บทที่ 31 เมื่อทำผิดก็ต้องลงโทษ
1/
บทที่ 31 เมื่อทำผิดก็ต้องลงโทษ
สัญญาร้ายของประธานปีศาจ
(
)
已经是第一章了
บทที่ 31 เมื่อทำผิดก็ต้องลงโทษ
บ๗ที่ 31 เมื่อทำผิดก็ต้องลงโทษ สองชั่วโมงกว่าหลังจากนั้น ฟางหรงเทียนต้อนรับ Rolf ตัวแทนจากเยอรมัน หลังก้าวเท้าส่งพวกเขาจากไป เผยลี่เชินก็เคาะประตูเข้ามาพอดี ฟางหรงเทียนนั่งลงบนเก้าอี้สำนักงาน มองยังคนที่เดินเข้ามาอย่างไม่รู้สึกประหลาดใจแม้แต่น้อย หันหน้าไปออกคำสั่งอานโหรว “ไปเตรียมกาแฟมาสองแก้ว นาน ๆ ทีประธานเผยจะแวะมา ใช้เมล็ดกาแฟที่ดีที่สุดด้วยล่ะ” เผยลี่เชินอายุน้อยกว่าเขาแต่ตำแหน่งกลับสูงกว่าเขาขั้นหนึ่ง แม้ฟางหรงเทียนจะรู้ว่าตนเองต่างหากที่เป็นผู้ฮีโร่ที่แท้จริงของกลุ่มธุรกิจเผยซื่อ แต่ภาพลักษณ์ภายนอกควรเป็นอย่างไรก็ต้องทำตัวไปตามนั้น เผยลี่เชินยิ้มบาง สาวเท้ามาข้างโซฟาแล้วนั่งลง “อาฟาง เกรงใจกันเกินไปแล้ว ผมแค่มาไต่ถามสถานการณ์เท่านั้น เดี๋ยวเดียวก็กลับ” ถึงอย่างไรฟางหรงเทียนก็เคยเป็นคนที่เดินเคียงบ่าเคียงไหล่พ่อของเขา ในเวลาส่วนตัวเขาจึงยังคงเรียกขานอีกฝ่ายด้วยความเคารพ ฟางหรงเทียนถามกลับแม้รู้อยู่แก่ใจ “สถานการณ์อะไร?” เผยลี่เชินเลิกคิ้วเล็กน้อย เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ตกลงราคากับฝั่งเยอรมันเรียบร้อยแล้วหรือ? ตอนผมมาถึงเห็นพวกเขากำลังออกไปพอดี” การแบ่งสัดส่วนแผนงานในบริษัทมีความชัดเจนมาก เขา ฟางหรงเทียน และเผยอี้ล้วนไม่อาจยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวหน้าที่การรับผิดชอบแผนงานของคนอื่น ๆ ไม่เช่นนั้นจะทำให้เกิดความยุ่งเหยิงคลุมเครือ ก่อให้เกิดความไม่พอใจกันทั้งสองฝ่าย นี่คือกฎเกณฑ์ที่ตกลงกันภายในบริษัทแต่ไหนแต่ไรมา เผยลี่เชินเองก็เข้าใจแจ่มแจ้ง อย่าว่าแต่ยื่นมือเข้าไปยุ่งเลย โดยปกติแล้วหากไม่ใช่โปรเจกต์ของเขา เขาไม่เคยเอ่ยปากถาม เพียงคอยตรวจสอบผลลัพธ์ที่ออกมาตอนท้ายสุดเท่านั้น ทว่าคราวนี้ เขาไม่เพียงแค่ถาม แต่ยังจงใจมาถึงห้องทำงานของฟางหรงเทียน… ฟางหรงเทียนช้อนตามองเขา "ตกลงราคากันเรียบร้อยแล้ว ขาดก็เพียงแต่เซ็นสัญญาเท่านั้น ทางเราเตรียมการเอาไว้เสร็จสิ้น ไม่มีปัญหา” " งั้นก็ดีครับ" เผยหลี่เซินเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ เป็นจังหวะเดียวกับที่อานโหรวยกกาแฟเข้ามาพอดี ยื่นส่งให้เขาแก้วหนึ่ง รอจนอานโหรวออกจากห้องแล้ว ฟางหรงเทียนจึงมองไปยังเผยลี่เชิน แค่นยิ้มเอ่ยขึ้น "ลี่เชิน ที่นายตั้งใจมาหาฉัน คงไม่ใช่แค่อยากรู้ความคืบหน้าของแผนงานหรอกมั้ง?" เผยลี่เชินได้ยินเข้าก็เผยยิ้มบาง วางแก้วกาแฟในมือลงอย่างเชื่องช้า "ผมอยากรู้ว่าราคาที่ตกลงกันได้ อาฟางพอใจกับมันหรือเปล่า อีกอย่างเป็นเพราะเลขาซุ่มซ่ามของผมที่ทำให้อาฟางต้องวุ่นวายไม่ใช่หรือ? " ฟางหรงเทียนลุกขึ้น เอื้อมมือคว้าเอกสารที่อยู่บนโต๊ะแล้วก้าวยาวมาทางโซฟาเพื่อนำเอกสารยื่นให้ลี่เชิน "นี่คือราคาสุดท้ายที่อีกฝ่ายชี้แจงมา ราคาชิ้นส่วนสูงกว่าที่เราคาดหวังไว้ถึง 0.06" ฟางหรงเทียนไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น ทว่าเห็นได้ชัดจากน้ำเสียงว่าไม่พอใจ อย่าว่าแต่เพียงราคาชิ้นส่วนสูงขึ้น 0.06 เลย เขาสามารถทำให้ราคาตัวผลิตภัณฑ์ทั้งชิ้นพุ่งสูง จนสามารถเสริมกำลังการแข่งขันด้านผลิตภัณฑ์และการขายได้ในระดับที่มั่นคงด้วยซ้ำ เผยลี่เชินกวาดสายตาดูตัวเลขบนเอกสาร เผยยิ้มที่มุมปาก “อาฟาง เราไม่ควรศึกษาแค่เพียงเทคโนโลยีเท่านั้น ทุกวันนี้ทีมพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศมีมากขึ้นทุกที ขอเพียงเราได้สินค้ามา ก็สามารถเข้าใจหลักการเบื้องต้นของมันได้อย่างแจ่มแจ้ง ตราบใดที่มันไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดต่างประเทศ เราก็สามารถผลิตชิ้นส่วนของพวกเราเองได้หมด” เขาพูดพลาง วางเอกสารในมือลงบนโต๊ะกาแฟ ลุกขึ้นยืน “ดังนั้นแม้จะตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงราคา แต่เรายังสามารถเปลี่ยนแปลงได้อยู่ดี ต้องคิดอะไร ๆ ให้ยืดหยุ่นหน่อย” สีหน้าฟางหรงเทียนหม่นลง “ที่นายพูดน่ะมันง่าย ตัวเลข 0.06 นี่ เดิมทีที่สามารถตกลงกันได้ หากไม่ใช่เพราะเลขาคนนั้นของนาย…” เขาพูดไปได้ครึ่งทางก็รู้สึกตัวว่าแรงเกินไปหน่อย จึงเงียบลงทันควัน หันไปมองสีหน้าของเผยลี่เชิน เผยลี่เชินใบหน้าเรียบเฉย ไม่แสดงอาการขุ่นเคือง “ถึงอย่างไร เรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว อาฟาง ต่อให้ผมไล่เธอออกตอนนี้ก็แก้ไขอะไรไม่ได้” ฟางหรงเทียนไม่พูดอะไรอยู่เนิ่นนาน ผ่านไปสักระยะหนึ่ง เขาจึงหันมาจ้องมองเผยลี่เชินตรง ๆ แล้วเอ่ยถาม “ลี่เชิน นายคงไม่ได้คิดอะไรกับยัยเด็กนั่นใช่ไหม? ฉันไม่เคยเห็นนายปกป้องลูกน้องคนไหนแบบนี้มาก่อน!” “เหรอครับ?” เผยลี่เชินยิ้มบาง “อาฟางคิดมากไปแล้วล่ะ หากว่าผมจะปกป้องก็คงเป็นไปด้วยเหตุผลเดียว ก่อนหน้านี้ไม่นานตอนที่อาฟางยังไม่กลับมา ผมเรียกประชุมหัวหน้าระดับสูง รับโปรเจกต์นั้นของเผยอี้แล้วยังเดิมพันกับเขา ซึ่งมันข้องเกี่ยวกับไป๋เสว่เอ๋อร์ ว่าก่อนที่จะติดตามผมไปทำงานยังเมืองหนานไห่ ไม่ว่าไป๋เสว่เอ๋อร์จะทำความผิดอะไรก็ไล่เธอออกไม่ได้ อาฟางคงไม่คิดจะหักหน้าผมหรอกมั้ง?” ใบหน้าเผยลี่เชินเผยยิ้มน้อย ๆ ท่าทางและน้ำเสียงคล้ายกำลังต่อรอง แต่ยืนกรานทางสายตาอย่างหนักแน่นว่าไม่ยอมรับคำปฏิเสธ ฟางหรงเทียนย่นคิ้ว ไม่โต้ตอบอะไร เรื่องพนันนั่นเขาเคยได้ยินแล้ว และเข้าใจสถานการณ์กระจ่างดี ในเมื่อเผยลี่เชินเองก็พูดเช่นนี้ เขาเองก็ไม่มีข้ออ้างที่จะกัดไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่ปล่อยอีกต่อไป “ลี่เชิน ครั้งนี้เพราะเห็นแก่หน้านาย ฉันจะละเว้นยัยเด็กนั่นสักครั้ง แต่ว่าฉันขอเตือนนายด้วยความหวังดี ยัยเด็กนั่นเป็นลูกสาวของไป๋เจิ้งตง ไม่ว่าอย่างไร...ก็ขอแนะนำให้ไล่เธอออกไปโดยเร็วที่สุด” เผยลี่เชินฉายแววตาล้ำลึก “นั่นมันเรื่องของผม ไม่รบกวนให้อาฟางมาเป็นธุระด้วยหรอก” ฟางหรงเทียนโบกมือไปมา เป็นสัญญาณว่าไม่ขอพูดอะไรมากไปกว่านี้ “ไว้ฉันจะบอกอานโหรวให้ไปหาเธอ บอกว่าไม่ต้องรับโทษแล้ว” “ไม่จำเป็น” เผยลี่เชินตอบกลับทันควัน “ในเมื่อทำผิด ก็สมควรต้องลงโทษ” หากไม่ลงโทษเสียบ้าง ผู้หญิงคนนั้นจะรู้จักหลาบจำได้อย่างไร? จะเข้าใจได้อย่างไรว่าเรื่องบางอย่างไม่อาจตัดสินใจโดยพลการหากปราศจากคำอนุญาตจากเขา? แล้วจะสำเหนียกได้อย่างไรว่าในวงการธุรกิจควรระมัดระวังคำพูดคำจาและการกระทำในทุกวินาที? ทั้งควรให้เธอเรียนรู้รับผิดชอบผลลัพธ์จากความผิดพลาดของตัวเองด้วย ฟางหรงเทียนประหลาดใจเล็กน้อย ตอนที่เขาหันไปหาเผยลี่เชิน อีกฝ่ายก็เดินมาถึงหน้าประตูแล้ว “อาฟางเชิญทำธุระก่อนเถอะ ผมไม่รบกวนแล้ว” พูดจบเขาก็ดึงประตูเปิดแล้วก้าวออกไป ขณะเดียวกัน หน้าประตูห้องน้ำโรงอาหารพนักงาน ไป๋เสว่เอ๋อกำลังตั้งอกตั้งใจกวาดเถ้าบุหรี่ตรงประตู เธอสวมชุดพนักงานกับรองเท้าส้นสูง ไม่สามารถก้มตัวมากนัก จึงได้เพียงแต่กวาดพื้นให้สะอาดอย่างเชื่องช้า ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน อันเป็นเวลาใกล้อาหารเย็นพอดี คนที่ทำงานล่วงเวลาและคนที่ขี้เกียจกลับไปทำกับข้าวที่บ้านมากมายล้วนเลือกมากินข้าวที่โรงอาหาร เพียงครู่เดียว โรงอาหารก็คลาคล่ำไปด้วยผู้คน เมื่อมีคนมาก คนใช้ห้องน้ำก็มากตาม คนที่เดินผ่านไปมาล้วนเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์กำลังทำความสะอาดห้องน้ำอยู่ เธอสวมชุดพนักงาน จากการแต่งกายเห็นได้ชัดเจนว่าไม่ใช่พนักงานทำความสะอาด ทว่าไม่รู้ใครที่แพร่กระจายข่าวลือออกไป ทำให้ทุกคนรู้ว่าเธอกระทำความผิดลงไปจึงได้โดนลงโทษ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก้มหน้ากวาดพื้น บังเอิญได้ยินเสียงหัวเราะนินทาเย้ยหยัน “ว้ายดูสิ! นั่นมันเลขาคนใหม่ของประธานเผยนี่! ได้ยินว่าทำผิดก็เลยถูกประธานฟางลงโทษเอา!” “ใช่ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของไป๋ซื่อหรือเปล่า? ตายจริง! ตกต่ำได้ขนาดนี้เลยเหรอ…” “โชคชะตาไม่แน่ไม่นอนจริง ๆ นึกไม่ถึงเลย…” “……” ไป๋เสว่เอ๋อร์กัดฟันกรอด ทว่ายังคงเคลื่อนไหวต่อไป เธอได้กลิ่นโชยมาจากห้องน้ำ อดกลั้นจากสายตาของผู้คน ราวกับถูกจับเปลื้องผ้าประจานต่อหน้าสาธารณชน ไร้ซึ่งศักดิ์ศรีจะโต้ตอบ ขณะนั้นเองเกิดความวุ่นวายโกลาหลที่หน้าประตู จากนั้นใครสักคนที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้นมา “ประธานเผยมา! ประธานเผยมากินข้าวที่โรงอาหาร! ไป๋เสว่เอ๋อร์จับไม้กวาดแน่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงนั้น พลางช้อนตามองไปยังประตู… “......”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 31 เมื่อทำผิดก็ต้องลงโทษ
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A