ตอนที่ 56 หลี่ซื่อเข้าวัง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 56 หลี่ซื่อเข้าวัง
ต๭นที่ 56 หลี่ซื่อเข้าวัง หมุยเฟยและเฉิงเสี้ยงเสี้ยเปิดม่านมุกเดินออกไป หมุยเฟยพูดขึ้นเบาๆว่า :“เหนียงเหนียง ความจริงเป็นอย่างไรกันเพคะ? ซูหลิงหลงไม่มีความทะเยอะทะยานวางแผนก่อการกบฏแน่นอนเพคะ” ฮองเฮามองไปทางทั้งสองคนด้วยสายตาเรียบเฉย ก่อนที่สายตาจะมาหยุดตรงใบหน้าของเฉิงเสี้ยงเสี้ยเป็นคนสุดท้าย “วันนี้พวกเจ้าทั้งสามคนได้เตรียมการเป็นเล่นเกมส์กับเปิ่นกงแล้ว จะไม่ให้เปิ่นกงตอบแทนหน่อยหรือ?” เฉิงเสี้ยงเสี้ยคุกเข่าลง “หม่อมฉันขอรับผิด ได้โปรดเหนียงเหนียงลงโทษพะยะคะ ไม่จำเป็นต้องทำให้เรื่องมันซับซ้อนอีกพะยะคะ เรื่องนี้ หากมีส่วนเกี่ยวข้องกับหลี่ซื่อ ต้องทำให้ผู้อื่นตื่นตกใจแน่พะยะคะ” “เปิ่นกงไม่กลัวว่าจะทำให้ผู้อื่นตื่นตกใจมากแค่ไหน หมุยเฟยเจ้ากลัวอะไรละ? น่าประหลาดใจเสียจริง หากพวกเจ้ากลัวหลี่ซื่อ แล้วทำไมวันนี้ถึงได้นำทุกอย่างโยนใส่ตัวของหลี่ซื่อละ? หรือคิดว่าราชวงศ์ไม่มีทางปล่อยให้เรื่องนี้กระจายออกไปอย่างนั้นหรือ? หรือคิดว่าพวกเจ้าคิดว่าจะปกปิดทุกคนในใต้หล้าได้? เมื่อครั้งหน้าประตูจวนเฉิงเสี้ยงในครานั้น เสี้ยหลีโม่ได้นำใบหย่าออกมา พวกเจ้าก็พากันโกรธเคือง ไม่ยอมเชื่อว่าหลี่ซ่วยหยุ่นแม่นางที่พวกเขาเคารพนับถือจะเป็นคนเช่นนี้ เพียงแค่ขัดขวางทุกคน ไม่ให้พูดอะไรออกมา หากวันนั้นเสี้ยหลีโม่ไม่ต้านทานอย่างบ้าคลั่ง ผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร เฉิงเสี้ยงจะคาดเดาออกไหม?” ฮองเฮาพูดอย่างตรงไปตรงมา ไม่ให้ความเคารพต่อเกียรติและศักดิ์ศรีของหมุยเฟยและเฉิงเสี้ยงเสี้ยแต่อย่างใด ใบหน้าของเฉิงเสี้ยงเสี้ยได้แสดงออกถึงความสับสนพูดไม่ออก คำพูดของฮองเฮานั้น เขาไม่กล้าแม้แต่จะแก้ต่างเลยแต่อย่างใด เขารู้ผลกระทบต่อหลี่ซื่อดี ดังนั้นถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะดูขัดตาเขาไปก็ตาม แต่กลับหาเหตุการณ์ที่น่าเชื่อถือมาโต้แย้งเหตุผลของนางไม่ได้ มีแต่ขโมยเท่านั้น ถึงจะต้องรับผิดอย่างร้ายแรง แต่น่าเสียดาย แผนการนี้ ได้ล้มเหลวลงแล้ว หลีโม่ที่หลบซ่อนตัวอยู่ด้านหลัง แอบฟังการเคลื่อนไหวภายนอกอย่างเงียบๆ ต่อมาก็มีข้าหลวงเดินขึ้นหน้ามา แล้วมาพาหล่อนออกจากฉากกั้นออกไป ตรงไปยังตำหนักตะวันตก เมื่อเข้าไปในตำหนักตะวันตกแล้ว กลับเห็นซือถูเย้นที่กำลังนั่งดื่มชาอยู่บนเตียงในตำหนักตะวันตกอยู่ก่อนแล้ว ขาทั้งสองข้างไขว้กัน นิ้วเรียวยาวที่กำลังถือแก้วน้ำชาลายครามของจีนสีฟ้าขาว ได้เคลื่อนไหวมันเบาๆ ก่อนจะเอียงคอมาด้านข้างเล็กน้อย แสงสว่างจะโคมไฟบนกำแพง ทำให้รัศมีใบหน้าด้านข้างของเขาดูละมุนละไมยิ่งขึ้น เขามองไปทางนางด้วยสายตาอ่อนเพลีย ก่อนจะยื่นมือไปกวัก “มานี่!” หลีโม่แปลกประหลาดใจกับท่าทางลึกลับซับซ้อนของเขา หมุยเฟยและเฉิงเสี้ยงเสี้ยเพิ่งจะออกไปได้เพียงไม่นาน เขาก็พรวดเข้ามาแล้ว นี่คือพระตำหนักจิ่งหนิง เป็นพระตำหนักของฮองเฮาเหนียงเหนียงนะ นางเดินเข้าไป แล้วมาหยุดยืนอยู่ด้านข้างของเขา “ท่านอ๋องมาแล้วหรือเพคะ?” “มานี่!” ซือถูเย้นได้ชี้นิ้วไปด้านตรงข้าม ให้นางนั่งลง “ถึงอย่างไรหลี่ซื่อก็ยังไม่เข้าวังมาในเร็วๆนี้หรอก เจ้านั่งดื่มชาเป็นเพื่อนเปิ่นหวางหน่อยละกัน” ดูเหมือนเขาจะคุ้นชินกับการออกคำสั่งเกินไปหน่อย เพียงแค่น้ำเสียงที่เรียบเฉย จนกระทั่งโทนเสียงก็ล้วนแล้วแต่อบอุ่นทั้งสิ้น แต่หลีโม่กลับรู้สึกได้ถึงภัยคุกคามแทน นางยังคงนั่งลงอย่างว่าง่าย ซือถูเย้นจึงได้เทชาให้แก่นาง จากนั้นก็เลื่อนไปไว้ด้านหน้าของนาง แล้วตรัสสั่งข้าหลวงว่า “ไปนำของทานเล่นสักสองสามอย่างมาสิ ขอที่อ่อนๆนะ” หลีโม่เงยหน้าขึ้น แต่กลับไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาจึงพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า :“เปิ่นหวางหิวแล้ว กินของว่างเป็นเพื่อนเปิ่นหวางสักหน่อยเถอะ” เขาหิวหรือไม่เขาไม่รู้แน่แท้ แต่หลีโม่นั้นรู้ว่าตัวเองหิวแล้วจริงๆ หลังจากที่เข้าวังมาได้ 2 วัน ดูเหมือนนางจะยังไม่ได้เสวยอาหารเลยสักมื้อ เอาแต่รับมืออยู่อย่างเดียว นางไม่ใช่คนประเภทที่มีเรื่องแล้วจะเสวยอาหารไม่ลงเช่นนั้น ตรงกันข้าม ยิ่งมีเรื่องลำบากใจเท่าไหร่ ก็ยิ่งเสวยอาหารมากขึ้นเท่านั้น ไม่เสวยอาหาร จะมีแรงไปรับมือกับสถานการณ์ที่ลำบากทั้งหมดได้อย่างไรกัน? ใช้กิริยาอย่างคำว่ามลายหายไปจนหมดสิ้นเสมือนพายุหอบเอาเศษปุยเมฆมาอธิบายมารยาทในการเสวยอาหารของหลีโม่ก็คงจะไม่ดูเกินจริงสักนิดเดียว ซือถูเย้นอดที่จะหยุดมองนางไม่ได้ ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นว่า : “เจ้านี่ดูไม่เหมือนกับธิดาของทุกคนเลยสักนิดเดียวจริงๆ” หลีโม่กลืนข้าวคำสุดท้ายลงไป แล้วจะยืดคอขึ้นมาแล้วพูดขึ้นว่า :“เคยชินแล้วละเพคะ อาหารนี้รสชาติอร่อยเสียจริง” “แต่ว่าอาหารพื้นๆเหล่านี้ เปิ่นกงไม่รู้สึกว่ามีอะไรน่าอร่อยเลย” ซือถูเย้นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย หลีโม่หัวเราะออกมา “จะเป็นอาหารค้างคืนหม่อมฉันก็กินหมดเพคะ หม่อมฉันยังเคยกินอาหารเหลือของสุนัขเลยนะเพคะ ของเหล่านั้นมันดีมากเลยนะเพคะ” เมื่อครั้งที่อยู่ในหน่วยงานลับ จะเอาเวลาไหนไปทานอาหารหากยุ่งมากละ? ก็ล้วนแต่จัดแจงทานอาหารตามใจปากทั้งนั้น อาหารที่มีหนู มด แมลงสาบนางก็สามารถทานได้หมด หลังจากที่ทานอาหารหมดแล้ว ก็รีบกลับไปหมกมุ่นกับงานต่อ เมื่อก่อนสถานที่นางไว้ทานอาหาร ไม่ใช่ในโรงอาหารหรือในบ้านเลยแม้แต่น้อย ส่วนใหญ่แล้วนางทานอาหารในรถ ข้างถนน ในพุ่มไม้ อาหารส่วนใหญ่ไม่ใช้ข้าว ไม่ใช้กับข้าว แต่เป็นปลาที่อยู่ในแม่น้ำ กระต่ายที่อยู่บนภูเขา แล้วแต่จะจับได้ แล้วนำมายัดใส่ท้องให้อิ่มก็เพียงพอแล้ว ซือถูเย้นกลับคิดว่านางเคยมีชีวิตที่ไม่สุขสบายมาก่อนในจวนเฉิงเสี้ยง แม้กระทั่งข้าวก็ยังต้องแย่งมาทานเลย สีหน้าของเขาค่อยๆเกิดความเคร่งขรึมขึ้นมา “เปิ่นกงให้สัจจะ จะไม่ทำให้เจ้ามีชีวิตเมื่ออย่างวันนั้นอีกแล้ว” หลีโม่อึ้งงันไป แต่ก็เข้าใจในทันทีว่าเขาเข้าใจผิดแล้ว นางจึงได้ยิ้มแห้งๆออกมา “ข้าพูดเกินจริงไปเท่านั้น ความจริงแล้วเรื่องมันไม่ได้เป็นเช่นนี้เลยเพคะ อาหารของข้าเมื่อก่อนล้วนแล้วแต่ดียิ่งทั้งนั้น กับข้าวสามอย่าง น้ำซุปหนึ่งอย่าง พร้อมข้าวขาว ” ซือถูเย้นตอบอื้อกลับมา เพราะทนไม่ได้ที่จะเปิดโปงการปลอมแปลงของนาง บรรยากาศรอบๆค่อยๆอึมครึมขึ้น เมื่อซือถูเย้นเห็นว่านางกินอิ่มแล้ว จึงสั่งให้คนนำข้าวไปเททิ้ง หลีโม่แทบจะพ่นออกมาในทันใด “เสียดายของ เก็บไว้เสวยตอนดึกก็ได้นิเพคะ” แววตาของซือถูเย้นได้ฉายความขุ่นเคืองออกมา “หากเจ้าอยากเสวยในเวลากลางคืน ก็ทำชุดใหม่ให้เจ้า” หลีโม่มองไปทางเขาอย่างเคร่งขรึม ความรู้สึกอบอุ่นค่อยๆก่อเกิดขึ้นมาภายในจิตใจ แต่ว่า อย่าดีกับนางนักเลย ตอนนี้นางไม่ต้องการใจอ่อนมากที่สุด นางหักห้ามใจไม่หันกลับไป เห็นได้ชัดว่านางเกิดความรู้สึกเสียดาย ชีวิตในชาติที่แล้ว ดูเหมือนนางจะไม่เคยมีใครมาสนใจตัวนางเลย ดังนั้น เมื่อได้รับความรักจากหลี่ซื่อ นางจึงได้ให้หลี่ซื่อเป็นแม่ของนาง ได้รับหมั่นโถสองลูกและน้ำหนึ่งจอกจากข้าหลวงรับใช้ชายหน้าประตู นางย่อมจำได้ดี แต่ว่า เขาไม่ใช่หลี่ซื่อ และก็ไม่ใช่ข้าหลวงรับใช้ชาย เขาเป็นอ๋องซื่อเจิ้งในชาตินี้ เขาปฏิบัติต่อตัวนางดีมาก นางจะไม่ยอมมีส่วนร่วมในการช่วงชิงอะไรเหมือนชีวิตของเขาในชาติที่แล้วอีก เพราะนั้นคือกระแสน้ำวน ที่ดึงดูดนางให้เข้าไป ไม่มีแม้แต่ที่ฝังศพ ไม่ว่าจะชาติที่แล้วหรือว่าชาตินี้ สิ่งที่นางทำทั้งหมดก็ล้วนแล้วแต่เพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น เพราะความใจอ่อนในชาติที่แล้วจึงได้ถูกเจ้านายหักหลัง ชาตินี้ นางจะไม่ใจอ่อนกับคนที่มีอำนาจหรือเจ้าแผนการใดๆอีกเด็ดขาด หลีโม่นั่งขัดสมาธิ แล้วปิดตาพักผ่อน ความหวาดกลัวตอนที่เข้าวังมา ได้ถูกนำไปใช้เป็นพลังกายอ่างเต็มที่ นางแทบจะเหนื่อยล้าทั้งใจและกายทีเดียว ซือถูเย้นมองนางมาโดยตลอด สำหรับแม่นางผู้นี้ เขาได้เกิดความสงสัยตั้งแต่ต้น เรื่องการถอนหมั้นจากจวนเฉิงเสี้ยงในวันนั้น ปฏิกิริยาที่น่าอัศจรรย์ใจของนางได้ตกมาอยู่ในสายตาของเขาแล้ว แต่ว่า เขามองไม่ทะลุนาง เรื่องนี้ทำให้เขาไม่มีความสุขที่ได้ควบคุมสถานการณ์มาโดยตลอด เมื่อสถานการณ์ด้านนอกได้เคลื่อนไหวอีกครั้ง หลีโม่จึงได้ลืมตาขึ้นมาทันใด จากนั้นก็ได้ยินเสียงของหยางมามาเข้ามาในหูว่า “ฮองเฮาเหนียงเหนียงเพคะ หลี่ซื่อฮูหยินของเฉิงเสี้ยงเสี้ยได้อยู่ด้านนอกของตำหนักแล้วเพคะ” ฮองเฮาตอบเสียงอื้อกลับไป “ให้นางอยู่ตรงนั้นก่อน หลังจากที่พาซูหลิงหลงมาแล้ว ค่อยให้นางเข้ามา” “เพคะ!”หยางมามาตอบกลับแล้วเดินออกไป หลีโม่รีบยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เดินไปเปิดม่านด้านหลังออก ก่อนจะมองลอดผ่านม่านมุกออกไป ดูเหมือนเฉิงเสี้ยงเสี้ยจะมองกลับมาด้วยปฏิกิริยาโต้กลับ สายตาที่ดูราวกับงูพิษ ได้มองไปทางหลีโม่ที่กำลังมองผ่านม่านมุกออกไป สายตาคู่นั้นฉายแววความโกรธแค้นและชิงชังออกมา แทบจะแผดเผาหลีโม่ให้หมดสิ้นอย่างไรอย่างนั้น ฮองเฮาพูดกับหมุยเฟยและเฉิงเสี้ยงว่า : “พวกเจ้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในด้านหลังฉากกั้นก่อนเถอะ ไม่มีคำสั่งจากเปิ่นกง ก็ห้ามออกมา” นี่คือตำแหน่งเดียวกับที่หลีโม่เปลี่ยนได้ มีเพียงหลีโม่เท่านั้นที่อยู่ทำหน้าที่รับแขกได้ ซูหลิงหลงถูกพาตัวออกไป เสื้อผ้าบนตัวของนางฉีกขาดอย่างมาก อีกทั้งยังมีบาดแผลปรากฏขึ้นมาอีกด้วย เห็นได้ชัดว่านางต้องพบเจอกับการลงโทษที่หนักหนาแค่ไหน แต่การลงโทษนี้ เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับเสี้ยหลีโม่เจ้าตัวและเย็นเอ๋อร์ในวันนั้น กลับดูเบาเกินไปทีเดียว ขันทีที่อยู่ใต้บัญชาได้ทุบตีอย่างโหดร้าย ซูหลิงหลงกลับดูอำมหิตมากกว่าพวกเขาหลายเท่า เมื่อหลี่ซื่อเข้ามาแล้ว นางสวมเสื้อคลุมสีอ่อน เกล้าผมทรงสูงตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่มีการแต่งเติมแต่อย่างใด ใบหน้าที่ไร้เครื่องสำอางนั้นดูสะอาดอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะเดินเข้ามาอย่างสะอาดบริสุทธิ์และสูงสุด การเดินเหิน ทำให้รู้สึกถึงความสุภาพเยือกเย็นในท่วงท่า เมื่อหลิงหลงฮูหยินพบนาง จึงรีบกระแอมขึ้นมาทันใด: “ฮูหยิน ฮองเฮาเหนียงเหนียงชมเรื่องภาพวาดของท่านอย่างไม่ขาดปาก ฮองเฮาจึงอยากจะขอบคุณเจ้า” 
已经是最新一章了
加载中