ตอนที่ 41 โลกอีกใบ
1/
ตอนที่ 41 โลกอีกใบ
วิวาห์ร้าย แต่งกับผี
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 41 โลกอีกใบ
ตอนที่ 41 โลกอีกใบ “เฉินน่อ ! หลีกทางไปเดี๋ยวนี้นะ อย่าพยายามหลอกล่อฉันด้วยการชวนคุยเลย มันก็แค่กลอุบายเด็กอนุบาล อย่าคิดนะว่าฉันจะดูไม่ออก ! ” ฉันมองซูหลินด้วยความจนปัญญา ไม่มีอะไรที่จะปิดบังสายตาตำรวจไปได้ เจ้าตัวเล็กพึ่งจะพูดกับฉันว่า เขารู้ว่าฉันคือภรรยาของเทียนปู้หยู่ เขาไม่ทำอะไรฉันหรอก เพียงแค่ขอให้ฉันช่วยเขาไว้ก็พอ และฉันก็คิดว่าเจ้าตัวเล็กนี่อย่างน้อยก็มีฝีมืออยู่พอตัวนะ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้ขอความช่วยเหลือจากเขาเมื่อไหร่ก็เท่านั้นเอง “ซูหลิน ปล่อยเขาไปเถอะนะ ไม่แน่เราอาจจะต้องการความช่วยเหลือจากเขาก็ได้นะ ปล่อยเขาไปเถอะ” ซูหลินมองไปด้วยสายตาอันเคียดแค้น ไม่สามารถจะปล่อยให้มันลอยนวลไปได้ ต้องทำลายมัน ซูหลินเลยฉวยโอกาสตอนที่ฉันเผลอผลักฉันออกแล้วรีบพุ่งตัวไปข้างหลังฉัน ฉันขัดขวางซูหลินไม่สำเร็จ ดังนั้นหนทางสุดท้ายคือต้องใช้กลอุบายหลอกล่อขึ้นมาว่า “ฉันขอร้องเถอะ อย่าฆ่าเขาเลย เขาทั้งตัวเล็ก แล้วอีกอย่างเขาไม่มีพิษมีภัยอะไรหรอกนะ” คล้ายว่าซูหลินหูหนวกไปแล้วก็มิปาน เขาไม่ฟังอะไรฉันเลย รีบคว้าสิ่งที่อยู่ในมือตุ๊กตานั้นขึ้นมา แต่ทว่าครั้งนี้ซูหลินไม่ได้เอายันต์และคาถาอะไรออกมา หรือเป็นเพราะว่าไม่ได้วางแผนเพื่อจะฆ่าเขาจริงๆใช่ไหม? ความที่ฉันกำลังฉันอยู่อย่างเซ่อๆ ซูหลินคล้ายว่าจะอ่านใจฉันออก เขาเลยหันมาอธิบายกับฉันว่า “กะอีแค่ฆ่าไอเปี๊ยกนี่ ฉันไม่ต้องพึ่งมนต์คาถาของฉันเพื่อเอาออกมาใช้หรอกนะ” อะไรนะ !ยังไงซูหลินก็จะฆ่าเขางั้นเหรอ ฉันใจหายวาบ “ซูหลิน แล้วฉันต้องทำอย่างไรเพื่อให้เธอไว้ชีวิตเขาละ !” ซูหลินกระชับสิ่งที่อยู่ในมือไว้แน่น อีกทั้งยังเมินคำถามของฉันอีก “สิ่งนี้เมื่อเอาไว้ข้างกายมนุษย์มันจะกลืนกินพลังของเราออกไปเพื่อใช้ในการเจริญเติบโตของมัน เธอไม่กลัวรึไง ถึงได้เอามันไว้กับตัวนะ หา ! ” พูดจบ ซูหลินก็ขว้างเจ้าตัวเล็กกลับมาให้ฉัน ฉันรีบรับเอาไว้ด้วยความตกใจ เจ้าตัวเล็กนี่รีบเอามือมากอดนิ้วฉันเอาไว้เหมือนกับเด็กน้อย พร้อมทั้งยิ้มทั้งน้ำตามองมาที่ฉัน ฉันกลัวว่าซูหลินจะเปลี่ยนใจ เลยไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไปมากมาย เลยทำเพียงแค่เอาตุ๊กตาตัวนี้ขึ้นมาไว้ที่ข้างหูเพื่อฟังว่าเขาต้องการจะสื่ออะไร “ซูหลิน เขาขอบคุณนายมาก ถ้ามีโอกาสเขาจะรีบทดแทนบุญคุณอย่างแน่นอน” หลังจากนั้นฉันก็ทำได้แค่เดินตามซูหลินไปอย่างเงียบๆ ในขณะที่กำลังเดินอยู่นั้น เสียงของเจ้าตัวเล็กนี่ยังคงดังอยู่ในหัวของฉัน จับใจความได้ว่า จริงๆแล้วเขาไม่มีชื่อหรอก เป็นเหมือนแค่สิ่งของเท่านั้น ห้วงของความรู้สึกฉันมีความรู้สึกหมดหวัง เพราะก่อนหน้านี้ มันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ฉันต้องมารับรู้ถึงความเจ็บปวดต่างๆแต่ทว่ามันก็เป็นเพียงสิ่งที่อ่อนแอเล็กๆตัวนึงเท่านั้น เดินมาสักพักก็พบว่าต้นไม้นั้นอยู่ไม่ไกลแล้ว ! ขณะที่ฉันกำลังดีใจอยู่นั้น ก็รีบตะโกนบอกซูหลินว่า “ซูหลินดูนั้นสิ ต้นไม้ใหญ่นั้น อยู่ตรงนั้น !” “จริงๆแล้วพวกเธออยากจะไปที่ต้นไม้ใหญ่นั้นกันไม่ใช่เหรอ พูดอย่างนั้นได้อย่างไร พวกเธอรู้เหรอว่าไปยังไง ” เป็นครั้งแรกที่เจ้าตัวน้อยเปิดปากพูดออกมา ซูหลินได้ยินดังนั้นก็มีความแปลกใจจนต้องขมวดคิ้วขึ้นมา แล้วรีบแย่งจากในมือฉันไป “หรือว่าแกคือตำนานที่เขาเล่าขานกันมาหรอกหรือ” ได้ยินถึงตรงนี้ฉันมีแต่คำถามผุดขึ้นมา “ตำนานเหรอ ตำนานอะไรอะ” ซูหลินจึงต้องอธิบายให้ฉันฟังอย่างเลี่ยงไม่ได้ “เมื่อนานมาแล้ว ในยมโลกหน่ะมีตำนานเล่าต่อกันมาของสิ่งหนึ่ง เพราะไม่มีใครเคยเห็น จึงไม่เคยมีใครตั้งชื่อให้ แต่ตำนานนี้กล่าวถึงผู้หยั่งรู้ ใครสงสัยอะไรก็สามารถถามเขาได้ เพียงแต่เขาไม่คิดจะโจมตีใคร แต่ทุกคนก็ต้องการทำลายกัน อีกอย่างเขาไม่สามารถจะปกป้องตัวเองจากใครได้ จึงทำให้เขาหนีหายไปในที่สุด ” เพราะแบบนี้นี่เอง เจ้าตัวเล็กนี้ถึงได้หลบซ่อนหลังกำแพงมาตลอด เพราะต้องการป้องกันตัวเองจากสิ่งอื่นนั้นเอง พวกเราเดินมากันสักพักแล้ว แต่ทางข้างหน้าก็ไกลจนสุดลูกหูลูกตา ต้นไม้ใหญ่ในที่ไกลโพ้นนั้นเหมือนจะไม่มีทางลัดสำหรับมันเอาสะเลย แต่ทว่าเจ้าตัวเล็กนั่นก็ทำหน้าตาเหล่อหลาเหมือนกับเราเลย หรือว่าเราจะมาผิดทางงั้นหรือ? นาทีนั้น เจ้าตัวเล็กพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอก พวกเธอเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆก็โอเคแล้ว เดินมาถูกทางแล้วละ เดี๋ยวฉันบอกทางเอง” เมื่อได้ยินดังนั้น ฉันคิดว่าตัวเองอาจจะโชคดีที่เจอเจ้าตัวเล็กเข้า พร้อมทั้งมองไปที่ซูหลินอย่างดีใจ โชคยังเข้าข้างที่ซูหลินไม่ฆ่าเขาทิ้งเสีย เดินไปไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้ว จู่ๆซูหลินก็หยุดเดินอย่างกะทันหัน ขมวดคิ้วแน่นไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ผ่านไปสักพัก ซูหลินก็พูดว่า “เฉินน่อ เธอไม่รู้สึกแปลกๆหน่อยเหรอตอนนี้ฟ้าสร่างแล้ว หรืออีกอย่างคือในยมโลกคือตอนกลางวันแต่ทำไมแถวนี้ไม่มีใครเดินผ่านไปผ่านมาบ้างละ” นั่นสิ ฉันเลยมองไปออกไปรอบๆ เพียงแค่ในตอนแรกรีบๆเดินเพื่อให้ถึงจุดหมายเลยไม่ได้สนใจอะไรนัก จนมาถึงตอนนี้พึ่งจะสังเกตุว่ารอบๆตัวไม่มีใครอยู่เลย ทำยังไงดีละ ขณะนั้นเอง เจ้าตัวเล็กก็โผล่หัวจากอ้อมอกฉันแล้วพูดว่า “เดี๋ยวพวกเธอถึงต้นไม้ใหญ่นั่นก็รู้คำตอบเองละ” ฉันเลยค่อยๆบีบแก้มเจ้าตัวเล็กเบาๆ เพราะกลัวเจ้าตัวเล็กจะบุบสลายไป แต่ทว่าเจ้าตัวเล็กนี่ก็เก่งไม่เบาเลยนี่ อีกครั้งที่เดินอย่างไร้จุดหมาย ฉันเหนื่อยล้ามาก ก้มมองเจ้าตัวเล็กในมือ นอนอย่างสบายใจเชียวนะ ให้พวกฉันเดินมาตั้งไกล แต่ตัวเองนอนสบายใจเฉิบเลยนะ ! ฉันทำได้เพียงแค่เดินต่อไป แต่ทว่าเจ้าตัวเล็กลับพูดขึ้นมาว่า “ที่นี่ละ” อะไรนะ อะไรที่นี่ ? เหมือนกับเดินยังไงก็ไม่ถึงต้นไม้ใหญ่เสียที แต่อยู่ดีๆกลับบอกว่าถึงแล้วเหรอ “ที่นี่นะเป็นเส้นแบ่งของโลกและยมโลก ให้เดินตรงไปห้ามหันหลังกลับมามอง ไม่อย่างนั้นจะทำให้เส้นนี้เคลื่อนได้” ได้ยินดังนั้นทั้งฉันและซูหลินต่างหลับตาเดินไปข้างหน้า แต่ทว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็มีเสียงนึงดังขึ้น “นี่พี่สาว ฉันบอกว่าไม่ให้หันหลังกลับไปมองไม่ใช่ให้ปิดตาเดิน พวกเธอรีบๆลืมตาขึ้นเร็วเข้า” ได้ฟังดังนั้นจึงรู้สึกตัวเพราะเมื่อกี้เอาแต่คิดมากจนเอาแต่หลับตาปี๋ ฉันเลยลืมตาขึ้นมาด้วยความเขินอาย กำลังจะหันไปหัวเราะกับเจ้าตัวเล็กแต่ทว่าฉันพบว่าต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไกลสุดลูกหูลูกตากลับมาอยู่ตรงหน้าของพวกฉันแล้ว ฉันและซูหลินทั้งดีใจและแปลกใจในเวลาเดียวกัน เลยรีบเดินไปที่ต้นไม้ใหญ่นั้น ซูหลินเลยทดสอบว่าจริงหรือไม่ด้วยการลูบไปที่ต้นไม้นั้น พยายามที่จะหาทางเข้าไปยังอีกโลกนึง เจ้าตัวเล็กที่อยู่ในมือฉันรีบเปลี่ยนอิริยาบถเป็นหมอบลง เอาสองมือจับไว้ที่ศีรษะ ดูมีความอ่อนน้อมกว่าตอนแรกมากนัก “ต้นไม้นี้คือต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ มีแต่คนยศถาบรรดาศักดิ์พร้อมทั้งชื่อเสียงและอำนาจที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น จึงจะมีคุณสมบัติที่จะสามารถสถิตอยู่ในต้นไม้นี้ได้” แต่ไหนแต่ไรมา ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นี้ ตั้งแต่ยังเป็นต้นเล็กจนโตก็ไม่เคยมีใบไม้ร่วงหล่นลงมาเลยสักใบ เพราะมันเป็นใบที่ใช้ในการข้ามไปมาระหว่างสองโลก ส่วนใบที่จะใช้ได้นั้นต้องเป็นใบไม้สีเขียวเข้มเท่านั้น ฉันและซูหลินทำตามคำแนะนำของเจ้าตัวเล็ก ต่างคนต่างขึ้นไปเด็ดใบไม้มาหนึ่งใบ วางไว้บนมือแล้วเอามือไปทาบกับลำต้น ฉันพึ่งจะเอามือไปทาบกับลำต้นเพียงชั่วพริบตาเดียว ต้นไม้ใหญ่ก็เริ่มสั่นขึ้นมาจนรู้สึกได้ว่าตรงที่ยืนอยู่มันสั่นไหว ฉันยังจับซูหลินเอาไว้ชั่วพริบตาเดียวก็เกิดแสงสว่างจ้าขึ้นมาและล้มไปที่พื้น วินาทีนั้นฉันรู้สึกว่ามีแสงสว่างมาจากด้านบนศีรษะของฉัน ฉันเห็นบนต้นไม้สูงมีแสงสีเขียวกระจายอยู่รอบๆจนทำให้ตาลายจนทนไม่ไหวต้องรีบหลับตาลง พอฉันลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่า อยู่ที่อีกโลกหนึ่งเรียบร้อยแล้ว ที่อยู่ตรงหน้าคือคฤหาสน์ขนาดใหญ่ ไม่เหมือนโรงรับจำนำก่อนที่เราจะเข้าไป ด้านนอกดูสง่างามโอ่อ่า ผู้คนขวักไขว่ไปมามามากมายส่วนใหญ่ถือของขวัญและเดินเข้าออกมากมาย แต่โดยปกติแล้วพวกวิญญาณจะแต่งตัวอำพลางว่าเป็นมนุษย์ทั่วไป แต่งกายงดงาม ยิ้มแย้มแจ่มใส ดูคล้ายกับคนร่ำรวยผู้ดีมีชาติตระกูล แต่ตรงที่ประตูทางเข้ามีผู้เฒ่าหน้าตาอ่อนโยนมีอัทธยาศัยที่ดี คล้ายพ่อบ้านที่คอยดูแลความเรียบร้อยต่างๆ พวกเราเลยเดินเข้าประตูไป ผู้เฒ่าจึงถามด้วยรอยยิ้มว่า “ขออนุญาตนะหนูๆ พวกหนูมีการ์ดเชิญกันไหม” ฉันและซูหลินหันมามองหน้ากัน พร้อมทั้งสั่นหัวไปมาอย่างจนปัญญา ตอนนั้นเอง พ่อบ้านเริ่มมองมาที่พวกเราด้วยแววตาดูถูก เหมือนพวกเราเป็นขอทานยังไงยังงั้น แต่เขาก็ยังมีความอดทนในการถามพวกเราด้วยรอยยิ้มอีกครั้งว่า “แล้วเราสองคนละมีเงินกันไหม” ได้ยินถึงตรงนี้ก็เกิดความงุนงงขึ้น ซูหลินจึงถามว่า “ข้างในมีงานอะไรกันหรือครับ” ฉันพึ่งจะรู้ว่า ข้างในกำลังมีงานฉลองอยู่ ฉลองงานแต่งงานภรรยาอีกคนนึง ฉันคิดในใจว่า คนๆนี้น่าจะเป็นคนไม่ดีแน่ๆ พึ่งจะแต่งงานไปหมาดๆเอง จะแต่งงานใหม่กับอีกคนนึงแล้วงั้นเหรอเนี่ย ฉันและซูหลินหมดหนทางที่จะเดินไปอีกฝั่ง เลยปรึกษากันว่าจะเอาอย่างไรดี เจ้าตัวเล็กในมือฉันจึงพูดว่า “พวกเธอไม่มีเงินกันเลยเหรอ” ฉันได้แต่กรอกตามองบน สถานการณ์ตอนนี้มันยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ ถามจริงง ยังจะต้องถามเพื่อเยาะเย้ยกันอีกหรือนี่ ฉันไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้วเนี่ยฉันได้แต่หวังว่าซูหลินช่วยอะไรฉันได้ หรืออาจจะมีคำแนะนำอะไรดีๆสักอย่าง “นั่นสินะเงินสักบาทก็ไม่มีติดตัวเลย ถึงได้มาขอข้าวเขากินกันนี่ไง !” เจ้าตัวเล็กยังคงพูดตอกย้ำอยู่ เหมือนกับว่ากำลังแดกดันที่ซูหลินคิดจะฆ่าเขาก่อนหน้านี้ แต่ทว่า พวกเราก็ไม่มีเงินกันจริงๆนี่นา “ที่นี่เป็นยมโลก ปกติแล้วไม่สามารถใช้เงินของพวกเธอได้อยู่แล้ว ปกติเงินที่ใช้ที่นี่ก็คือเงินกระดาษที่เผาให้บรรพบุรุษหน่ะ” ทำให้ฉันนึกถึงวันแรกที่เจอจ้าวซิ้วที่ตรอกนั่นกับขบวนงานแต่งงาน ที่มีคนนั่งอยู่บนม้านั่นเป็นสามีของจ้าวซิ้ว รอบๆมีโปรยเงินอยู่เต็มไปหมด ฉันนึกขึ้นได้ถึงตรงนี้ ถ้าเป็นโลกแห่งความจริงละ เงินนั่นก็จะอยู๋บนถนนเต็มไปหมดเลยนะสิ ทันใดนั้นซูหลินก็หมุนตัวแล้วเดินออกไป ฉันรีบวิ่งไปขวางเขา แต่ทว่าเขากลับไม่ได้มีท่าทีที่จะหยุดใดๆ แถมยังบอกว่า “ไปสิ ไปเอาเงินกัน” ซูหลินพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งมาก แต่ฉันก็ยังคงประหลาดใจอยู่ จะไปเอาเงินยังไงกันนะ แล้วจะได้เงินจริงๆเหรอเนี่ย
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 41 โลกอีกใบ
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A