ตอนที่ 98 เขาวางแผนอะไรอยู่กันแน่   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 98 เขาวางแผนอะไรอยู่กันแน่
ต๭นที่ 98 เขาวางแผนอะไรอยู่กันแน่ ระหว่างที่เธอยังคงนึกอยู่นั้น เธอก็รู้สึกได้ถึงมือของชายหนุ่มที่เอื้อมอ้อมไปยังด้านหลังศีรษะของเธอ ระยะห่างระหว่างคนสองคนขยับใกล้เข้ามา ชั่วขณะนั้น เธอก็เข้าใจขึ้นมาในทันที ที่แท้นี่คือสิ่งที่ชายหนุ่มหมายถึงนี่เอง! ไป๋เสว่เอ๋อร์เขินอาย “นี่ยังเป็นเวลางานอยู่นะคะ...” เผยลี่เชินหยุดอยู่ครู่หนึ่ง และตอบเธอกลับไปพร้อมแฝงความหมายอันลึกซึ้งไว้ว่า “ตกลง ไว้กลับบ้านก่อนแล้วค่อยว่ากัน” ขณะที่เขาพูดอยู่นั้น เขาก็ปล่อยหญิงสาวไป ส่วนหญิงสาวนั้น เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ใบหน้าของเธอก็แดงขึ้นมาในทันที ผู้ชายคนนี้ ทำไมถึงได้พูดเรื่องลามกแบบนี้นะ แถมเขายังพูดได้อย่างหน้าตาเฉยอีกด้วย! ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะดังขึ้นที่ประตู ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ตั้งสติขึ้นได้ในทันที รีบลุกขึ้นยืน และถอยหลังออกไปให้ห่างจากเผยลี่เชินสองก้าว เผยลี่เชินมองไป๋เสว่เอ๋อร์ที่กำลังวิตกกังวลอยู่นั้น สายตาของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มมากยิ่งขึ้น เขายังคงยิ้มแบบนั้น พร้อมกับหยิบเอกสารที่อยู่ข้างตัวของเขาขึ้นมา “เข้ามาได้” เมื่อประตูเปิดออก เผยอี้ก็เดินเข้ามาภายในห้องทำงาน เมื่อเขาเห็นว่าเผยลี่เชินอยู่กับไป๋เสว่เอ๋อร์แค่สองคนในห้อง สีหน้าของเขาก็จริงจังขึ้นในทันที เผยลี่เชินไม่ได้นั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงาน แต่กลับไปนั่งอยู่ตรงโซฟา โดยมีไป๋เสว่เอ๋อร์ยังอยู่ข้างๆ แถมใบหน้าของเธอยังมีสีแดงเรื่อๆ เมื่อกี้พวกเขาสองคนกำลังทำอะไรกันอยู่ เขาไม่อาจหยุดคิดได้ เมื่อภายในหัวใจของเขารู้สึกอึดอัดขึ้น เผยอี้ก็โกรธขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ เขาปิดประตูและสาวเท้าก้าวเดินเข้ามา “พี่ ผมมีเรื่องอยากคุยกับพี่หน่อย” สีหน้าของเผยลี่เชินราบเรียบและพูดว่า “ฉันบอกนายไปตั้งกี่รอบแล้วว่าอยู่ที่บริษัทอย่าเรียกฉันแบบนี้” ใบหน้าของเผยอี้ซีดเผือด เขาพึมพำอยู่ในลำคอและนั่งลง เผยลี่เชินเงินหน้ามองไป๋เสว่เอ๋อร์ “ช่วยชงชาให้ผมสองแก้วที” “ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ” ไป๋เสว่เอ๋อร์ตอบรับในทันที ขณะที่ไป๋เสว่เอ๋อร์กำลังจะก้าวเท้าเดินจากไป เผยอี้ก็หยิบบทภาพยนตร์ขึ้นมา “ประธานเผย พี่ลองอ่านนี่สิ” เผยลี่เชินรับบทภาพยนตร์มาและเปิดอ่านดู เขาพอจะเข้าใจแล้วว่าเผยอี้ต้องการอะไร เผยลี่เชินจึงตอบเขากลับไปว่า “ภาพยนตร์รักโรแมนติกจากวรรณกรรม ไม่เห็นจะน่าสนใจตรงไหน” “ภาพยนตร์ที่ฉีซิงเหอนำแสดงเมื่อปีที่แล้วก็เป็นภาพยนตร์ประเภทนี้เหมือนกัน รายได้ดีไม่เลวทีเดียว แถมยังได้รางวัลด้วย ครั้งนี้เขาจะมารับบทพระเอก สามารถเป็นตัวชูโรงของภาพยนตร์ได้ ครั้งนี้จะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน” “มันก็ไม่แน่หรอก” เผยลี่เชินพิงพนักเก้าอี้ พร้อมกับถามต่อไปว่า “นางเอกคือใคร” เผยอี้นิ่งไปครู่หนึ่ง “ยังไม่ตัดสินใจ ครั้งนี้ฉันเอาบทภาพยนตร์มาให้พี่ดูก่อน แล้วเราค่อยหาวันนัดผู้กำกับเฉินคุยกัน” เผยลี่เชินเลิกคิ้วขึ้น น้ำเสียงของเขาไม่ชัดเจน “คงไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้นหรอกนะ” ในตอนนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็นำชาเข้ามาให้พวกเขาทั้งสองคนพอดี เมื่อเผยอี้มองเห็นเธอ หน้าของเขาก็ยิ่งเครียดมากยิ่งขึ้น “ตอนนี้เรามาคุยกันว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ควรค่าที่จะลงทุนไหมก่อน ดีไหมพี่” เผยลี่เชินเห็นว่าน้ำเสียงของเผยอี้ดื้อรั้นมากขึ้น เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นว่า “พระเอกนางเอกนั้นสำคัญมาก ถ้าเกิดนางเอกคือจินจิงจิงล่ะก็ นายกับฉันเราไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว” เมื่อเผยอี้ได้ยินดังนั้น เขาก็ระเบิดความโกรธออกมา “พี่หมายความว่ายังไง” เผยลี่เชินรู้อยู่เต็มอกว่าจินจิงจิงเป็นแฟนของเขา แต่เผยลี่เชินกลับพูดตอกหน้าเขาแบบนี้อีก อย่างนี้มันเท่ากับฉีกหน้าเข้าชัดๆ ! เมื่อเห็นว่าเผยอี้โกรธจัด เผยลี่เชินทำตัวตามปกติ เขาหยิบกองบทภาพยนตร์ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา พร้อมกับเรียกไป๋เสว่เอ๋อร์ที่กำลังจะก้าวถอยออกไป “ไป๋เสว่เอ๋อร์ คุณมานี่หน่อยสิ” ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะไม่ถือว่าอ่อนโยนนุ่มนวลนัก แต่เมื่อเทียบกับน้ำเสียงที่เขาคุยกับเผยอี้แล้วนั้น ดีกว่าเป็นอย่างมาก ไป๋เสว่เอ๋อร์หยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง และหมุนตัวหันกลับมา “ท่านประธาน มีอะไรให้ฉันรับใช้อีกเหรอคะ” เผยลี่เชินส่งบทภาพยนตร์ให้กับเธอ “คุณลองอ่านนี่ดู” ตอนที่ไป๋เสว่เอ๋อร์รับบทภาพยนตร์มานั้น เธอสัมผัสได้ว่าสายตาของเผยอี้หันมาหยุดมองที่เธอ เธอพลิกบทไปมา พร้อมกับตอบอย่างเป็นกลางว่า “บทภาพยนตร์นี้มาจากวรรณกรรมที่มีเนื้อหาสดใหม่และหวานซึ้ง ฉันคิดว่ากลุ่มผู้ชมที่จะเข้ามาชมภาพยนตร์เรื่องนี้นั้นมีอยู่อย่างจำกัด แต่ว่าในช่วงไม่กี่ปีมานี้ก็มีภาพยนตร์ในลักษณะนี้ที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จทีเดียว ถ้าเกิดสามารถทำให้ผู้ชมประทับใจได้แล้วล่ะก็ ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ไม่เลวทีเดียวค่ะ สำหรับเรื่องการลงทุนในวงการโทรทัศน์และภาพยนตร์นั้น ดิฉันไม่มีความรู้มากพอ ไม่อาจตัดสินได้ว่ารายได้จะดีหรือไม่ค่ะ” เผยลี่เชินจึงถามเธอต่อไปว่า “ถ้าอย่างนั้น สมมุติว่าเธอไปที่โรงภาพยนตร์ เธอจะเลือกชมภาพยนตร์เรื่องนี้ไหม” ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มและตอบตามความเป็นจริง “คงไม่ค่ะ” หลังจากที่เธอได้ประสบกับความเป็นจริงและความโหดร้ายของชีวิตด้วยตาของตัวเองแล้ว เธอก็รู้สึกว่าภาพยนตร์จากวรรณกรรมประเภทนี้ไม่น่าสนใจเท่าไรนัก เมื่อเธอสัมผัสได้ว่าสายตาของเผยอี้นั้นจ้องเขม็งมาอย่างเห็นได้ชัด ไป๋เสว่เอ๋อร์จึงพูดต่อไปว่า “ภาพยนตร์ประเภทนี้ ถ้าเกิดออกฉายในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์แล้วล่ะก็ น่าจะทำรายได้ได้ดีมากกว่าเดิมเล็กน้อยนะคะ” เผยลี่เชินพยักหน้า เขารับบทภาพยนตร์กลับมาวาง พร้อมกับพูดว่า “คุณกลับไปทำงานเถอะ” คำตอบของไป๋เสว่เอ๋อร์ทั้งหมดนั้นเป็นคำตอบที่ตอบได้อย่างเป็นกลางและตรงประเด็นอย่างมาก เผยลี่เชินรู้สึกเห็นด้วย สำหรับเขาแล้ว เขามองว่าโครงการลงทุนอันแสนธรรมดา ที่ไม่ได้ก่อให้เกิดการพัฒนาหรือสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ขึ้นได้นั้น ต่างต้องการหาเส้นทางที่สามารถเป็นหลักประกันได้ทั้งนั้น หลังจากที่ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินออกไปจากห้อง ในที่สุดเผยอี้ก็ควบคุมอารมณ์เอาไว้ไม่ไหว เขาพูดขึ้นมาว่า “ผมคิดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ ถ้าได้เข้าฉายแล้วล่ะก็จะต้องทำรายได้ได้ไม่เลวทีเดียว ในช่วงครึ่งปีมานี้ไม่มีภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาแบบนี้ออกฉายเลยสักนิด นี่ถือเป็นโอกาสที่ดีอย่างมาก” “งั้นเหรอ” เผยลี่เชินยิ้มเบาๆ พร้อมกับส่งสายตาเย้ยหยัน “ครึ่งปีแรกไม่มีแน่นอน แต่ครึ่งปีหลังล่ะ ถ้าเกิดมีภาพยนตร์ลักษณะนี้ฉายพร้อมกันสัก 2-3 เรื่อง นายคิดว่าโอกาสที่นายจะชนะมีเท่าไหร่” เผยอี้พูดไม่ออกไปชั่วครู่ แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่อยากจะยอมรับในเรื่องนี้ เขาเอื้อมมือไปคว้าบทภาพยนตร์กลับมา “ทุกครั้งที่ผมนำโครงการที่ผมตรวจสอบมาอย่างดีแล้วมาให้พี่ดู ไม่มีสักครั้งเลยที่มันจะเข้าไปอยู่ในสายตาของพี่! ประธานเผย พี่กล้าพูดไหมว่าพี่ไม่ได้กำลังเจตนาจับผิดผมอยู่!” เมื่อเผยลี่เชินได้ยินดังนั้น เขาก็เหลือบมองไปที่เผยอี้ พร้อมกับมีท่าทีที่เย็นชาขึ้น “เผยอี้ ฉันทำแบบนี้เพราะฉันมีหน้าที่ต้องดูแลรับผิดชอบบริษัทเผยซื่อ ถ้าโครงการของนายดีจริงล่ะก็ ฉันคงไม่พูดมากนักหรอก แต่ว่าตัวนายเองกลับทำได้อย่างน่าผิดหวัง ฉันจะไม่ยอมยืนดูให้นายทำลายชื่อเสียงของเผยซื่อหรอก!” เผยอี้กำมือของเขาไว้แน่น สุดท้ายแล้ว เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก และก้าวเท้าเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว โชคร้ายที่ครั้งนี้เขายังต้องอาศัยเผยลี่เชิน เผยลี่เชินไม่เห็นด้วยไม่เป็นไร เขาจะหาวิธีอื่นเอง! หลังจากที่เผยลี่เชินจัดแจงงานที่ต้องเดินไปมาให้สวี่เยว่หรูทำแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเธอมีเวลาว่างขึ้นอย่างมาก เธอคอยรับโทรศัพท์อยู่ที่สำนักงาน จัดเอกสารให้เป็นระเบียบ เธอกลับไม่ได้รู้สึกเบื่อเช่นนี้มานานมากแล้ว ขณะที่เธอกำลังรู้สึกเบื่ออยู่นั้น จู่ๆ ก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา หมายเลขที่แสดงเป็นหมายเลขภายในของบริษัท ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบรับสายทันที “สวัสดีค่ะ เลขาไป๋ ดิฉันชื่ออานโหรว เป็นเลขาของรองประธานฟางค่ะ” ไป๋เสว่เอ๋อร์ค่อนข้างรู้สึกดีกับอานโหรวทีเดียว เธอเลยยิ้มพร้อมกับถามกลับไปว่า “เลขาอาน มีธุระอะไรเหรอคะ” “ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณยุ่งอยู่หรือเปล่าคะ พอดีฉันมีเรื่องอยากให้คุณช่วยหน่อย” “เล่ามาเลยค่ะ” งานบางส่วนของบริษัทนั้นต้องการความช่วยเหลือระหว่างพนักงานด้วยกันไม่น้อยทีเดียว ครั้งนี้ พนักงานคนอื่นต้องการความช่วยเหลือจากเธอ ครั้งหน้า ถ้าเธอต้องการความช่วยเหลือ ก็ต้องเอ่ยปากถามเช่นนี้เหมือนกัน “คืออย่างนี้ค่ะ ฉันรู้มาว่าคุณพูดภาษาเยอรมันได้ดีทีเดียว พอดีฉันเพิ่งได้รับเอกสารที่ทางบริษัทสัญชาติเยอรมันที่ทำงานร่วมกับเราอยู่ส่งมาให้จำนวนหนึ่งค่ะ ฉันลองใช้ซอฟต์แวร์ออนไลน์แปลดูแล้ว ปรากฏว่ามีศัพท์เฉพาะค่อนข้างเยอะทีเดียว ซอฟต์แวร์ออนไลน์แปลได้ไม่ค่อยถูกต้องเท่าไร ไม่ทราบว่าคุณพอจะมีเวลาช่วยฉันดูหน่อยได้ไหมคะ” ไป๋เสว่เอ๋อร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอไม่รู้ว่าจะปฏิเสธอย่างไรดี แต่เมื่อคิดถึงตอนที่อานโหรวเชื่อมั่นในฝีมือของตัวเองมากเกินไป จนทำให้บริษัทต้องสูญเสียไปโดยไม่จำเป็นเมื่อคราวก่อน ไม่แปลกที่อานโหรวจะรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมา “ได้สิๆ แต่ครั้งนี้คงต้องขอไปถามท่านประธานก่อนนะคะ” อานโหรวพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “เป็นเรื่องปกติค่ะ ถ้าอย่างนั้นคุณลองไปถามท่านประธานก่อนเถอะค่ะ ดูว่าท่านมีความเห็นอย่างไร ฉันจะรอคุณโทรกลับมานะคะ” “ตกลงค่ะ” หลังจากที่เธอวางสาย ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาภายในจิตใจ เธออยากที่จะช่วยอานโหรวในครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าอานโหรวเป็นคนดี แต่อย่างไรก็ต้องไปถามเผยลี่เชินเสียก่อน ไม่รู้ว่าเขาจะเห็นด้วยหรือไม่ ไป๋เสว่เอ๋อร์คิดกลับไปมา สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจลุกขึ้นและเคาะประตูห้องทำงานที่ตั้งอยู่ข้างๆ เธอในทันที หลังจากที่เธอเดินเข้าไปในห้องทำงานแล้ว เมื่อเผยลี่เชินเห็นว่าเป็นไป๋เสว่เอ๋อร์ เขาก็เอ่ยถามเธอว่า “มีอะไรเหรอ” “เมื่อครู่อานโหรว เลขาของรองประธานฟางโทรมาหาฉันค่ะ เธออยากให้ฉันช่วยแปลเอกสารภาษาเยอรมันจำนวนหนึ่ง ฉันมาเพื่อขอความเห็นจากคุณค่ะ” เมื่อเผยลี่เชินได้ยินดังนั้น เขาก็นิ่งไปครู่หนึ่ง คิ้วของเขาขมวดแน่น และนิ่งเงียบไม่ตอบเธอกลับไปในทันที ครั้งที่แล้ว เธอทำผิดพลาดเพราะคิดอยากช่วยเหลือ เลยทำให้ถูกฟางหรงเทียนลงโทษไปช่วงหนึ่ง ครั้งนี้นึกไม่ถึงว่าเธอยังกล้ามาขอให้ไป๋เสว่เอ๋อร์ช่วยเธออีก ถึงแม้ว่าจะเป็นอานโหรวที่มาขอความช่วยเหลือจากไป๋เสว่เอ๋อร์ แต่อย่างไรฟางหรงเทียนก็ต้องรู้เรื่องแน่นอน ฟางหรงเทียนวางแผนอะไรอยู่กันแน่ เผยลี่เชินเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน 
已经是最新一章了
加载中