ตอนที่ 51 วัยรุ่นภายใต้แสงที่ย้อนลงมา   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 51 วัยรุ่นภายใต้แสงที่ย้อนลงมา
ต๭นที่ 51 วัยรุ่นภายใต้แสงที่ย้อนลงมา จันวิภาตกใจหันหน้ากลับไป มองไปที่หน้าประตูนั้น ใต้แสงย้อนแยงตานั้นปรากฏวัยรุ่นร่างสูงหล่อเหล่าดูสง่าอยู่ วัยรุ่นคนนั้นใบหน้าปรากฏรอยยิ้มที่ทำให้คนรู้สึกถึงความสดใจและอ่อนวัย แต่ว่า ตอนที่เขามองเรื่องที่เกิดขึ้นในนี้แล้ว รอยยิ้มดูแฝงไปด้วยความเขินอายและสงสัยขึ้น: “เอ่อ...รบกวนหน่อยครับ” วัยรุ่นคนนั้นรีบหันตัวอยากจะออกไป สุมิตรรีบเอาผ้าห่มคลุมจันวิภาไว้แล้วพูดขึ้น: “รอก่อน” วัยรุ่นคนนั้นก็หยุดฝีเท้าแต่ไม่หันกลับมาแล้วพูดอย่างสงสัยขึ้น: “พี่ มีอะไรเหรอ?” สุมิตรเบะปากพร้อมพูดขึ้น: “ทำไมอยู่ๆนายถึงมาที่นี้ได้?” วัยรุ่นยักไหล่ขึ้นพร้อมโบกมือ: “ผมพึ่งจะลงเครื่องมา อยากจะเซอร์ไพรส์สักหน่อย” วัยรุ่นคนนั้นพูดจนก็ปิดประตูแล้วเดินไป เสียงยิ่งฟังยิ่งรู้สึกเดินไปไกลขึ้นเรื่อยๆ สุมิตรมองไปที่จันวิภาที่ยังงงอยู่ก็ขมวดคิ้วขึ้น: “จะมัวงงอะไรอีก รีบใส่เสื้อแล้วลงไปข้างล่าง” จันวิภามองเขมงไปที่สุมิตรหนึ่งทีและพูดอย่างไม่พอใจขึ้น: “ตอนคุณกระซากเสื้อผ้าฉันคุณไม่เคยคิดอะไรเลยใช่ไหม?” สุมิตรหาเสื้อเชิ้ตสีขาวจากตู้แล้วโยนให้จันวิภา: “ใส่นี้ก่อนแล้วกัน” จันวิภาใส่เสื้อเชิ้ตที่สุมิตรให้มา เธอรู้สึกว่าบนเสื้อตัวนั้นมีกลิ่นหอมจางๆอยู่ กลิ่นหอมนี้กลิ่นเหมือนกับกลิ่นเป็นกายของสุมิตร พอคิดถึงจุดนี้คิ้วก็ขมวดขึ้น “คนเมื่อกี้เรียกเธอว่าพี เขาเป็นน้องชายเธอเหรอ?” จันวิภาถาม สุมิตรมองอย่างเย็นช้าแวบหนึ่งแล้วตอบ: “ใช่ เขาชื่อเวธัส” จันวิภาตกใจ ในขณะนั้นเองใจลึกๆของจันวิภาก็รู้สึกเศร้าขึ้น เธอรู้สึกเธอไม่เพียงรู้เรื่องของสุมิตรน้อยมาก แม้แต่เรื่องของครอบครัวเขาเธอยังไม่รู้จักสักคนเดียว แต่โชคยังดีที่จันวิภาชินกับเรื่องแบบนี้ตั้งนานแล้ว …… ด้านล่าง เวธัสนั่งกางขาชิดอยู่ที่โซฟา มุมปากมีรอยยิ้ม แสงสว่างและความไร้เดียงสาของเขาทำให้สาวใช้หลงใหลสุดขีด เวธัสเป็นคนใจกว้างไม่ว่าจะเป็นใครก็จะไม่เก็บรอยยิ้มไว้ สุมิตรและจันวิภาแต่งตัวเรียบแล้วเดินลงมาจากข้างบน เวธัสเรียกอย่างสนิทสนม แต่ตอนที่เขามองใบหน้าสุดเย็นชาของสุมิตรนั้น ในท้องของเขาก็เหมือนถูกบังคับให้กระอักกระอวนขึ้น เงียบสงัดไปสักพัก เวธัสก็เอ่ยปากขึ้น: “พี่ ไม่ใช่ฉันรบกวนช่วงเวลาความสุขของพี่ใช่ไหม? ทำไมดูหงุดหงิดล่ะ?” เวธัสทำหน้าให้ด้านยิ้มขึ้น แล้วไปนั่งข้างสุมิตร ยื่นมีมาจับที่ไหล่ของเขา: “แฟนของพี่สวยมากเหรอไง” สุมิตรเอามือของเวธัสที่ไหล่ออกแล้วพูดอย่างเรียบๆ: “ทำไมไม่เรียนที่เมืองนอกให้ดี หนีกลับมาทำไม?” เวธัสถอดหายใจพูดอธิบายขึ้น: “เรียนเมืองนอกเหรอฉันจบแล้ว ไม่งั้นจะหนีกลับมาทำไม” สุมิตรพูด: “จริงเหรอ?” เวธัสเบะปาก: “จะหลอกพี่ไปทำไม แล้วครั้งนี้ผมกลับมาเตรียมเรียนต่อ โรงเรียนก็หาเรียบร้อยแล้วด้วย” สุมิตรตัดบท ขมวดคิ้วพร้อมพูดขึ้น: “ฉันว่านายน่าจะกลับมาทำงานให้ตระกูลได้แล้ว ทำไมเรียนเยอะแยะ นายฉลาดอยู่แล้ว อดทนสัก 2 ปี ยังไงก็ไปรอด” น้องชายของสุมิตรคนนี้ดีไปซะทุกด้าน แต่เมื่อพูดถึงเรื่องการค้าล่ะก็รอยยิ้มของเขาก็จางหายไปทันที เวธัสพูด: “ได้ เรื่องของฉันพูดไปก็ไม่สนุก งั้นพี่แนะนำแฟนให้ฉันฟังหน่อยสิ?” ลักษณ์คิ้วที่เหมือนยิ้มของเวธัสเหมือนกำลังวิเคราะห์จันวิภาอยู่ครู่หนึ่ง ในขณะเดียวกันจันวิภาก็พบว่า ใบหน้าแสนจะเนียนใสเยาว์วัยไม่มีความดุดันแบบสุมิตร ราวกับแสงสว่างที่ถูกส่องมา สองพี่น้องนี้ราวกับคนละขั้วกัน แม้ว่าจันวิภาจะเพิ่งเคยพบหน้าเวธัสครั้งแรก คำพูดสักประโยคก็ยังไม่ได้พูด ก็ถูกคนหนุ่มคนนี้ทำให้รู้สึกดีซะแล้ว สุมิตรมองไปที่จันวิภาพูดขึ้น: “เธอไม่ใช่แฟนของฉัน” จันวิภาก้มหน้าลง สุมิตรไม่ปล่อยโอกาสที่จะทำให้เธอายไปได้หรอก แต่สุมิตรกลับยิ้มแล้วพูดขึ้น: “เธอเป็นภรรยาของฉัน” พอคำพูดนี้ออกมาไม่ใช่แค่จันวิภาตกใจเท่านั้น เวธัสก็ไม่ต่างกัน แต่จันวิภารับรู้แล้วไม่ได้แสดงออกมาได้แต่เก็บไว้ในใจลึกๆ สุมิตรโบกมือไม่พูดอะไร! เวธัสต่อยแรงๆเข้าไปที่สุมิตรทีหนึ่งแล้วพูดอย่างโมโหขึ้น: “พี่แต่งงานยังไม่บอกผมเลย? แกล้งผมอยู่หรือเปล่าเนี่ย?” สุมิตรมองเวธัสตกใจสักพักก็รู้สึกไม่พอใจ แล้วรีบจับไหล่น้องชายของตัวเอง: “ที่ฉันแต่งงานกับเธอเพราะเรื่องของธรุกิจตระกูลเลยรีบไปหน่อย ฉันรู้ว่านายกำลังตั้งใจเรียน ไม่อยากจะรบกวนนายแค่นั้น” เวธัสเหมือนถูกคนหลอกยังไงอย่างงั้น โกรธเดือดดาลอยู่ในนั้น พูดอย่างงงงงออกมา: “พี่ ในชีวิตนี้พี่จะแต่งงานกี่ครั้งกัน เรื่องนี้กลับไม่บอกฉันเลยสักนิด” สุมิตรมองไปที่จันวิภา ทั้ง2คนไม่พูดอะไร บรรยากาศกดดันยิ่งขึ้น แต่ผ่านไปคนที่ทำบรรยากาศนี้ขึ้นอย่างเวธัสก็ปลอบใจตัวเองได้ สะบัดมือไปมา: “พอแล้ว พอแล้ว เรื่องที่ผ่านมาช่างมัน” สุมิตรยิ้มให้น้องชายคนนี้หนึ่งที เขารู้ว่ายังไงเวธสก็ไม่มีทางโกรธได้ตลอดหรอก ทั้งสองไม่ได้เจอกันตั้งหลายปี พอเริ่มคุยกัน ก็ลืมไปแล้วว่าจันวิภาอยู่ที่นี่ จันวิภาฟังเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของสองพี่น้อง อยู่ๆก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ต่างจากคนนอก จึงค่อยๆออกไปจากที่นั่งอย่างเงียบๆแล้วมุ่งไปทางประตู จันวิภาออกไปที่สวนดอกไม้ข้างนอกคฤหาสน์ เดินเลยพักสมองมองปลาที่ว่ายน้ำโลกแล่นอยู่ในสระ จันวิภาก้มลงไปใช้มือจุ่มไปในสระ แต่พอแค่จุ่มลงไปในน้ำใสใสนั้น กลับมาสามรถทำให้ปลาเหล่านั้นหนีออกไปจากปลายนิ้วได้ จันวิภามองเห็นเงาที่สะท้อนกลับด้านหลังของตัวเองจึงหันหน้าไป ใบหน้าใสใสส่องสว่างไปด้วยรอบยิ้มเข้ากระทบที่นัยน์ตา “แท้จริงแล้วพี่สะใภ้เป็นคนที่ดูเศร้าหมองนี่เอง” เวธัสพูดอย่างสนอกสนใจ จันวิภาไม่รู้จะพูดอะไร เลยถามขึ้น: “เธอกลับมาเรียนอะไรเหรอ?” เวธัสยกมือกดบนอากาศราวกับบนนั้นมีตัวโน้ตอยู่ มือของเขาเทียบกับสุมิตรแล้วแลดูนุ่มและดูมีชีวิตชีวายิ่งกว่า “ดนตรี” เวธัสตอบ: “ แม้ว่าเมื่อก่อนจะเรียนๆเล่นๆไปหน่อย แต่ครั้งนี้จะต้องเตรียมตัวตั้งใจเรียนแล้ว” จันวิภาตกใจมองเวธสแล้วถาม: “ใช้โรงเรียนของเมืองA ใช่ไหม?” เวธัสพยักหน้า จันวิภาราวกับเจอเพื่อนอย่างงั้น เหมือนเมฆดำลอยผ่านไป จันวิภาพูดอย่างดีใจขึ้น: “ฉันพึ่งไปทำเรื่องเข้าเรียนที่นั้นเหมือนกัน” “จริงเหรอ คิดไม่ถึงเลยว่าซ้อจะชอบดนตรีเหมือนกัน” เวธัสดีใจเหมือนกัน เขาพูดต่อ: “มีซ้อเป็นเพื่อนก็ดีเหมือนกัน ผมยังกลัวจะไม่เหมาะใช้ชีวิตในประเทศนี้”
已经是最新一章了
加载中