ ลั่วหมิงเม่ยกำลังจัดแบ่งของขวัญให้กับป้าทั้งสองของเฉียวเยว่เมิ่งก็เห็นเฉียวเยว่เมิ่งจูงมือเสี่ยวเป่าเดินเข้ามาจึงเอ่ยถามขึ้น “ของพวกนี้เธอเป็นคนทำหรือว่าลูกเขยฉันเป็นคนจัดการ?” “แม่คิดว่าฉันเก่งขนาดนั้นเลยหรือไง ฉันยังไม่รู้เรื่องของขวัญนี่ด้วยซ้ำ ฉันคิดมาตลอดว่ามันมีแต่ในยุคโบราณ” “เข้าใจแล้ว ฉันทำไมมีลูกไม่ได้เรื่องแบบนี้เนี่ย? แย่จริงๆ เธอให้ลูกเขยฉันจัดการของทั้งหมดนี่คนเดียวมันเหมาะสมไหม?” เฉียวเยว่เมิ่งกลืนน้ำลายลงคอ “แล้วฉันควรจะทำยังไงล่ะ?” “ช่างเถอะ พูดไปเธอก็ไม่เข้าใจ เธอพาเด็กน้อยขึ้นไปอยู่ชั้นบนดีกว่าอย่าทำให้เด็กรู้สึกอึดอัด” “รับทราบ รบกวนคุณป้าทั้งสองด้วยนะคะ” “ไม่รบกวนหรอกเพิ่งไปเที่ยวกลับมาจะได้เป็นการยืดเส้นยืดสายไปในตัว” ป้าทั้งสองคนเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม เฉียวเยว่เมิ่งบีบมือน้อยๆของเสี่ยวเป่าเบาๆ “ลูกรักเดินเข้าห้องคนเดียวได้ไหม?” เสี่ยวเป่าพยักหน้าแล้วจึงเดินเข้าห้องของเฉียวเยว่เมิ่งจากนั้นก็ปิดประตู เฉียวอินลูกพี่ลูกน้องของเฉียวเยว่เมิ่งเอ่ยขึ้น “ดูจากรอยยิ้มบนหน้าเธอแล้วแปลว่าสุขสบายดี ลูกของเห้ออี้ลั่วเลี้ยงไม่ยากใช่ไหม?” “เสี่ยวเป่าเชื่อฟังดีมากเขาแค่กลัวคนเยอะ ถ้าคนเยอะอารมณ์เขาจะแปรปรวน” “มีเด็กจำนวนไม่น้อยที่เป็นแบบนี้ เขายอมรับเธอก็ถือว่าดีแล้ว วันก่อนฉันยังกังวลว่าเธอจะสามารถเข้ากับเขาได้ไหม เธอก็เป็นลูกคนเดียว ลูกคนเดียวมักจะดูแลคนอื่นไม่ค่อยเป็น” “พี่อินอย่ามาดูถูกฉันขนาดนี้ได้ไหม?” เฉียวเยว่เมิ่งโวยวายใส่เฉียวอินด้วยความไม่พอใจแล้วไปหยิบขนมและนมเปรี้ยวในตู้เก็บของชั้นบนมาให้เฉียวอินและลั่วหย่าเอ่อ เธอและแม่ของเธอชอบกินขนมกรุบกรอบและนมเปรี้ยวดังนั้นจึงมีของพวกนี้วางอยู่หลายที่ “เธอลองถามหย่าเอ่อดูสิว่าคิดแบบนี้หรือเปล่า?” เฉียวอินรับนมเปรี้ยวมาแล้วแกะดื่มทันที “พี่เฉียวที่พี่อินพูดก็มีเหตุผลนะ ฉันและพี่อินต่างก็มีพี่น้อง มีแค่พี่ที่เป็นลูกคนเดียวเพราะคุณลุงและคุณป้าทั้งสองคนยืนหยัดที่จะมีลูกคนเดียว พี่คงไม่ได้สัมผัสถึงข้อดีของการมีพี่น้อง” เฉียวเยว่เมิ่งไร้คำพูด “แล้วพวกเธอสองคนคืออะไร?” “พวกเราไม่เหมือนกัน พวกเราเป็นญาติถึงแม้จะสนิทกันแค่ไหนก็ไม่เหมือนพี่น้องท้องเดียวกันที่สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง” “นี่วันนี้พวกเธอมาโอ้อวดฉันหรือไง” “มาอิจฉาเธอต่างหาก” เฉียวอินตบลงบนไหล่เธอสองสามที “อีกหน่อยถ้ามีเรื่องที่ไม่เข้าใจก็โทรหาฉันได้ ยังไงฉันก็มีลูกแล้วมีประสบการณ์มากกว่าเธอ” “ขอบคุณพี่อินมาก” ลั่วหย่าเอ่อเห็นท่าทางออดอ้อนของเฉียวเยว่เมิ่งจึงถามขึ้น “พี่เฉียวทักษะของพี่เขยฉันเป็นยังไงบ้าง?” เฉียวเยว่เมิ่งได้ยินดังนั้นก็สำลักนมเปรี้ยวที่กินอยู่ เธอไอค่อกแค่กสามทีแล้วเอ่ยข้น “ตอนนี้ฉันรู้แล้วล่ะว่าวิธีการใช้ภาษาอันเถรตรงของคุณหญิงลั่วนั้นได้มาจากใคร พวกเธออย่าถามซอกแซกเรื่องส่วนตัวคนอื่นแบบนี้ได้ไหม? ” “ไม่ได้! ก็ฉันสงสัยไง ถ้าพี่เขยมีทักษะเรื่องนั้นอย่างยอดเยี่ยมก็จะถือว่าเป็นคนที่สมบูรณ์แบบมาก” “อีกหน่อยเธอแต่งงานก็รู้เองแหละ” “บอกหน่อยสินิดเดียวก็ได้” “ฝันไปเถอะ!” ลั่วหย่าเอ่อกรอกตาไปมาแล้วจึงคล้องแขนเฉียวเยว่เมิ่งไว้ “เฉียวเยว่เมิ่งตอนนี้เธอแต่งงานเข้าบ้านเศรษฐีแล้ว อย่าลืมแนะนำผู้ชายรวยๆให้ฉันด้วยล่ะ รู้ไหม?” “เธอเพิ่งยี่สิบสี่เอง ไม่ต้องรีบ” “ก็ต้องคบกันก่อนสักปีสองปีค่อยแต่งงานไม่ถือว่าเร็วไปหรอก” “ได้” เฉียวเยว่เมิ่งหัวเราะ ลั่วหย่าเอ่อเผยรอยยิ้มสดใส จากที่ที่เธอนั่งอยู่มองลงไปสามารถมองเห็นเห้ออี้ลั่วที่กำลังถูกรุมล้อมได้อย่างพอดิบพอดี หน้าตาหล่อเหลาและรูปร่างที่สมบูรณ์แบบของเห้ออี้ลั่วทำให้เขาดูโดดเด่นขึ้นมาเมื่ออยู่ท่ามกลางกลุ่มคน ประกอบกับการพูดจาและฐานะอันสูงส่งของเขาทำให้เขาดูเป็นผู้ชายที่ยากจะเอื้อมถึง เธอก็เคยแอบปลื้มเห้ออี้ลั่วแต่เธอคิดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายที่เธอเคยเพ้อฝันถึงวันหนึ่งจะกลายมาเป็นพี่เขยของเธอ ลั่วหย่าเอ่อดูเหมือนกำลังคุยกับเฉียวอินเกี่ยวกับเฉียวเยว่เมิ่งอย่างสนุกสนานแต่ในใจกลับมีความอิจฉาพาดผ่าน ตั้งแต่เด็กเธอมักจะถูกนำมาเปรียบเทียบกับเฉียวเยว่เมิ่ง ฐานะทางครอบครัวของเฉียวเยว่เมิ่งนั้นดีกว่าเธอเพราะเฉียวไห่ซิงและลั่วหมิงเม่ยมีเธอเป็นลูกสาวคนเดียว ทั้งความรักและเงินทองทั้งหมดจึงเป็นของเฉียวเยว่เมิ่งคนเดียว ไม่เหมือนเธอที่มีน้องชายอีกคนของอะไรที่ดีมักจะถูกเก็บไว้ให้น้องชายเสมอ 
已经是最新一章了
加载中