ตอนที่85 สืบหาข้อมูลบ้างถือเป็นเรื่องดี   1/    
已经是第一章了
ตอนที่85 สืบหาข้อมูลบ้างถือเป็นเรื่องดี
ต๭นที่85 สืบหาข้อมูลบ้างถือเป็นเรื่องดี วันต่อมาเมื่อไป๋เสว่เอ๋อไปส่งเอกสารให้เผยลี่เชิน ประตูของห้องทำงานปิดไม่สนิท แง้มไว้เล็กน้อย เมื่อหล่อนเดินเข้าไปก็ได้ยินเสียงคนพูดคุยกัน เป็นเสียงของฉีเฟิง สมแล้วที่เป็นผู้ช่วยอันเก่งกาจของเผยลี่เชิน ท่าทางและน้ำเสียงเหมือนกับมีเผยลี่เชินอีกหนึ่งคน มีความว่องไวกระฉับกระเฉงน้ำเสียงเย็นชาและเคร่งขรึม “วันนี้ผมโทรศัพท์หาผู้ช่วยของประธานอู๋เพื่อจะนัดเจอ กลับถูกปฏิเสธอีกแล้ว เรื่องที่เกิดครั้งนี้ประธานอู๋โมโหมาก เกรงว่าช่วงเวลาระยะนี้คงจะใจเย็นลงยาก” เผยลี่เชินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นขา “โทรต่อไป โทรจนกว่าเขาจะตกลงเจอหน้าพูดคุยแล้วค่อยหยุด” ไป๋เสว่เอ๋อชะงัก มือที่จับด้ามประตูไว้แน่นกลับอ่อนแรงลงโดยไม่รู้ตัว ประธานอู๋ที่พวกเขาพูดกัน คงเป็นท่านประธานบริษัทการเงินฝู้ฉัยที่เจอเมื่อวานตอนเที่ยง บริษัทของพวกเขายิ่งใหญ่ขนาดนี้ บัญชีและทรัพย์สินของบริษัทก็มีการหมุนเวียนอย่างคล่องตัว คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องทำธุรกิจร่วมกับบริษัทการเงินขนาดใหญ่ ดูไปแล้ว ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ทำให้เผยลี่เชินลำบากไม่น้อยเลย ไป๋เสว่เอ๋อยิ่งคิดยิ่งทำอะไรไม่ถูก จับเอกสารในมือไวแน่น หันหลังเดินออกไป ความผิดพลาดที่หล่อนทำไว้เอง จะนั่งมองเฉยอย่างไม่ใส่ใจไม่ได้ หลังจากที่คิดพิจารณาอยู่พักใหญ่ หล่อนตัดสินใจที่จะไปหาประธานอู๋ด้วยตัวเองสักครั้ง เพื่อไปอธิบายที่เกิดขึ้นวันนั้นอย่างละเอียด ไม่รู้ว่าผลลัพธ์นั้นจะออกมาเป็นอย่างไร แต่หล่อนก็อยากจะลองดูสักครั้ง ถ้าเกิดทำสำเร็จขึ้นมาล่ะ? หลังจากที่ตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อหาเวลาว่างตอนที่เผยลี่เชินออกไปงานเลี้ยงด้านนอก หล่อนให้นักศึกษาฝึกงานมาที่ห้องทำงานช่วยรับโทรศัพท์และเอกสาร ส่วนหล่อนก็ออกเดินทางไปยังบริษัทการเงินฝู้ฉัย บริษัทการเงินฝู้ฉัยถือเป็นบริษัทอันดับต้นๆในธุรกิจการเงินของเมืองไห่เฉิง ไป๋เสว่เอ๋อถึงตึกสำนักงาน เดินผ่านห้องโถงขนาดใหญ่ ตรงไปที่เคาน์เตอร์แผนกต้อนรับบอกเหตุผลที่มาเยือน พนักงานต้อนรับหัวเราะใส่หล่อน “ขออภัยค่ะคุณไป๋ จะขอเจอประธานอู๋จะต้องทำการนัดหมายล่วงหน้า คุณกลับไปหาเวลานัดท่านให้ได้ก่อนแล้วค่อยกลับมาใหม่นะคะ” “รบกวนคุณช่วยไปบอกเขาให้หน่อยได้ไหมคะ? ฉันมีเรื่องด่วนที่จะต้องเรียนประธานอู๋ให้ทราบ ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น” “ขอโทษค่ะ” “……” ถูกพนักงานต้อนรับปฏิเสธกลับมาหลายครั้ง ในที่สุดไป๋เสว่เอ๋อก็ยอมแพ้ให้กับวิธีนี้ หล่อนเดินไปด้านข้าง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาผู้ช่วยของประธานอู๋ “ฮัลโหล สวัสดีค่ะ ฉันคือไป๋เสว่เอ๋อเลขาของประธานเผยบริษัทตระกูลเผยค่ะ ตอนนี้ฉันอยู่ที่ชั้นล่างของบริษัทคุณ อยากจะขอพบประธานอู๋เพื่ออธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ไม่ทราบว่าจะได้ไหมคะ?” คู่สายเงียบไปสักพัก รีบพูดขึ้น “เพราะประธานเผยให้คุณมารึเปล่า?” “ฉันมาที่นี่เองค่ะ เรื่องเมื่อวานเกิดจากความผิดพลาดของฉันเอง” ฝั่งตรงข้ามรีบพูดแทรกทันที “ขออภัยด้วยนะคะ หากจะอธิบายหรือขอโทษ ควรจะให้ประธานเผยมาด้วยตัวเองดีกว่านะคะ” ให้เผยลี่เชินมาขอโทษ? ดูไปแล้วครั้งนี้คงทำให้ประธานอู๋โมโหมากจริงๆ แต่ความต้องการนี้ก็โหดไปสักหน่อย ยังไงพวกเขาก็เคยร่วมทำธุรกิจกันมา หากจะขัดแย้งกันถึงขั้นนี้จริงๆ คงจะลำบากใจมากทีเดียว ไป๋เสว่เอ๋อสูดหายใจเข้าลึก เดินไปนั่งที่โซฟาตรงห้องโถงใหญ่ ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดหล่อนก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ หล่อนโทรศัพท์ไปหาผู้ช่วยของประธานอู๋อีกครั้ง ดังอยู่สองครั้ง ไม่มีใครรับสาย หล่อนไม่ละความพยายาม โทรต่อไปครั้งที่สาม ในที่สุด ฝ่ายตรงข้ามก็มีคนรับโทรศัพท์ “เลขาไป๋ ฉันบอกไปแล้วไงคะ ประธานอู๋ของพวกเราไม่พบใครทั้งนั้น นอกจากจะให้ประธานเผยมาด้วยตัวเอง” “ขอโทษนะคะ ช่วยบอกประธานอู๋ให้ดิฉันหน่อยว่าเรื่องที่เกิดขึ้น ฉันรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ไม่เกี่ยวกับประธานเผย ฉันจะอดทนรอคำตอบรับของเขาจนกว่าเขาจะยอมเจอฉัน เวลาของประธานอู๋มีค่ามาก แต่เวลาของฉันมีมากมาย ฉันจะรอจนเขาเลิกงาน วันนี้เขาไม่ยอมให้เจอ พรุ่งนี้ฉันก็จะมาใหม่ จนกว่าประธานอู๋จะยอมเจอฉัน ฉันจะโทรศัพท์ติดตามสถานการณ์ทุกชั่วโมง เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสตอนประธานอู๋มีเวลาว่าง ขอบคุณค่ะ” เมื่อไป๋เสว่เอ๋อพูดจบ หล่อนตัดสายอย่างไม่ลังเล หล่อนกำมือถือไว้แน่น หูทั้งสองข้างได้ยินถึงเสียงเต้นของหัวใจดัง“ตึกตึก” คำพูดเมื่อครู่ ไม่สามารถพูดออกมาได้หากหล่อนกระวนกระวายใจ แม้ว่าจะแฝงไปด้วยความหมายที่ส่อไปแนวขู่ แต่เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว หล่อนก็จำเป็นต้องใช้วิธีเช่นนี้ ไป๋เสว่เอ๋อนั่งรออยู่บนโซฟาหนึ่งชั่วโมง โทรศัพท์หาผู้ช่วยของประธานอู๋ตรงเวลา และนั่งรอต่อไป หลังจากนั้นสองชั่วโมง หล่อนกำลังโทรศัพท์หาผู้ช่วยประธานอู๋ตามเวลากำหนด แต่มือถือกลับดังขึ้นมาเสียก่อน หล่อนสั่นไปทั้งตัว รีบสไลด์หน้าจอกดรับ คู่สายเป็นเสียงของผู้ช่วยประธานอู๋ น้ำเสียงฟังดูอ่อนโยนกว่าตอนแรกเยอะขึ้นมาก “ประธานอู๋พิจารณาเรียบร้อยแล้ว ตกลงที่จะพบคุณ คุณขึ้นมาข้างบนเถอะ” ไป๋เสว่เอ๋อรู้สึกดีใจมาก รีบตอบกลับ “ขอบคุณค่ะ!” เมื่อถึงห้องทำงานของประธานอู๋ ไป๋เสว่เอ๋อได้เจอกับประธานอู๋ รีบก้าวเข้าไปด้วยความนอบน้อมและเคารพ หันไปโค้งให้ประธานอู๋ก่อน “ขออภัยด้วยค่ะประธานอู๋ ขอโทษที่ฉันทำผิดไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์” หล่อนพูดด้วยความจริงใจ ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่โค้งคำนับแสดงความขอโทษก่อน ตาของประธานอู๋กระตุก ยืดตัวนั่งตรง เขาเงยหน้ามองไป๋เสว่เอ๋อ พร้อมถามขึ้น “เธอก็คือเลขาของประธานเผยงั้นหรือ?” “ใช่ค่ะ ฉันเพิ่งมาทำงานที่บริษัทได้ไม่นาน ยังไม่คุ้นเคยกับอะไรหลายๆอย่างในบริษัท ไม่รู้นิสัยของท่าน เพียงแค่ได้ยินมาว่าท่านชอบทานอาหารดิบ ฉันจึงจองร้านอาหารร้านนั้น เป็นเพราะฉันไม่ได้คิดให้รอบคอบ ทำให้คุณต้องอารมณ์เสีย ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับประธานเผยเลย ” สีหน้าของประธานอู๋นิ่งขรึม จ้องมองไปที่หล่อนอยู่สักพัก พูดขึ้นด้วยท่าทีผ่อนคลาย “พวกเด็กวัยรุ่น เพิ่งมาทำงานที่บริษัทคงไม่ใช่เหตุผลในการทำผิด” “ฉันเข้าใจดี ฉันจึงได้มาที่นี้ ขอให้ท่านประธานอู๋โปรดเห็นใจ หวังว่าประธานอู๋จะให้โอกาสฉันอีกสักครั้ง” ไป๋เสว่เอ๋อลุกขึ้นโค้งคำนับ น้ำเสียงซื่อสัตย์จริงใจ ประธานอู๋มองมาที่หล่อนอยู่หลายครั้ง หรี่ตามอง หยุดสักพัก จู่ๆก็ถามขึ้น “เธอคือลูกสาวของไป๋เจิ้งตง?” ไป๋เสว่เอ๋อรู้สึกบีบหัวใจ สบตามองไปที่ประธานเผย “ใช่ค่ะ” ประธานอู๋ขมวดคิ้ว เงียบอยู่พักใหญ่ ผ่านไปสักพักเขาก็ถามต่อ “พ่อของเธอเป็นยังไงบ้าง?” จิตใจที่แสนเจ็บปวดทรมาน ไป๋เสว่เอ๋อกำมือแน่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว สีหน้าของเธอกลับตอบด้วยท่าทีที่จริงจังและเด็ดขาด “สถานการณ์ไม่ชัดเจน” ตอบคำถามด้วยถ้อยคำที่สั้นมาก แฝงไปเรื่องราวที่คลุมเครือมากมาย สีหน้าของประธานเผยดูผ่อนคลายมากขึ้น ถอนหายใจออก “เมื่อก่อนทำงานร่วมกับพ่อของเธออยู่เป็นประจำ ความสัมพันธ์ค่อนข้างดี เกิดเรื่องขึ้นกับเขาฉันก็รู้สึกเสียใจ” ไป๋เสว่เอ๋อได้ยินเช่นนั้นรีบเงยหน้าขึ้น สายตามองไปที่เขา เหมือนกับประธานอู๋จะรู้ว่าหล่อนกำลังจะพูดอะไร เขาพูดพลางหันหลัง “เพียงแต่เรื่องครั้งนี้ ฉันช่วยไม่ได้จริงๆ” ทันใดนั้น สายตาที่เต็มไปด้วยความหวังกลับหมดหวังทันที มีเรื่องเกิดขึ้นกับตระกูลไป๋ เพื่อนมิตรที่เคยดีกันมาตลอดกลับหนีห่างกันไป คาดหวังอะไรกับคนพวกนั้นไม่ได้เลยสักนิด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่นๆ ไป๋เสว่เอ๋อเงียบไปครู่หนึ่ง พูดขึ้นด้วยเสียงแหบแห้ง “ขอบคุณความห่วงใยของประธานอู๋มากค่ะ คุณใส่ใจในเรื่องของเขาขนาดนี้ ฉันเชื่อว่าพ่อคงมีความสุขมาก” ประธานอู๋ได้ฟังแบบนั้น คงรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เงียบไปพักใหญ่ ถอนหายใจ “ช่างเถอะ งั้นอย่างนี้ ฉันจะให้ช่องทางติดต่อคนที่ผมรู้จักคนหนึ่ง เขามีวิธีสอดแนม แต่ก็ต้องมีค่าตอบแทน ถ้าเธอต้องการ ฉันจะโทรหาเขาให้” ไป๋เสว่เอ๋อตาเป็นประกาย สบตามองไปที่ประธานอู๋ รู้สึกดีใจจนรีบพูดขึ้น “ขอบคุณมากค่ะประธานอู๋” ประธานอู๋พลิกหาเอกสารในลิ้นชัก ในที่สุดก็หานามบัตรเจอหนึ่งใบ ส่งให้ไป๋เสว่เอ๋อ ไป๋เสว่เอ๋อยื่นสองมือไปรับ เมื่อเห็นนามบัตร หล่อนราวกับเห็นฟางข้าววิเศษช่วยชีวิต ตอนนี้หล่อนไม่รู้เลยว่าสถานการณ์ของพ่อที่อยู่ในคุกเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าสามารถหาใครสักคนไปสืบเรื่องมากได้ก็คงจะดี หล่อนยังอยากที่จะขอบคุณประธานอู๋ แต่ประธานอู๋กับปัดมือ “เธอกลับไปได้แล้ว” ไป๋เสว่เอ๋อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นึกขึ้นมาได้ว่ามาที่นี่เพื่ออะไร “ประธานอู๋คะ เรื่องเมื่อวาน....” สีหน้าของประธานอู๋ดูใจดีขึ้นมาก ยิ้มมุมปากมองไปที่หล่อน พูดกึ่งล้อเล่น “เรื่องเล็กน้อยเอง ผมยังจู้จี้จุกจิกกับเธอไม่พออีกเหรอ? กลับไปก่อนเถอะ ฉันค่อยเปลี่ยนวันนัดเจอประธานเผย” 
已经是最新一章了
加载中