ตอนที่405 บอกให้ชัดว่าคุณเป็นผู้หญิงของใคร   1/    
已经是第一章了
ตอนที่405 บอกให้ชัดว่าคุณเป็นผู้หญิงของใคร
ตอนที่405 บอกให้ชัดว่าคุณเป็นผู้หญิงของใคร คำพูดเช่นนี้เมื่อเป็นชนุดมที่เป็นคนพูด อย่าว่าแต่เป็นปี แม้แต่ในห้าปีก็นับได้น้อยครั้งมาก ปฏิกิริยาแรกหลังจากนัชชาได้ยินก็คือ เขาเกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่า มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า เธออดไม่ได้ที่จะกังวล “ชนุดม คุณเป็นอะไรรึเปล่า” ผู้ชายคนนี้เป็นบุคคลที่สำคัญมากสำหรับนัชชาและธีมนต์ นัชชาเคยคิดว่า ถ้าหากว่าเธอไม่ได้พบกับเตชิตคนที่ทำให้เธอลืมไม่ลงคนนี้ บางทีเธออาจจะตกหลุมรักเขาก็เป็นได้ แต่ว่าโลกนี้มันช่างไร้เหตุผล ไม่มีคำว่า “ถ้าเกิดว่า” ไม่มีคำว่า “บางทีอาจจะ” เป็นอย่างไรบ้าง สายตาของชายคนนั้นทอดลงบนตึกอาคารด้านล้านซึ่งมองเห็นเป็นเพียงจุดดำๆมากมาย เขาได้แต่กัดริมฝีปากตัวเองแน่นเพื่อหักห้ามใจ “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นอะไร” ทุกวันคิดถึงเธออยู่เสมอ เมื่อเห็นแก้วน้ำที่เธอใช้ก็คิดถึง เมื่อเห็นอาหารที่เธอชอบทานก็คิดถึง แม้แต่ได้ยินคำที่ฟังดูแล้วคล้ายชื่อเธอก็ยังคิดถึง แน่นอนว่าก่อนหน้านี้เคยใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่อังกฤษเป็นเวลาห้าปี ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์หรือว่าวันหยุดเทศกาลถึงจะมีเวลาใช้ชีวิตด้วยกัน เขาไม่เคยจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเหมือนเช่นตอนนี้ เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนป่วย ป่วยจนเกินจะเยียวยา นัชชาฟังเสียงของเขาดูเหมือนไม่มีอะไร ในใจยิ่งกลับกังวล “ไม่สบายรึเปล่า หรือว่าเพราะเรื่องงาน” ไม่ใช่ ไม่เรื่องงาน ไม่ใช่เรื่องสุขภาพ มีแค่เรื่องเธอเท่านั้น ชนุดมคิดอยู่เงียบๆ ยากที่จะพูดประโยคนี้ เขาไม่รู้วิธีแสดงความรู้สึกของเขา แต่เขามั่นใจมากว่าเขากำลังจะเสียเธอไป ความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ระหว่างเขาและเตชิตก็คือ ในความรู้สึกอีกครั้ง เขาเป็นคนที่มั่นใจในตนเองสูง แต่ชายคนนั้นกลับไม่เคยจะมีความมั่นใจต่อความรู้สึกที่เธอมีให้จนต้องพยายามเก็บเธอเอาไว้เป็นเชลยอยู่รอบๆตัวเขา สำหรับนัชชาแล้ว เธอรู้สึกเจ็บปวดเสียใจ ไม่มีความกล้าที่จะเผชิญกับการเริ่มต้นใหม่ สิ่งที่เธอต้องการก็คือเมื่อเธอรู้สึกลังเล แล้วได้รับความเด็ดเดี่ยวจากอีกฝ่ายหนึ่ง แทนที่จะรอให้เธอตัดสินใจด้วยตัวเอง การกลับไปที่เมือง J คือความผิดพลาด การปล่อยให้เธอติดต่อกับชายคนนั้นยิ่งเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่หลวง แค่เสียดาย เขารู้ว่ามันสายเกินไปแล้ว และคำสารภาพนี้ ที่จริงแล้วเขาต้องการขอโทษตัวเอง ทันใดนั้นเขาก็ไม่สามารถทนพูดต่อไปได้ “เดี๋ยวผมมีประชุม ไว้ดึกๆค่อยคุยกัน” นัชชาอ้าปากค้าง ยังต้องการที่จะถามอะไรต่อแต่ว่าไม่ทันแล้ว ทำได้แค่รีบพูดก่อนที่เขาจะวางสาย “ดูแลตัวเองดีๆนะคะ อีกสองวันฉันจะกลับไป” การตอบสนองต่อเธอ กลับกลายเป็นเสียงสายโทรศัพท์ไม่ว่าง เขาวางไปแล้ว นัชชาขมวดคิ้ว ดูโทรศัพท์ที่อยู่ในมือเห็นหน้าจอเป็นสีดำ ในใจมีความกังวลอยู่บ้าง “แกร๊ก” ที่ด้านหลัง ประตูคลายเกลียวออกจากทางด้านนอก เมื่อหันมาก็เห็นชายคนนั้นก้าวเท้าเข้ามา “ผมทำโจ๊กไว้ ลงไปทานสิ” นัชชามองเขา หูยังดังก้องไปด้วยคำพูดของชนุดม เตชิตเดินไปถึงข้างหน้าเธอ มองไปที่สีหน้าท่าทางของเธอ เขาใช้ฝ่ามือใหญ่ของเขาเขย่าเธอ “คุณคิดอะไรอยู่ ทำไมเหม่ออย่างนี้” นัชชามองตาชายคนนั้นอย่างลึกซึ้ง ในใจรู้สึกงงงวย เธอถามอย่างไม่แน่ใจ “เตชิต เรื่องบริษัทของคุณกับชนุดมเป็นอย่างไรบ้างคะ” อยู่ๆเธอก็ถามคำถามที่ผู้คนไม่ได้คาดคิด ท่าทางของชายคนนั้นแข็งทื่อ แน่นอนไม่ได้คิดว่าเธอจะถามโดยไม่มีเหตุผล สายตาก้มลงมองที่โทรศัพท์มือถือของเธอ ระหว่างที่เธอไม่ได้ทันตั้งตัวเขาก็ฉวยเอามันไป กดเปิดเพื่อดูสายที่เข้าล่าสุด ความจริงแล้วนัชชาไม่มีอะไรปิดบัง แต่อยู่ดีๆเขาก็มาฉกไป ใจก็รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย เธอเขย่งเท้าขึ้นเพื่อจะแย่งโดยไม่รู้ตัว “คุณทำอะไร คืนฉันมา!” ความสูงที่แตกต่างทำให้เธอไม่สามารถเอื้อมถึงแขนเขาได้ มองหน้าสีแดงของเธอ ชายคนนั้นดึงริมฝีปากอย่างเย็นชา โยนโทรศัพท์ทิ้งลงไปบนเตียงใหญ่ นัชชาต้องการที่จะไปหยิบในทันที แต่ว่าถูกจับข้อมือเอาไว้ “ผมไม่เคยคิดเลยว่าชนุดมชอบโทรเช็คสถานะของผู้หญิง” นัชชาขมวดคิ้ว เธอไม่ชอบทัศนคติที่ไม่สมเหตุสมผลของเขา “คุณกำลังพูดเรื่องอะไร ที่จริงแล้วเขาไม่ได้พูดอะไรเลย!” “ไม่ได้พูดแล้วคุณจะถามผมได้ยังไง” “ฉันอยากถามเอง” “โอ้” เขาหัวเราะเบาๆแต่ไม่ปรากฎรอยยิ้มในแววตา มันช่างเยือกเย็นและทรมาน เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว อีกนิดเดียวก็จะชนหน้าเธออยู่แล้ว “ถามว่าผมทำอะไร อยากรู้อะไร ทำไม เป็นห่วงเขารึยังไง” นัชชาต้องการโต้กลับด้วยสัญชาตญาณ แต่ถูกเขาดึงเข้าไปในอ้อมกอดโดยไม่ทันตั้งตัว นัยน์ตาของเขาลุกเป็นประกายไฟ “ผมคิดว่าหลังจากเมื่อคืนคุณก็น่าจะชัดเจนอยู่แล้วว่าคุณเป็นผู้หญิงของใคร แต่ดูเหมือนคุณจะยังไม่เข้าใจ” เมื่อเขายกเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาพูด นัชชารู้สึกร้อนบนใบหน้า เธอรู้สึกอายมาก พยายามออกแรงต่อต้าน “คุณอย่ามาพูดจาไร้สาระ!” “ผู้หญิงของผมสนใจผู้ชายคนอื่นต่อหน้าผม แถมยังเป็นผู้ชายที่อาศัยอยู่กับเธอเป็นเวลาห้าปี ถ้าผมยังใจกว้างได้อยู่ก็ไม่ใช่ผู้ชายแล้ว!” “คุณช่างไม่มีเหตุผล หึงจนหน้ามืดตามัว!” นัชชาไม่ได้โกรธเขา ความจริงไม่ได้สนใจเลยสักนิด หลังจากพูดไปแล้วก็รู้สึกว่าประโยคนี้เหมือนสามีภรรยาทะเลาะกัน เตชิตไม่เถียง “ใช่ ผมหึง!” “...” มันเป็นความโกรธที่กำลังจะลุกไหม้ในไม่ช้าเนื่องด้วยคำพูดประโยคนี้ นัชชามองไปที่สีหน้าของเขา และยังมีลมหายใจที่พ่นราวกับไฟ นอกจากโกรธมากแล้วก็ทำอะไรไม่ถูก ช่างเถอะ จะทะเลาะกันทำไม ทะเลาะไปทะเลาะมาผลสุดท้ายก็เหมือนเดิม นัชชาเบือนหน้าและถอนหายใจอยู่เป็นเวลานานและเปิดปากขึ้นอย่างอดทน “เขาไม่ได้พูดอะไรเลยจริงๆ แค่ถามว่าฉันสบายดีไหม คุณคิดมากเกินไป ฉันไม่ได้โกหก คำถามที่ถามเรื่องบริษัทของคุณฉันก็แค่รู้สึกเป็นห่วง คุณเคยคิดบ้างไหม ชนุดมมีความหมายต่อฉันและธีมนต์เช่นไร เขาไม่ใช่เพื่อนธรรมดาๆคนหนึ่ง แต่เป็นคนที่ให้โอกาสฉันมีชีวิตอีกครั้ง คุณเข้าใจไหม” “ผมเข้าใจ” นัชชารู้สึกโล่งอกเมื่อได้ยินเสียงอันดุร้ายของบุคคลนี้อีกครั้ง “ผมเข้าใจก็บ้าแล้ว! ปีนั้นถ้าหากไม่ใช่เพราะเขา ผมกับคุณจะมีช่องว่างขนาดนี้หรอ ห้าปีกลายเป็นยังไงล่ะ ใช่ คุณรู้สึกขอบคุณเขา ผมไม่สามารถบังคับได้ แต่สำหรับผม เขาเป็นไอ้โง่ที่ขโมยลูกเมียของผมไป ผมไม่จัดการเขาก็ถือว่าเกรงใจมากแล้ว ผมถูกกระทำให้เอาคืนดีไม่เอาคืน คุณต้องคิดว่าผมเป็นผู้ชายจะให้อดทนกับเรื่องพวกนี้ได้ยังไง!” นัชชามองไปที่เส้นเลือดที่บูดออกมาบนคอของเขา มีบางอย่างที่ผิดปกติ เขามักจะย้ำถึงความสำคัญของชนุดมที่มีต่อเธออยู่เสมอ แต่เธอก็เพิกเฉยเรื่องการมีอยู่ของชนุดมต่อเขา อันที่จริง มันไม่ใช่การมีอยู่ที่สวยงามมากนัก เตชิตโมโหมาก อวัยวะภายในของเขาเหมือนจะระเบิด นอกจากโมโหนัชชาแล้วยังโมโหตัวเองด้วย เขาโมโหตัวเองที่ห้าปีนี้ยังทำได้ไม่ดีพอ ไม่ดีเท่าชนุดม โกรธตัวเองที่ให้โอกาสผู้อื่น แต่นี่เขาสามารถทนได้เพราะมันเป็นความผิดของเขาเอง “ผมไม่สนใจว่าคุณคิดยังไง จะรู้สึกประทับใจ ขอบคุณหรือว่าเป็นหนี้บุญคุณ ผมเห็นแก่หน้าของคุณและลูกจะต่างคนต่างอยู่ แต่คุณจะให้ผมถอยหลังกลับ ผมทำไม่ได้” “ฉันไม่ได้หวังว่าคุณจะทำอะไร” นัชชาปิดเปลือกตา ความรู้สึกที่หายไปนานความรู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีอำนาจได้กลับมาล้อมรอบเธออีกครั้ง เธอไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร ทำอย่างไร เพื่อหาทางประนีประนอมเรื่องนี้ เขาถึงจะเข้าใจความรู้สึกของเธอที่มีต่อชนุดม แต่เมื่อพิจารณาว่าอยู่ในจุดที่เขายืน ดูเหมือนว่าทำอย่างไรก็ไม่มีวันเข้าใจ เตชิตหงุดหงิดหัวร้อน แต่เมื่อเห็นนัชชาเขาก็พยายามสงบสติอารมณ์ ใจบีบแน่น เขาคิดว่าเธอกำลังร้องไห้ เขายกมือขึ้นเชยคางของเธอและกลับเห็นดวงตาที่สับสนวุ่นวาย ไม่ได้ร้อง ไม่ได้ร้องก็ดีแล้ว เขาปล่อยมือและหายใจเข้าลึกๆ ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์ที่จะพยายามควบคุมอะไร “ลงไปทานข้าวเถอะ”
已经是最新一章了
加载中