ตอนที่ 91 เธอหึงอย่างนั้นหรือ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 91 เธอหึงอย่างนั้นหรือ
ต๭นที่ 91 เธอหึงอย่างนั้นหรือ ไป๋เสว่เอ๋อร์นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้น เธอหันมามองเผยลี่เชินในทันที “เธอบอกฉันว่าคุณเป็นคนสั่งให้ฉันไป” พริบตานั้นเอง เมื่อสายตาของทั้งคู่ปะทะกัน บรรยากาศภายในรถยนต์ก็เงียบสงัดขึ้นมาในทันที ตอนนั้นเองที่ไป๋เสว่เอ๋อร์เพิ่งจะรู้ว่า เผยลี่เชินไม่ได้วางแผนให้เธอไปที่โรงพิมพ์ แต่เป็นสวี่เยว่หรูที่เจตนาบอกกับเธอแบบนั้น สวี่เยว่หรูคือตัวการของเรื่องนี้ทั้งหมด สวี่เยว่หรูปล่อยให้เธอคิดว่าเผยลี่เชินเจตนาลงโทษเธอ และเป็นคนที่ส่งเธอไปทำงานที่นั่นด้วย แต่ว่าเมื่อครู่นี้ ตอนที่เธอโทรศัพท์หาเผยลี่เชิน สวี่เยว่หรูกลับเป็นคนที่รับสายแทน แล้วเรื่องนี้จะอธิบายว่าอย่างไรกันล่ะ ไป๋เสว่เอ๋อร์หลับตาลง สีหน้าของเธอเริ่มเรียบเย็นขึ้นมา เธอหันศีรษะกลับไป มองออกไปยังด้านนอกของหน้าต่าง และไม่ยอมพูดอะไรอีก เมื่อรถยนต์จอดสนิทที่หน้าประตูทางเข้าของโรงพยาบาล ไป๋เสว่เอ๋อร์เปิดประตูและกำลังจะลงจากรถ ทว่าทันใดนั้นเอง เผยลี่เชินได้เดินอ้อมจากอีกฝั่งหนึ่งของรถยนต์มาหาเธอ แล้วใช้มือของเขากดไหล่ของเธอเอาไว้ เธอเงยหน้าขึ้นมอง และเห็นว่าเผยลี่เชินมีท่าทีไม่เห็นด้วย ส่วนเผยลี่เชินเองก็ย่อตัวลง และเข้าไปอุ้มเธอออกมาจากรถยนต์ ความรู้สึกหวั่นไหวเกิดขึ้นภายในหัวใจของเธอ แต่ทว่าก็ยังมีอะไรบางอย่างติดอยู่ในใจของเธอเช่นกัน ทำให้เธอในตอนนั้นไม่อาจที่จะลืมเรื่องราวเลวร้ายลงได้ หลังจากที่ทำแผลเสร็จเรียบร้อย เวลาในตอนนั้นก็ค่ำมากแล้ว เผยลี่เชินจึงอุ้มไป๋เสว่เอ๋อร์ไปที่รถ และสั่งให้เจิงหงพากลับคฤหาสน์ในทันที ไป๋เสว่เอ๋อร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และรีบพูดออกมาว่า “ฉันอยากกลับบ้าน” เผยลี่เชินได้ยินดังนั้น เขาจึงไล่สายตามองไปยังขาที่บาดเจ็บของเธออย่างเย็นชา “คุณจะกลับไปด้วยสภาพนี้ และให้แม่ของคุณเป็นห่วงงั้นเหรอ” ไป๋เสว่เอ๋อร์กำชายเสื้อผ้าของเธอไว้แน่น นิ่งเงียบและไม่ยอมพูดอะไรเป็นเวลานาน บาดแผลที่ขาของเธอใหญ่ทีเดียว ถ้าหากเธอกลับไปด้วยสภาพบอบช้ำเช่นนี้ ไม่มีทางที่จะปิดบังเรื่องนี้ไม่ให้แม่ของเธอรู้ได้แน่นอน แถมตอนนี้ก็มืดมากแล้ว การที่เธอกลับไปก็ทำให้เธอต้องไปรบกวนแม่ของเธออีกด้วย เมื่อเห็นว่าไป๋เสว่เอ๋อร์นิ่งเงียบไปเป็นเวลานาน เผยลี่เชินจึงกวักมือส่งสัญญาณบอกให้เจิงหงออกรถ ระหว่างทาง บรรยากาศภายในรถช่างเงียบสงัดและเย็นยะเยือก ทั้งสองฝ่ายทำราวกับว่าโกรธเกลียดกันและกัน ทั้งคู่ได้แต่นิ่งเงียบ ไม่มีฝ่ายใดยอมเอ่ยปากพูดอะไรเสียเลย เมื่อถึงประตูทางเข้าของคฤหาสน์ เผยลี่เชินลงจากรถและเดินอ้อมมายังอีกฝั่ง เพื่อที่จะอุ้มเธอออกจากรถ แต่ใครจะไปคาดคิดว่ามือของไป๋เสว่เอ๋อร์จะผลักมือของชายหนุ่มออกไปในทันที เธอพูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันเดินเองได้” เผยลี่เชินชะงักไปครู่หนึ่ง เขามองไปยังหญิงสาว สายตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ขาขวาของเธอที่บาดเจ็บนั้นถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผลจำนวนหลายชั้น ภายในหนาถึงสามชั้น ภายนอกก็หนาถึงสามชั้น รูปร่างของมันช่างหนาไม่ต่างกับบ๊ะจ่างเลย ถ้าหากเธอเดินไปด้วยตัวเอง นอกจากจะต้องลำบากอย่างมากแล้ว เธออาจทำให้บาดแผลเปิดก็ได้ แต่ทว่าท่าทางของเธอนั้นชัดเจน เห็นได้ชัดว่าเธอตัดสินใจแน่วแน่แล้ว สายตาของเผยลี่เชินมองไปยังใบหน้าของเธอ เขาชักมือกลับมา “ได้” หลังจากที่เขาพูดจบ เธอก็ไม่ยืนรอให้เสียเวลา รีบสาวเท้ามุ่งหน้าไปยังประตูใหญ่ในทันที เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์ก้าวไปได้เพียงสองก้าว เธอก็รู้สึกลำบากเป็นอย่างมาก เธอกัดฟันอดทนเดินต่อไป เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น เธอก็มองเห็นชายหนุ่มเดินไปถึงยังประตูใหญ่เรียบร้อยแล้ว ในขณะที่เธอยังคงอยู่ที่เดิม และต้องอาศัยกำลังอย่างมากในการสาวเท้าก้าวเดินไปทีละก้าว ทีละก้าวเช่นนี้ แม้จะใช้เวลานานเท่าไร เธอก็ยังไม่ถึงประตูใหญ่เสียที และบาดแผลบนขาของเธอกลับเริ่มมีอาการปวดมากขึ้น ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกเสียใจ ท่าทางของเธอราวกับจะบอกว่าสิ่งที่อยู่ในใจนั้น มันไม่ง่ายเลยที่จะเอ่ยออกมา เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก เธอก็มาถึงยังหน้าบันไดทางเข้าเสียที แม้ว่าขั้นบันไดที่อยู่ตรงหน้าเธอจะมีเพียงสี่ถึงห้าขั้นเท่านั้น แต่สำหรับเธอแล้ว การจะก้าวขึ้นบันไดไปนั้นช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน ทำไมเธอถึงหุนหันพลันแล่น แล้วพูดออกไปว่าเธอเดินเองได้กันนะ ระหว่างที่เธอกำลังลังเลว่าเธอควรจะก้าวขาข้างใดขึ้นไปก่อนนั้น สายตาของเธอก็พลันเหลือบไปเห็นรองเท้าหนังเงาวับคู่หนึ่ง เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น เธอก็ต้องเผชิญเข้ากับสายตาอันแสนมืดมนของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านบน เผยลี่เชินมีสีหน้าที่ราบเรียบ เขาเพียงแต่เลิกคิ้วขึ้นและถามว่า “อยากให้ผมช่วยคุณไหม” เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์คิดถึงตอนที่สวี่เยว่หรูรับโทรศัพท์ของเขา ภายในใจของเธอก็รู้สึกโกรธขึ้นมา เธอจึงใจแข็งปฏิเสธเขาไป “ไม่ต้อง” เมื่อเธอพูดจบ เธอก็ก้มหน้าลงและยกขาข้างซ้ายที่ยังคงสบายดีของเธอก้าวขึ้นไป แต่แล้วจู่ๆ เธอก็รู้สึกตัวเบาหวิว ร่างของเธอถูกใครคนหนึ่งจับอุ้มขึ้นมาเสียแล้ว เธอเงยหน้าขึ้น และปะทะเข้ากับใบหน้าอันคมเข้มของเผยลี่เชิน สายตาของชายหนุ่มมองตรงไปยังใบหน้าของเธอ เขามองดูใบหน้าอันเรียวเล็กที่แสนมีเสน่ห์ของเธอค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีขาวซีด เขาเลิกคิ้วขึ้นครู่หนึ่ง และเอ่ยปากตำหนิเธอว่า “ไป๋เสว่เอ๋อร์ คุณไม่ต้องมาทำปากแข็งต่อหน้าผมหรอก” ตอนแรกที่เขาเห็นเธอดื้อรั้นเช่นนั้น เขาก็ตัดสินใจที่จะปล่อยมือและเลิกสนใจเธอ แต่เมื่อเขาเดินขึ้นไปถึงชั้นที่สองของบ้าน ภายในใจของเขากลับรู้สึกราวกับว่ามีอะไรกำลังบีบหัวใจของเขาอยู่ ทุกย่างก้าวที่เขาก้าวเดิน กลับทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเขายิ่งเห็นเธอทำตัวดื้อรั้นขนาดนั้น ก็ยิ่งทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่อาจทำใจแข็งได้มากพอที่จะเลิกสนใจเธอได้ เขาอุ้มไป๋เสว่เอ๋อร์เดินตัดผ่านห้องนั่งเล่น โดยที่ไม่สนสายตาของบรรดาคนรับใช้ที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขาพูดด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบว่า “ยกโจ๊กเม็ดบัวขึ้นไปให้ฉันด้วย” ไป๋เสว่เอ๋อร์ที่อยู่ในอ้อมกอดของเผยลี่เชิน มองดูชายหนุ่มที่กำลังหัวเสียอยู่ เธอไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไรออกไป เธอจึงทำได้เพียงปิดปากเงียบเท่านั้น เมื่อถึงห้องนอน เผยลี่เชินอุ้มเธอไปนอนบนเตียงในทันที ถึงแม้ว่าท่าทางของเขาอาจจะไม่อ่อนโยนเท่าไรนัก แต่เขากลับระมัดระวังไม่ไปโดนขาข้างที่บาดเจ็บของเธอเลยแม้แต่น้อย ตอนที่เธอพยายามจะนั่งตัวตรง ชายหนุ่มก็รีบโน้มตัวเข้ามาช่วยเธอในทันที และค่อยๆ ประคองร่างกายอันบอบช้ำของเธอให้สามารถเอนหลังได้ แม้เธอจะพยายามหนีจากเขามากเท่าไร แต่เธอกลับไม่อาจหนีไปจากนัยน์ตาสีดำขลับของเขาได้เลย เผยลี่เชินขมวดคิ้วเล็กน้อย ครู่ต่อมา เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่สุขุมว่า “ไป๋เสว่เอ๋อร์ คุณโกรธอะไรผมงั้นเหรอ” เขาอุตส่าห์ไปยังเขตหนานเฉิงเพื่อไปรับเธอ แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ดีขึ้นอย่างนั้นหรือ เขามองดูใบหน้าอันเรียวเล็กของเธอที่แสนเย็นชามาตลอดทั้งทาง อุ้มเธอและพาเธอกลับมาบ้าน แต่ก็ยังถูกปฏิเสธอย่างนั้นหรือ คนอย่างเผยลี่เชินเคยได้รับการตอบแทนจากคนอื่นในลักษณะนี้เมื่อไรกัน ไป๋เสว่เอ๋อร์จ้องมองไปที่ชายหนุ่ม ในตอนนั้น เธอเองก็แปลกใจที่ไม่สามารถเอ่ยคำใดๆ ออกมาได้ และเธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงโกรธเขามากขนาดนี้ ตอนนี้สมองของเธอมีแต่คำพูดของสวี่เยว่หรูตอนที่เธอรับโทรศัพท์ผุดขึ้นมาเต็มไปหมด เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ตอบสนอง เผยลี่เชินจึงหัวเสีย และพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่แสนเย็นชาว่า “ดูท่าแล้ว ผมไม่น่าต้องถ่อจากในตัวเมือง เพื่อไปรับคุณที่เขตหนานเฉิงเลยนะ” เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้น ภายในหัวใจของเธอก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา เธอไม่ทันยั้งคิด โพล่งสวนตอบเขาไปว่า “น่าจะยังเดทกับสวี่เยว่หรูต่อสินะ” เผยลี่เชินลุกขึ้นเมื่อได้ยินเธอพูดเช่นนั้น เขามีท่าทีไม่พอใจในทันที เขาจ้องไปที่ดวงตาของเธอด้วยความแปลกใจ เดทกับสวี่เยว่หรูอย่างนั้นหรือ เขาหยุดครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะได้ตอบกลับมาว่าเรื่องที่เธอพูดอยู่นั้นคืออะไร เขาจ้องมองไปที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ ไม่กี่วินาทีต่อมา ความเย็นชาบนใบหน้าของเขาก็ค่อยๆ มลายหายไป ผู้หญิงคนนี้กำลังหึงอย่างนั้นหรือ เห็นได้ชัดว่าหลังจากตอนที่เขาไปหาเธอ เธอก็ทำตัวปั้นปึ่งใส่เขามาตลอด ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ นั่นก็เพราะเธอหึงอย่างนั้นหรือ เขาพยายามกลั้นยิ้มเอาไว้ และแกล้งทำเป็นสวมดวงตาอันแสนเย็นชาคู่นั้นเงยหน้าจ้องมองไปที่หญิงสาว ทว่าน้ำเสียงของเขากลับอ่อนโยนขึ้นโดยไม่รู้ตัว “คุณรู้ได้อย่างไรว่าผมกับสวี่เยว่หรูอยู่ด้วยกัน” ไป๋เสว่เอ๋อร์มองไปที่อื่น เธอหลับตาลง ปิดปากเงียบ ไม่ยอมพูดอะไร แต่แล้วเผยลี่เชินก็เอื้อมมือไปจับแก้มของเธอในทันที และค่อยๆ จับใบหน้าของเธออย่างเบามือ บังคับเธอให้หันมาหาเขา เขายิ่งขยับตัวเข้าใกล้เธอมากขึ้น จนลมหายใจของทั้งสองคนและบรรยากาศภายในห้องขณะนั้น ไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้อย่างชัดเจน “ว่าไง คุณรู้ได้อย่างไร” เมื่อไม่อาจหลบสายตาได้อีกต่อไป ไป๋เสว่เอ๋อร์จึงจำต้องตอบคำถามของเขา “ฉันโทรหาคุณ แต่กลับเป็นสวี่เยว่หรูที่รับสายแทน เธอเป็นคนบอกฉัน” สายตาของเผยลี่เชินลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น ขณะนี้เขาเข้าใจทุกอย่างชัดเจนแล้ว ดูเหมือนว่า ความผิดพลาดทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นมาจากฝีมือของสวี่เยว่หรู มือถือของเขาได้หายไปตอนที่เขากำลังเลือกของขวัญอยู่ ส่วนของอย่างอื่นนั้น มีอะไรอยู่ข้างตัวก็หยิบติดมือไปทั้งหมด เห็นได้ชัดว่าตอนนั้นสวี่เยว่หรูเป็นคนรับโทรศัพท์ของเขา เผยลี่เชินปลอบโยนเธอ เขาขยับตัวนั่งตัวตรงเล็กน้อย แต่สายตาของเขายังคงจ้องมองไปที่เธออย่างไม่ลดละ “อาจารย์มหาวิทยาลัยของพวกเราจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิด พวกเราเลยไปเลือกของขวัญด้วยกัน เรื่องราวก็มีแค่นั้น ไม่มีอะไรนอกเหนือจากนี้อีก” ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้น เธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะถามออกไปด้วยความลังเลว่า “คุณ... กำลังอธิบายให้ฉันฟังอยู่เหรอ” ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้สัมผัสถึงบุคลิกของเผยลี่เชินและเข้าใจดีเกือบทั้งหมดแล้ว ไม่ต้องถามหาถึงคำอธิบาย เวลาที่เผยลี่เชินทำงานเลย สำหรับเขา ยิ่งง่ายเข้าไว้ยิ่งดีที่สุด สิ่งที่สามารถทำให้เสร็จได้ภายในขั้นตอนเดียว จะไม่มีทางมีขั้นตอนที่สองอย่างแน่นอน และเขาก็ไม่มีทางมานั่งเสียเวลาอธิบายอะไรทั้งนั้นหรอก แต่เมื่อกี้เขาเพิ่งจะ... เมื่อเขามองเห็นสายตาที่แสนประหลาดใจของหญิงสาว เผยลี่เชินกลับไม่มีทีท่าปฏิเสธแต่อย่างใด เขาเอนตัวไปข้างหน้า ริมฝีปากของเขาแนบเข้าที่แก้มของเธออย่างแผ่วเบา คล้ายกับว่าเขาเจตนาที่จะล้อเธอเล่นเสียหน่อย “ถ้าคุณคิดว่านั่นคือคำอธิบาย มันก็คือคำอธิบาย” 
已经是最新一章了
加载中