ตอนที่ 35 บทลงโทษของสุมิตร   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 35 บทลงโทษของสุมิตร
ต๭นที่ 35 บทลงโทษของสุมิตร ในเวลานี้ดวงอาทิตย์ตกลงลับขอบฟ้าแล้ว อากาศไม่ร้อนมากนัก และยังมีกลิ่นอายเย็นๆหลงเหลืออยู่ จันวิภาหลับตาลง ลมพัดผ่านมา เธอตัดสินใจเดินบนถนนต่อไป หลังจากฝากเงินกลับเข้าธนาคารแล้ว จันวิภาก็เดินอย่างไร้จุดหมายบนถนน แต่ทว่าการที่ก้าวเดินไปอย่างไร้จุดหมายเช่นนี้จึงทำให้อารมณ์หงุดหงิดของเธอไม่กี่วันมานี้ดีขึ้นมาอยู่เล็กน้อย และลืมเรื่องราวที่น่ารำคาญของสุมิตรกับกนกอรไปชั่วขณะ หลังจากท้องฟ้ามืดลง จันวิภาจึงได้กลับสู่บ้านวิบูลย์ธนภัณฑ์ เข้าประตูไป พึ่งจะเดินไปถึงห้องรับแขก จึงได้ยินสุมิตรกับกนกอรกำลังกระซิบกระซากพูดถึงเรื่องอะไรบางอย่างอยู่ จันวิภารู้สึกหงุดหงิดอยู่เล็กน้อย และต้องการที่จะเดินขึ้นไปชั้นบน แต่ทว่าทั้งสองคนนั้นกลับเห็นเธอเข้า หลังจากที่กนกอรเห็นจันวิภากลับมาถึง สีหน้าได้เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมาทันที เธอพยักหน้าไปทางสุมิตร จากนั้นจึงออกไปอย่างรีบร้อน วิ่งนี้ยิ่งทำให้จันวิภาเพิ่มความมึนงงยิ่งขึ้นไปอีก เธอครุ่นคิดและเดินไปมา ต้องการพูดอะไรบางอย่างกับสุมิตร แต่กลับเห็นสีหน้าที่อึมครึมของสุมิตรกำลังจ้องมองตนเองอยู่ เรือนร่างของจันวิภาสั่นเทาไปโดยไม่รู้ตัว ตกใจอยู่เล็กน้อย ตอนที่ต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่างออกมา ทันใดนั้นเองสุมิตรก็ได้สะบัดซองจดหมายที่อยู่บนโต๊ะกาแฟไปทางด้านหน้าของจันวิภา “ดูเรื่องดีๆที่เธอทำเอาไว้สิ” จันวิภาไม่เข้าใจ เธอลังเลอยู่นิดหน่อย แต่ก็หยิบซองจดหมายนั่นขึ้นมา แล้วเปิดมันออก ด้านในมีรูปภาพอยู่กองหนึ่ง จันวิภาหยิบมันขึ้นมา พอมองดูรูปภาพพวกนี้ ทันใดนั้นสายตาก็เครียดขึ้นมาทันที สุมิตรสังเกตการณ์เปลี่ยนแปลงที่เล็กๆน้อยๆของวันวิภามาโดยตลอด และยังคิดว่าเธอขาดความเชื่อมั่นในตนเองอยู่ เมื่อคิดอย่างนี้ สุมิตรจึงลุกขึ้นยืนและตระโกนออกไปด้วยความโกรธ “เธอออกไปข้างนอกเพื่อไปเกี่ยวผู้ชายพวกนี้งั้นหรอ? !” ในรูปมันเป็นช่วงเวลากลางวันตอนอยู่ในบาร์ คือรูปของพวกผู้ชายไม่กี่คนกำลังหยอกล้อกับจันวิภาอยู่และเธอก็ยินยอม แต่อย่างไรก็ตามคนที่ถ่ายภาพนี้คงจะมีจุดมุ่งหมายที่ซ่อนเร้นอยู่ ภาพนี้มองดูแล้วช่างดูเหมือนจันวิภากำลังยั่วยวนพวกเขาอยู่อย่างไรอย่างนั้น แม้แต่ร่างกายด้านหลังก็ยังถูกถ่ายออกมาเหมือนกับกำลังแอ่นก้นรับอยู่ จันวิภาขมวดคิ้วขึ้นมา “เรื่อง......นี้มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะ ตอนนั้นพวกเขาข่มขู่ฉัน และยั่วฉัน แต่ฉันก็ปฏิเสธ!” แต่ทว่า ในสายตาของสุมิตร ที่จันวิภาเห็น ริมฝีปากของสุมิตรยกกระดกขึ้นแล้วยิ้มขึ้นมาอย่างเยือกเย็นและดูถูถากถาง “ดังนั้นเธอก็เลยมาบอกผม พวกเขายั่วยุเธอ และเธอก็กำลังปกป้อง พรหมจรรย์ของเธออย่างสุดชีวิตหรอ? จันวิภา เธอจะโกหกกับผมอย่างนี้จริงๆหรอ? เธอนี่มันร่านมากกว่าที่ผมคิดเอาไว้เสียอีก!” จันวิภาไม่พอใจที่ถูกสุมิตรด่าประจานเช่นนี้ แบะยังต้องการที่จะอธิบาย แต่ผลก็คือสุมิตรไม่อดทนที่จะรับฟัง ทันทีที่เธอเข้าใกล้ เขาก็สะบัดมือออก แล้วผลักออกไปอย่างรุนแรง จันวิภาถูกสุมิตรผลักเสียจนล้มลงกับพื้น ข้อศอกกระแทกเข้ากับโต๊ะชา มันเจ็บปวดมากเสียจนเธอสูดลมหายใจเย็นๆเข้าไปทันที จันวิภาเจ็บปวดมากเสียจนกัดฟันจนเห็นฟันขาว เงยหน้าขึ้นมองสุมิตรที่ทำหน้าตาดุร้าย ทันใดนั้นจึงคิดขึ้นมาได้ว่าท่าทางของกนกอรนั้นไม่ปกติ รวมทั้งวันนี้กนกอรได้โทรศัพท์ให้เธอออกไปข้างนอก เพียงไม่นาน จันวิภาก็เข้าใจทุกอย่าง “นังร่าน ร่านอยู่ทุกที่ สวมใบหน้าที่บริสุทธิ์ เพียงแค่ไม่อยากที่จะเหงา ถึงกลับต้องออกไปหาผู้ชาย จันวิภา เธอคิดว่าผมตาบอดหรอ? บนรูปมันก็เห็นอยู่ชัดเจน!” สุมิตรตะคอกออกมาด้วยความโกรธแค้นและหงุดหงิด เดินทีจันวิภาต้องการที่จะอธิบาย แต่เมื่อได้ฟังคำพูดของเขาแล้ว จึงได้หัวเราะขึ้นมาทันที หัวเราะแล้วหัวเราะอีก หัวเราะจนน้ำตาไหลออกมา มองสายตาที่หม่นหมองของสุมิตร จันวิภาก็พูดออกมาอย่างดูถูกเหยียดหยาม “ฉันออกไปหาผู้ชายแล้วจะทำไม? นั่นยังไม่เท่ากับนายและกนกอรด้วยซ้ำ ที่ทำเรื่องที่เลวระยำนั่นต่อหน้าฉัน สุมิตร นายทำให้ฉันสะอิดสะเอียดซะจริง!” จันวิภาเพิ่มเสียงตระโกนขึ้นอีก และทิ้งคำอธิบายไปเลย ในใจของสุมิตรจะคิดว่าเธอเป็นอย่างไงก็ปล่อยเขาไปเถอะ เธอไม่อยากคิดอย่างนี้อีกต่อไปแล้ว! หลังจากนั้น ก็กลับคิดไม่ถึง สุมิตรก้าวเดินมาข้างหน้า แล้วบีบคอของจันวิภาเอาไว้ “อ่อก!เจ็บ......สุมิตร......นายทำอะไร!” จันวิภาถูกสุมิตรทำเช่นนี้จึงเกิดความรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที แรงของเขาเยอะมาก ลมหายใจของจันวิภาเปลี่ยนเป็นเริ่มที่จะหายใจได้ลำบากมากขึ้น แต่ทว่าสุมิตรกลับไม่ได้สนใจท่าทีของจันวิภาเลย เขาโกรธจนเพิ่มแรงบีบเธอเข้าไปอีก สุมิตรไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ เมื่อจันวิภาเห็นสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้จึงเอ่ยปากพูดขึ้นมา “ถึงแม้นายจะ......บีบฉันให้ตาย.......ก็เปลี่ยนอะไร......ไม่ได้......” “ก็ดี!งั้นวันนี้ฉันจะบีบเธอให้ตาย!” สุมิตรโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แล้วเอ่ยปากพูดออกมาอย่างเยือกเย็น แรงที่มือของเขาค่อยๆเพิ่มมากขึ้น ลมหายใจของจันวิภาหายใจถี่ขึ้นไปเรื่อยๆ ราวกับเธอจะได้กลิ่นอายแห่งความตาย ถ้าว่าเขาต้องการฆ่าเธอ เธอก็จะต้องตายสินะ...... เมื่อคิดอย่างนี้ จันวิภาจึงได้หลับตาลง คิดถึงเรื่องอันขมขื่นที่กำลังจะจบลง ทันใดนั้นเอง ในสมองก็คิดถึงคนๆนึงขึ้นมาทันที......พ่อ...... ใช่แล้ว พ่อ เธอยังไม่ได้เจอพ่อเลย เธอยังตายไม่ได้!เธอยังต้องไปหาพ่อของเธอ! เมื่อคิดอย่างนี้ จันวิภาจึงลืมตาขึ้นมาทันที แล้วเริ่มที่จะออกแรงดิ้นรน ดิ้นรนพูดออกไปว่า “สุ......มิตร ปล่อย.....ปล่อยฉันนะ......” “หึ!” สุมิตรอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “เมื่อกี้ไม่ใช่ว่าอยากตายหรอกหรอ? ทำไม? เสียใจภายหลังหรือไง?” “ฉัน......ฉันถูกใส่ร้าย......นายต้องเชื่อฉัน......” จันวิภาพูดอธิบายอย่างยากลำบาก “ฉัน......ฉันอธิบายได้ ฉัน......มีหลักฐาน......” เมื่อสุมิตรฟังจันวิภาพูดจบ ก็ได้หัวเราะออกมา จึงปล่อยมือที่บีบเธออยู่ออกทันที แล้วพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา “ดี เธอพูดว่าเธอมีหลักฐาน งั้นก็เอาออกมาให้ดู ให้ผมเชื่อสิ่งที่เธอพูดได้” จันวิภาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แล้วหายใจอยู่เฮือกใหญ่ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง จึงพูดออกไป “ตอนนี้ฉันยังไม่มีหลักฐาน แต่ฉันรับประกันว่าฉันหาหลักฐานมาได้!นายต้องเชื่อฉัน ฉันไม่เคยทำเรื่องที่ผิดต่อนายมาก่อนเลย” สายตาของสุมิตรเหล่มองอย่างอันตราย จันวิภายืนอยู่ข้างๆ เครียดจนเหงื่อไหลออกมาเยอะมาก ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว ในที่สุดสุมิตรก็ลุกขึ้นยืน แล้วพูดกับจันวิภา “ผมให้เวลาเธอสามวัน ภายในสามวันนี้เธอต้องหาหลักฐานออกมาให้ได้ และทุกอย่างจะต้องคลี่คลาย ถ้าไม่มี......” จันวิภาพูดเสริมขึ้นมาทันที “ถ้าไม่มี นายก็บีบคอฉันให้ตายได้เลย!” พูดจบ เธอก็ลุกขึ้นยืน แล้วเดินจากไปโดยที่แม้แต่หน้าก็ไม่หันกลับมามอง เหลือไว้แต่เสียงสุมิตรที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกคนเดียว แต่ทว่า แม้แต่ตัวของสุมิตรเองก็ไม่พบว่า เส้นประสาทของเขามันกำลังปริออกมาจนตึง ทันใดนั้นจึงค่อยๆผ่อนคลายลงมาเล็กน้อย
已经是最新一章了
加载中