ตอนที่ 104 ถูกแกล้ง

ต๭นที่ 104 ถูกแกล้ง พูดเสร็จ เธอหยิบบัตรพนักงานที่โอจินณ์ทำให้ สะบัดผม และเดินออกไป ปาลีโกรธจนตัวสั่น ยืนค้างอยู่กับที่ ไม่ขยับแม้แต่นิด โอจินณ์ที่เห็นเหตุการณ์อยู่ข้างๆ หัวเราะอย่างเสียงดังและพูดว่า “ปาลี ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงเมื่อกี้คือน้องสาวเธอ ทำไมพอตีความจากที่ฟังเมื่อกี้แล้ว ผัวของเธอโดนเขาแย่งไปเหรอ? อุ๊ยตาย น้องสาวภรรยาแย่งพี่เขย เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นแค่ในหนังไม่ใช่เหรอ คิดไม่ถึงในชีวิตจริงจะเจอแบบนี้ วันนี้ถือว่าฉันได้เปิดโลก คิกคิก!” ปาลีโกรธขวัญชีวีจนเลือดขึ้นหน้าแล้ว ตอนนี้โอจินณ์ยังจะมายั่วยุเธออีก ทันใดนั้น ความโกรธของปาลีก็พุ่งขึ้นมาอีก เธอหันไป และส่งสายตาอันดุเดือดไปที่โอจินณ์ พูดเน้นทีละคำว่า “โอจินณ์ ฉันเห็นเธอเป็นพนักงานเก่าของบริษัทCLกรุ๊ป เลยอดทนครั้งแล้วครั้งเล่า เธอคิดว่าฉันจะกลัวเธอจริงๆ และไม่กล้าทำอะไรเธองั้นเหรอ? ฉันบอกเลย คนเราต้องรู้จักขอบเขต ไม่ใช่เอาความอดกลั้นของคนอื่นมาเป็นข้ออ้างในการทำตัวหน้าด้านแบบเธอ” “เธอ...” โอจินณ์เคยเห็นปาลีตอนโกรธซะที่ไหน พอถึงเวลา โดนตะคอกใส่จนไม่รู้จะตอบยังไงเลย ที่ผ่านมาโอจินณ์ประชดประชันใส่ ปาลีก็ไม่เคยที่จะตอบโต้ อย่าว่าเลย โอจินณ์คิดว่าปาลีกลัวเธอจริงๆ แต่ว่า หลังจากครั้งนี้ เธอคงไม่กล้าที่จะคิดแบบนั้นอีกแล้ว ปาลีพูดต่อว่า “ครั้งหน้าเวลาทำงาน อย่าเรียกชื่อฉันอีก ในบริษัทฉันตำแหน่งสูงกว่าส่วนเธอต่ำกว่า มีเรื่องอะไรก็เรียกฉันว่าหัวหน้า ขอเตือนเธออีกอย่าง ต่อจากนี้ตั้งใจทำงานหน่อย หยุดขี้หลงขึ้ลืม จนทำให้งานของฉันล่าช้า รู้ไหมทำไมเธอทำงานมานานขนาดนี้แล้วยังไม่เลื่อนขั้น? นี่แหละเหตุผล!” พูดเสร็จ ก็ปล่อยให้โอจินณ์หน้าซีดยืนช็อค และกลับไปที่นั่งของตัวเอง เริ่มทำงาน และแล้วโอจินณ์ก็ยังยืนเหม่ออยู่ที่เดิม ไม่ขยับเลยแม้แต่นิด ก็เป็นเพราะว่าสิ่งที่ปาลีพูด มันจี้ได้ตรงจุด ทั้งแทงใจดำและเจ็บใจยิ่งนัก ส่วนขวัญชีวีที่เพิ่งออกไปก็ย่อมไม่รู้ คำพูดที่เธอพูดไปไม่นานมานี้ที่ออฟฟิศแผนกธุรการได้จุดชนวนสงครามของผู้หญิงสองคน พอถึงห้องเปลี่ยนชุดและเปลี่ยนเป็นชุดทำงานแล้ว เธอก็เริ่มทำงานในหน้าที่เลขานุการอย่างจริงจัง จริงๆแล้วหลังจากที่ขวัญชีวีได้โชคได้ลาภมาเมื่อคืนนี้ เธอก็ไม่จำเป็นต้องมาทำงานที่บริษัทCLกรุ๊ปเพื่อเงินเดือนไม่กี่หมื่นนี้แล้วจริงๆ แต่ว่า...เธอก็ยังมา ขวัญชีวีก็ไม่เข้าใจทำไมตัวเองต้องมาทำงาน อาจจะเป็นเพราะอยากยั่วยุปาลีและลงโทษปาลี หรืออาจจะเพื่อ...กิตติ ถึงแม้ว่ากิตติจะรุนแรงและแสดงความเป็นเจ้าของต่อเธอ ทำให้เธอเกลียดชัง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาได้มอบความสุขที่ไม่เหมือนใครจริงๆ พอนึกไปวันที่ไม่ได้มาบริษัทCLกรุ๊ป ในวันข้างหน้าก็จะไม่มีความตื่นแต้นและความสุขแบบนี้อีกแล้ว ขวัญชีวีก็รู้สึกเหมือนชึวิตเธอขาดอะไรไป รู้สึกอึดอัดทั้งใจและกาย เพราะฉะนั้น ถึงแม้จะแบกเงินล้านเอาไว้ วันต่อมา เธอก็ยังตื่นเช้า มาทำงานที่บริษัทCLกรุ๊ป ขนาดของบริษัทCLกรุ๊ปนั้น ใหญ่กว่าบริษัทโจวกรุ๊ปจำกัดไม่เท่าไหร่ เพราะฉะนั้นผู้จัดการใหญ่ที่แสนจะยุ่ง ก็มีจำนวนเลขานุการที่ไม่น้อยไม่กว่าที่บริษัทโจวกรุ๊ปจำกัด นอกจากเลขาธิการกิตติ และขวัญชีวีที่มาทำงานแล้ว ยังมีเลขานุการหญิงที่หน้าตาดีและมีกิริยาที่เรียบร้อยอีกสามคน: ธารี นารา และณิช ขวัญชีวีเพิ่งเข้ามาใหม่ๆ หน้าตาสดใสงดงาม แต่กลับมีกริยาที่ต่ำต้อย ไร้มารยาท สอนเธอทำงานกี่สิบครั้งเธอก็ทำไม่เป็นสักที ยิ่งหน้าอกอวบอึ๋มของเธอ สำหรับ ธารี นารา และณิชสามคนนี้แล้ว เป็นการทำร้ายจิตใจพวกเขาอย่างรุนแรง เพราะฉะนั้นยังไม่ถึงครึ่งวัน เลขานุการหญิงสามคนนี้ก็เริ่มรู้สึกเกลียดและอยากจะตีห่างออกจากเธอ และไม่สามารถที่จะคุยกับเธอด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มได้อีกต่อไป และเมื่อผู้หญิงเริ่มเกลียดกันและกัน คนที่ถูกเกลียด ชีวิตเขาก็จะไม่สามารถอยู่เย็นเป็นสุขได้อีกต่อไป ยิ่งกว่านั้นยังถูกผู้หญิงสามคนเกลียดพร้อมๆกันไปอีก นึกภาพออกได้เลยว่าการทำงานวันแรกของขวัญชีวีนั้นทรมานแค่ไหน เพิ่งทำงานได้ครึ่งวัน ขวัญชีวีก็ถูกผู้หญิงสามคนนี้กลั่นแกล้งจนเวียนหัว พูดไม่ออก และโกรธแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ส่วนกิตติมีหน้าที่เป็นเลขาธิการ จำนวนงานเขาก็ต้องเยอะเป็นปกติ และงานทุกชิ้นก็สำคัญเป็นอย่างมาก ไม่สามารถที่จะมีข้อผิดพลาดเป็นอันขาด เพราะฉะนั้นเขาต้องทุ่มกายทุ่มใจไปกับมัน บวกกับเขามีออฟฟิศส่วนตัว เพราะฉะนั้น เขาไม่มีทางที่จะรู้เลยว่าขวัญชีวีกำลังถูกกลั่นแกล้งอยู่ข้างนอก อีกอย่างถึงเขาจะรู้ เขาก็ไม่สนใจอยู่ดี ก็เหมือนกับคำที่เขาพูดกับขวัญชีวีในห้องน้ำ เขาสนใจแค่ร่างกายของขวัญชีวี นอกจากนั้น เขาไม่สนใจที่จะยุ่งเกี่ยว และก็ขี้เกียจที่จะไปยุ่ง