บทที่ 94 ไปโรงเรียนด้วยกันกับเสี่ยวเป่า   1/    
已经是第一章了
บทที่ 94 ไปโรงเรียนด้วยกันกับเสี่ยวเป่า
บ๗ที่ 94 ไปโรงเรียนด้วยกันกับเสี่ยวเป่า วันจันทร์ เฉียวเยว่เมิ่งขอหัวหน้าแผนกลางาน 2 ชั่วโมงเพื่อที่จะพาเสี่ยวเป่าไปเปลี่ยนชุดนักเรียนที่โรงเรียน ชุดนักเรียนของลูกดูน่ารักเป็นพิเศษ เสื้อตัวเล็กๆ กางเกงตัวเล็กๆ และรองเท้าคู่เล็กๆมันสั้นไปหมด เนื่องจากรองเท้ามันเล็กกว่าฝ่ามือของเธออีก ดูน่ารักกระจุ๋มกระจิ๋มมาก เฉียวเยว่เมิ่งใช้เจลแต่งผมชนิดพิเศษแต่งผมให้เสี่ยวเป่าให้อยู่ทรง จัดผมให้ตั้งขึ้นมา เจ้าตัวน้อยดูอิ่มเอิบมีชีวิตชีวา อวัยวะบนหน้าเหมือนถูกแกะสลักอย่างประณีตและงดงาม และดวงตาก็ดำขลิบเปล่งประกาย เด็กคนนี้น่ารักนุ่มนิ่มมาก “เจ้าลูกชาย หล่อจริงๆเลย” เฉียวเยว่เมิ่งพูดจบก็ออกแรงจูบที่หน้าผากของเด็กน้อยแรงๆ เสี่ยวเป่าพอได้ฟังก็แสดงอาการยิ้มแบบเขินอาย แล้วก็จูบเฉียวเยว่เมิ่งตอบ ก่อนที่จะสะพายกระเป๋าเดินลงไปด้านล่าง เห้ออี้ลั่วนั่งที่โซฟาในห้องรับแขกรอพวกเขาอยู่ เฉียวเยว่เมิ่งบีบที่มือของเจ้าเด็กน้อย เสี่ยเป่าพอได้เห็นเห้ออี้ลั่ว จึงพูดกับเขาด้วยเสียงอ่อนนุ่มว่า “อรุณสวัสดิ์ครับพ่อ” “หลับสบายไหมครับลูก?” “ครับ” “โรงเรียนของลูกมีอาหารเช้าจัดเตรียมให้ วันนี้ลองไปทานข้าวที่โรงเรียนดูก่อน ถ้าหากว่าไม่ถูกปาก วันหลังก็กินข้าวที่บ้านกันนะครับ” “ครับ” แม้ว่าเสี่ยวเป่าจะพูดคุยพอรู้เรื่องแล้ว แต่ว่าส่วนใหญ่จะพูดแค่ประโยคสั้นๆ ประโยคจะสั้นประมาณ 5 คำพูด แต่ละประโยคจะพูดแต่ง่ายๆ แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เห้ออี้ลั่วกับเฉียวเยว่เมิ่งรู้สึกดีใจปนประหลาดใจ พวกเขามาถึงตอน 7:30 น. เด็กนักเรียนในโรงอาหารในเวลานี้มีไม่ค่อยเยอะ พวกเขา 3 คนพ่อ แม่ ลูกถือโอกาสนั่งตรงข้างหน้าต่าง เห้ออี้ลั่วไปนำอาหารว่างมื้อเช้ามา 3 ที่ พวกเขา 3 คนค่อยๆรับประทานอาหาร การเจริญอาหารของเสี่ยวเป่าในตอนนี้ดูไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนไป เห็นได้ชัดว่าไม่มีอะไรต้องปรับตัว หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ เห้ออี้ลั่วกับเฉียวเยว่เมิ่งก็พาเขาไปส่งที่หน้าประตูห้องเรียน พวกเขาพบว่าชั้นประถมศึกษาปีที่ 1/1 มีนักเรียนเพียง 13 คนเท่านั้น เป็นห้องที่เล็กที่สุด ถ้าอย่างนี้มันก็สะดวกที่คุณครูจะดูแลเด็กได้ทั่วถึงทุกคน เสี่ยวเป่าดูตัวเล็กกว่าเด็กอายุที่มากกว่า 1-2 ขวบที่อยู่ตรงหน้าไม่น้อย แต่หน้าตาของเขาดูสงบและหวงที่เกินกว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน พอเสี่ยวเป่าเดินเข้าห้องไป ก็หันหน้ากลับมามองเห้ออี้ลั่วกับเฉียวเยว่เมิ่ง เฉียวเยว่เมิ่งทำสัญญาณมือบอกให้เขาสู้ๆ ก่อนที่จะโบกมือไปมา เสี่ยวเป่าเดินเข้าห้องเรียนอย่างว่านอนสอนง่าย เห้ออี้ลั่วจูงมือเฉียวเยว่เมิ่งด้วยท่าทางที่เป็นธรรมชาติเดินไปติดต่อกับผู้อำนวยการโรงเรียน ด้วยทั้ง 2 คนมีหน้าตาที่โดดเด่น จึงดึงดูดสายตาของกลุ่มคน สายตาของคนบางคนหยุดตรงที่คู่ของพวกเขา เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกอิจฉา เฉียวเยว่เมิ่งที่ไม่รู้จะพูดอะไรจึงพูดขึ้นว่า “คุณเศรษฐีคะ สภาพแวดล้อมตอนเข้าเรียนของคุณเป็นอย่างไรบ้างคะ?” “สิ่งอำนวยความสะดวกในโรงเรียนของผมในตอนนั้นยังไม่ครบถ้วนละปลอดภัยเท่าที่นี่ แต่สภาพแวดล้อมคงดีกว่าคุณตอนเด็กมาก” “ถ้าหากว่าตอนเด็กฉันมีสภาพแวดล้อมดีแบบนี้ ตอนเรียนก็คงดี ตอนนี้ฉันคงกลายเป็นคนที่เก่งมากอย่างแน่นอน” “ตอนนี้คุณก็เป็นปริญญามหาบัณฑิตแล้ว ถ้าเก่งกว่านี้ก็ดุษฎีบัณฑิตแล้วใช่ไหม?” “หวินซานก็จบปริญญาเอกไม่ใช่หรอคะ? ความรู้สึกแบบนั้นต้องดีแน่ๆ” “ช่วงไม่กี่วันนี้อารมณ์ของเขาค่อนข้างแปรปรวน ถ้ามีเวลาคุณก็ลองไปพูดคุยกับเขาดู ตอนนี้ถ้าผมไปโผล่ตรงหน้าของเขานะ เขาจะจ้องผมเหมือนเป็นคู่อริของเขาเลย” “หญิงสาวที่ตั้งครรภ์ย่อมมีสัญชาตญาณความเป็นแม่ที่เกินขอบเขต ถ้ามีใครสักคนกล้าไปทำร้ายลูกของเขา เขาต้องสู้สุดชีวิตกับคนคนนั้นแน่นอน เขาจะไม่มองคู่อริเหมือนกับคุณหรอกค่ะ นอกจากเขาจะไม่รักลูกของเขา” “เหตุการณ์ไม่เป็นเช่นนั้นหรอก” เฉียวเยว่เมิ่งมองดูเวลาแวบหนึ่ง จึงพูดว่า “เวลาที่ฉันลาหัวหน้าแผนกใกล้จะครบแล้ว ฉันต้องกลับไปทำงานแล้วค่ะ” ** เฉียวเยว่เมิ่งที่เพิ่งกลับมาถึงห้องทำงานก็ได้รับโทรศัพท์จากแผนก ICU จึงรีบร้อนเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนที่จะรีบวิ่งไปยังห้องผ่าตัด เคสนี้เป็นการผ่าตัดกระดูกที่แตกเป็นชิ้นๆ การผ่าตัดเคสนี้ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องระมัดระวัง ใจจดใจจ่อ และใช้เวลานาน หลังจากผ่าตัดเสร็จ เวลาก็ล่วงเลยมาถึงบ่าย 2 โมง เสี่ยวอันได้ทำอาหารกลางวันเตรียมไว้ให้เฉียวเยว่เมิ่ง พอเห็นเธอเดินออกมาจึงได้ยกถาดอาหารที่มีน้ำชากับอาหารร้อนมอบให้เธอนำกลับไป “ขอบใจนะจ๊ะเสี่ยวอัน” เสี่ยวอันเทน้ำอุ่นใส่แก้วให้เฉียวเยว่เมิ่ง ก่อนที่จะวางแก้วไว้บนมือของเธอ “พี่เฉียวคะ คนที่ควรขอบคุณคือหนูค่ะ พ่อแม่ของหนูบอกว่าท่านเข้าใจดีที่จะย้ายบ้านค่ะ ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากพี่ ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะเปลี่ยนแปลงไปถึงขั้นไหนค่ะ” “ไม่ต้องมาชมขนาดนี้ก็ได้จ๊ะ ตั้งแต่เรื่องนี้ก่อความวุ่นวายขึ้น คุณเห้อของหนูรับรู้เรื่องนี้โดยเร็ว พี่ก็ไม่เอาความความดีเข้าตัวหรอกจ๊ะ ใช่ละ...หนูอ่านหนังสือวิชาชีพเป็นอย่างไรบ้างจ๊ะ? ทางโรงพยาบาลได้เริ่มการสอบภายในแล้ว ดูเหมือนหนูยังเอ้อละเหยอยู่เลย พี่อยากให้หนูรีบหน่อยนะจ๊ะ?” เสี่ยวอันรีบทำสีหน้าพยายามทันที “หนูกำลังอ่านอยู่ค่ะ แต่ทุกครั้งที่อ่านจบหนูก็ลืมหมดเลย ถ้าครั้งนี้หนูสอบไม่ผ่านจะโดนไล่ออกไหมคะ?” “ถ้าสอบไม่ผ่าน 3 ปีซ้อน แนะนำให้ถอยดีกว่า นั่นเป็นเพราะถ้าสอบครั้งที่ 2 ไม่ผ่าน จิตใจก็จะกดดันเป็นอย่างมาก ดังนั้นพี่จึงหวังว่าหนูจะสอบผ่านตั้งแต่ครั้งแรกนะจ๊ะ หลังจากนี้จะได้ใช้จิตใจจดจ่ออยู่กับเทคนิควิชาชีพ” “หนูก็คิดอย่างนั้นค่ะ” เฉียวเยว่เมิ่งคิดอยู่สักพักหนึ่งก่อนจะพูดว่า “ในช่วงเวลานี้หนูต้องใช้จิตใจและกำลังเป็นอย่างมากในการเตรียมพร้อมสำหรับการสอบนะจ๊ะ พี่กับหัวหน้าแผนกจะเชิญผู้ช่วยแพทย์มาทำงานแทนกะงานของหนู” “ขอบคุณนะคะพี่เฉียว” เสี่ยวอันพูดด้วยเสียงแหลมก่อนที่จะพุ่งไปหอมที่แก้มของเฉียวเยว่เมิ่ง หลังจากนั้นก็ถูอ้อนเหมือนกับเจ้าหมาน้อยถึงจะปล่อย เฉียวเยว่เมิ่งทำเหมือนกับว่าเป็นสัตว์เลี้ยง จึงลูบคลึงที่ศีรษะของเธอ “พอแล้ว รีบไปได้แล้ว พี่น่ะเปิดโอกาสให้ขนาดนี้ ถ้าหนูยังสอบไม่ผ่าน พี่ก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว” “หนูจะพยายามแน่นอนค่ะ” พอพูดจบ เสี่ยวอันก็ทำท่าวันทยหัตถ์เหมือนกับเด็กซน ก่อนจะวิ่งหายลับไปกับตา เฉียวเยว่เมิ่งเผลอยิ้มออกมา ก่อนที่จะรีบรับประทานอาหารอย่างรวดเร็ว ** ช่วงบ่ายโมงเย็น มีการเรียกรวมตัวบุคลากรของโรงพยาบาลทั้งหมด ผู้อำนวยการได้มารับผิดชอบในการควบคุมดูแลจัดการการประชุมนี้ด้วยตัวเอง ช่วงนี้ไวรัส H7N7 (ไข้หวัดนก สายพันธุ์ H7N7) กำลังระบาด ตัวอย่างการตรวจวินิจฉัยโรคเป็นที่แน่นอนแล้วว่าผู้ป่วยทั้งหมดจะเข้าพักรักษาตัวที่ห้อง ICU ของโรงพยาบาลใหญ่ๆ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ไม่น่ายินดีเลย บรรยากาศในโรงพยาบาลใหญ่ๆต้องเผชิญหน้ากับผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลยอดสูงสุดในรอบปี แม้ว่าขั้นแรกจะเตรียมพร้อมสำหรับการให้การรักษาผู้ป่วยนอกนั่นคือการให้พักอยู่ที่โรงพยาบาลจะถูกรับมือไว้แล้ว และยังต้องเตรียมทำสงครามต่อต้านกับเชื้อไวรัส ในเวลาเดียวกัน บุคลากรทางการรักษาและพยาบาลนอกจากทำงานในหน้าที่ของตัวเองแล้วนั้น ยังต้องเจียดเวลานอกไปรับมือกับกลุ่มคนที่ป่วยเป็นไข้หวัดและการเป็นโรค แพทย์ทุกคนปกติจะใช้เวลาในการทำงาน 7 ชั่วโมงครึ่งในการทำงานแบบประมวลผล แต่ว่าการรักษาแบบฉุกเฉินนั้นจะต้องยืดเวลาการทำงานของพวกเขาออกไป ด้วยเหตุนี้ ในทุกวันพวกเขาจะต้องใช้เวลาในการทำงานประมาณ 9-10 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น อาชีพการงานของพวกเขาไม่มีวันหยุดที่กำหนดแน่นอนตามกฎหมาย ถ้ามีคนป่วยก็ต้องมาทำงาน ตำแหน่งหน้าที่การทำงานของคนอื่นในสังคม การทำงานในแต่ละสัปดาห์นั้นอย่างมากที่สุดไม่เกิน 56 ชั่วโมง พวกบุคลากรทางการแพทย์นั้นจำเป็นต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ เวลาในการทำงานนั้น 90-110 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ 
已经是最新一章了
加载中