ตอนที่ 45 โหดเหี้ยม สุมิตรที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 45 โหดเหี้ยม สุมิตรที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์
ต๭นที่ 45 โหดเหี้ยม สุมิตรที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์ จันวิภางุนงง แสดงออกอย่างก้อเขินอยู่เล็กน้อย คิดไม่ถึงจริงๆเพียงแค่ตนเองยืนอยู่ที่มุมห้องก็เท่านั้นเอง ก็สามารถที่จะสร้างเรื่องทะเลาะวิวาทเช่นนี้ได้ แต่ทว่าผู้หญิงคนนี้ก็ทำเกินไปจริงๆ ปากยังไม่ได้พูดอะไรดีออกมาสักคำ ไม่น่าฟังจริงๆ! “ฉันจะสวมอะไรมันก็เรื่องของฉัน โปรดอธิบายให้ชัดเจน ไม่ใช่ทุกคนก็เป็นสกปรกเหมือนความคิดของคุณ ขอโทษนะคะ ฉันมีธุระต้องขอตัวก่อน ครั้งนี้ก็รบกวนอย่ามาขวางฉัน คิดดูให้ดีว่าใครกันแน่ที่ไม่มีมารยาทแล้วค่อยมาพูดกัน!” จันวิภาขมวดคิ้ว แล้วพูดอย่างอารมณ์เสีย แต่ทว่ากลับคาดไม่ถึง เมื่อคำพูดของจันวิภาสิ้นสุดลง ผู้หญิงคนนั้นก็โกรธขึ้นมา แล้วตะคอกออกมาทันที ตระโกนด่า ในปากเต็มไปด้วยคำสบถ ในขณะเดียวกันเธอได้เห็นจันวิภากำลังจะเดินออกไป จึงเดินมาข้างหน้าทันที ดึงเสื้อผ้าของจันวิภาเอาไว้ ออกแรงจนเสียจนชิดแน่น ผู้คนโดยรอบต่างก็เห็น และชี้ดู แต่กลับไม่มีคนช่วยเธอเลย จันวิภามองฝูงชนอย่างร้อนรน จึงอยากที่จะไปหาสุมิตร แต่กลับหาเขาไม่เจอ กัดริมฝีปาก จันวิภาพูด “คุณหญิงท่านนี้ ฉันกับคุณไม่มีความแค้นต่อกัน คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?” “ฉันทำอะไร? ฉันแค่อยากที่จะให้เธอสนใจเรื่องมารยาทหน่อยก็แค่นั้น แล้วนี่มันอะไรกัน งานเลี้ยงของสุภาพสตรีที่มีชื่อเสียงเช่นนี้ เธอนี่ไร้มารยาทจริงๆ ฉันพูดแค่สองประโยคเพื่อที่จะเตือนเธอแต่กลับกลายเป็นวันฉันผิดงั้นหรอ?” ผู้หญิงคนนั้นยิ้มอย่างเยือกเย็น พูดเสียจนจันวิภาหมดคำพูด ที่แท้เป็นใครกันแน่ที่ไร้มารยาท จริงๆเล้ย! “ฉันไม่อยากพูดกับคุณแล้ว ตอนนี้ฉันต้องขอตัวก่อน!” ไม่อยากมาวุ่นวายด้วยอีก จันวิภายับยั้งความโกรธเอาไว้ แล้วพูดอย่างขุ่นมัว แต่ทว่าคำพูดของเธอ กลับทำให้ผู้หญิงคนนั้นไม่พอใจมากขึ้นไปอีก จึงตระโกนด่าขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง และเริ่มที่จะพูดเยาะเย้ยถากถางจันวิภา “สวมชุดอย่างนี้ ในใจคิดจะยั่วผู้ชาย ฉันมองเธอแล้ว เหมือนกับขาดความรัก เธอมาที่นี่ก็เพื่อจะเกี่ยวผู้ชายกลับไปล่ะสิ!” จันวิภากัดฟัน ผู้หญิงคนนั้นยังคงพูดต่อไป “ฉันมองดูว่าเธอเหมือนจะไม่ได้รับการอบรมมา พ่อแม่คงจะตายไปเสียก่อนแน่ๆเลย!” “เธอ......” จันวิภาโกรธ ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง เงยหน้าขึ้นมามองผู้หญิงคนนั้นอย่างเยือกเย็น เอ่ยปากพูดขึ้น “ถ้าเธอมีมารยาท งั้นเธอก็โปรดอย่ามาดูถูกพ่อแม่ของคนอื่น ขอบคุณ!” “ห๋า......” ผู้หญิงคนนั้นราวกับจะเหยียดหยามอยู่เล็กน้อย พูดออกมาเบาๆ “ฉันพูดอย่างนี้ ก็หาว่าดูถูก เธอจะเอายังไงกับฉัน? ที่แท้ ฉันพูดไม่ถูกงั้นหรอ? ฉันเห็นท่าทีของเธอ เหมือนกับคนที่มีพ่อแม่ให้ชีวิต แต่พ่อแม่ไม่ได้สอนมารยาทไปเลย!” จันวิภาโกรธจนถึงขีดสุด แม้ว่าจะได้รับการอบรมสั่งสอนมาดีแค่ไหนก็ไม่อาจทนต่อไปได้ เธอเดินมาข้างหน้า ตะโกนเสียงดัง “เธอหุบปากไปซะ ฉันจะไม่ยอมให้เธอพูดถึงพ่อแม่ฉันอย่างนี้!” ผู้หญิงคนนั้นตกตะลึง เหมือนกับจะถูกจันวิภาทำให้ตกใจ หลักจากที่มีสติกลับมา เธอจึงโกรธขึ้นมาทันที “คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะตะคอกใส่ฉัน??!ตั้งแต่เล็กยันโต ไม่เคยมีใครกล้าตะคอกใส่ฉันมาก่อน เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?!” เขาพูดจบ จึงตบไปที่ใบหน้าของจันวิภา จันวิภาไม่ทันได้ระวังตัว ถูกตบไปหนึ่งฝ่ามือ มันสายเกินไปที่จะปัดป้อง จึงล้มลงกับพื้นไป เธอที่ล้มลงมาเช่นนี้ ดึงดูดความสนใจของฝูงชนได้เป็นจำนวนมากขึ้น ทางด้านของสุมิตรเองก็มองมาเช่นกัน ในใจมีความกังวลใจอยู่เล็กน้อย สุมิตรเหมือนกับพึ่งจะได้ยินเสียงของจันวิภา ราวกับเรื่องของจันวิภา เมื่อคิดเช่นนี้ เขาจึงเดินมา เมื่อสุมิตรเดินมา มองเห็นจันวิภาที่กำลังล้มลงอยู่ที่พื้น อีกด้านของใบหน้ายังบวมจนแดงก่ำ พึ่งจะถูกคนตบ สุมิตรมองข้างๆอีกครั้งหนึ่ง นัยน์ตาถลึงจ้องมองผู้หญิงคนนั้นที่พึ่งจะตบจันวิภาไป ทันใดนั้นเองจึงได้ยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น ผู้หญิงของสุมิตร คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีใครกล้าแตะต้อง?! แต่ทว่า ตอนที่สุมิตรยิ้มอย่างเย็นชา ผู้หญิงคนนั้นกลับเดินเข้ามาอย่างไม่กลัวตาย เธอพุ่งถลันไปทางด้านของสุมิตร ใบหน้าอันสวยงามปะปนไปกับหยดน้ำตา เสแสร้งทำเป็นร้องไห้อย่างอ่อนแอ “คุณชายสุมิตร คุณอยากมาทำแทนฉันงั้นหรอคะ ในงานเลี้ยงคืนนี้คุณก็นับเป็นคนจัดงาน ผู้หญิงคนนี้นางรังแกฉัน......” สุมิตรไม่ได้ตอบ จ้องมองจันวิภาอย่างเย็นชา แล้วหันหน้ากลับไปมองเธออีกครั้ง หลังจากหัวเราะแล้วจึงพูดขึ้น “งั้นหรอ เรื่องเป็นอย่างนั้นจริงๆหรอ?” “ใช่ค่ะ......” ผู้หญิงคนนั้นยังคงร้องไห้ต่อไป “คุณไม่รู้หรอกว่าเธอทำเกินไปขนาดไหน เธอไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาขนาดไหน เข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ไม่ควนที่จะมีกฎของทรัพย์สินอะไรสักอย่างหน่อยหรอ? ไม่ใช่ว่าจะปล่อยให้ใครเข้ามาก็ได้ ผู้หญิงที่ไม่ได้ถูกเลี้ยงดูอบรมมาอย่างนี้ ใครปล่อยให้เข้ามากันนะ?” ผู้หญิงคนนั้นพูดจาเช่นนี้ออกไปก่อน แต่กลัวว่าสุมิตรคิดจะว่าเธอไม่คิดถึงภาพพจน์ ดังนั้นต่อมาจึงแสร้งทำเป็นร้องไห้ขึ้นมา “หึ......” สุมิตรเปล่งเสียงออกมาจากลำคอ งอนิ้วมือเข้ามาแต่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ยิ้มขึ้นมาอย่างชั่วร้ายแล้วพูดกับเธอ “เธอมานี่......” ผู้หญิงคนนั้นตกตะลึงขึ้นมาทันที คาดไม่ถึงว่าสุมิตรจะเรียกตนเองเข้าไปหาด้วยตนเอง จึงตื่นเต้นขึ้นมาทันที ทั่วทั้งตัวสั่นระริก รีบสิ่งถลันไปทันที ไปอยู่ใกล้เขา จ้องมองใบหน้าอันหล่อเหลานี้ที่อยู่ด้านหน้าของตนเอง จึงพูดพึมพำออกมากับตนเอง “คุณชายสุมิตร......” “ให้ลงมือแทนเธอ? เธอคิกว่าตาผมบอดหรือไง?” สุมิตรสีหน้าหม่นหมอง พูดอย่างเยือกเย็น ยกริมฝีปากขึ้นมาอย่างกระหายเลือด ต่อมา ผู้หญิงคนนั้นไม่มีท่าทีตอบสนองอะไร เขาจึงยกเท้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว คาดไม่ถึงเลยว่าจะใช้เท้าเตะผู้หญิงคนนั้นจนปลิว! “หว๋า!” ฝูงชนที่เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ต่างก็กรีดร้องขึ้นมา และผู้หญิงที่ถูกเขาเตะจนปลิวนั่น ก็ได้นอนคว่ำอยู่ตรงมุมกำแพงที่ไม่ไกลมากนัก อาเจียนออกมาเป็นเลือด ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่าบาดเจ็บรุนแรง เดินมาอยู่ข้างๆจันวิภาด้วยใบหน้าที่มืดมน สุมิตรดึงเธอขึ้นมาจากพื้น และป่าวประกาศด้วยเสียงที่ดังอย่างผิดปกติ “จันวิภาเป็นภรรยาของผม เป็นผู้หญิงของผมสุมิตรคนนี้ และไม่ใช่คนที่จะตามตอแยได้ตามใจ!!!” น้ำเสียงของสุมิตรเยือกเย็น ทั้งยังป่าวประกาศอย่างเอาจริงเอาจัง ทำให้คนทั่วทั้งงานมองไปทางจันวิภาโดยไม่รู้ตัว นี่เป็นครั้งแรกที่ทุกคนเห็นสุมิตรลงมือและพูดเพื่อผู้หญิง! จันวิภาในตอนนี้ ยืนงงอยู่ที่เดิม จ้องมองสุมิตรที่อยู่ต่อหน้า ดวงตาเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อ หากไม่ใช่สายตาของบรรดาผู้คนที่อยู่รอบๆแล้วล่ะก็ ตัวเธอเองก็เกือบที่จะสงสัยว่าเมื่อครู่นี้คงจะหูแว่วไปเอง แต่ทว่าทางด้านของสุมิตร กลับไม่สนใจจันวิภาที่กำลังสั่นเทาอยู่เลย เขาเข้ามาสัมผัสแก้มของเธอที่ถูกตบจนบวมเป่ง น้ำเสียงเยือกเย็น แล้วพูดอย่างแฝงไว้ด้วยความเกลียดชังอยู่เล็กน้อย “คนอื่นตบเธอ เธอไม่รู้จักหลบหรอไง? จันวิภา เธอเป็นหมูหรอ? ผู้หญิงของสุมิตรคนนี้ ใครคนไหนก็ตบได้ตามใจหรือไง? เธอฮึดสู้ขึ้นมาหน่อยสิ!” “ฉัน......” จันวิภาตกตะลึง กล้ำกลืนอย่างถึงที่สุด ทันใดนั้นเองน้ำตาก็ได้ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว ขณะเดียวกันจึงเอ่ยปากตอบโต้กลับไป “ถ้านายไม่ทิ้งฉัน ฉันจะถูกตบอย่างนี้หรอ? ตอนนี้นายจะยังมาสั่งสอนฉันอีก ไม่รู้หรือไงว่าหน้าฉันเจ็บมากจริงๆ?” “รู้จักแต่เจ็บ เธอนี่งี่เง่าขนาดไหนกัน? ครั้งหน้าถ้าใครตอบเธออีกผมจะตบกลับคืนให้ ได้ยินหรือยัง?” สุมิตรพูดออกมาด้วยความโกรธแค้นอยู่เล็กน้อย ยื่นมือออกมาลูบคลำแก้มที่แดงแจ๋ของจันวิภา จันวิภาพยักหน้าอย่างเลือนลอย ใบหูแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว และเก้อเขินอยู่เล็กน้อย แม้ว่าน้ำเสียงของสุมิตรจะดุดันแข็งกร้าว ทั้งยังโกรธมาก แต่สิ่งที่จันวิภาได้ยิน กลับเป็นความห่วงใยของเขาที่มีต่อเธอ! เมื่อคิดถึงตรงนี้ ก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากนิ้วมือของสุมิตรส่งผ่านไปถึงแก้ม ใบหูของจันวิภาจึงแดงยิ่งขึ้นไปอีก หัวใจเต้นเร็วขึ้นอย่างยั้งไว้ไม่อยู่ 
已经是最新一章了
加载中