ตอนที่ 56 หึง หึงจนบ้าคลั่ง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 56 หึง หึงจนบ้าคลั่ง
ต๭นที่ 56 หึง หึงจนบ้าคลั่ง ทั้งสามคนพูดคุยไร้สาระกันอยู่ในสำนักงาน ทันใดนั้นเองเวธัสจึงรู้สึกว่าการมีตัวตนอยู่ของเขาเป็นส่วนเกิน เขาขอตัวออกไปสูดลมหายใจข้างนอก จากนั้นจึงหันหลังแล้วเดินออกจากสำนักงานไป หลังจากที่เวธัสออกไปแล้ว นราวิชญ์จึงจับแขนจันวิภาเอาไว้ทันที นั่งข้างๆเธอ แล้วเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล “ครั้งนั้นหลังจากที่เธอกลับบ้านไปไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่มั้ย?” จันวิภาขมวดคิ้ว “พี่นราวิชญ์ พี่ไม่ได้พูดหรอไงว่าตอนนี้ฉันเป็นเหมือนน้องสาวของพี่น่ะ” นราวิชญ์อึ่งทึ่ง ท่าทางราวกับไม่มีความเบิกบานใจ แต่ทว่านัยน์ตาของเขากลับเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่น “จันวิภา เพราะว่าผมเห็นเธอเป็นน้องสาว ก็เลยไม่อยากให้เธอได้รับความไม่เป็นธรรม” จันวิภากล่าว “สุมิตรดีกับฉันมาก พี่ไม่ต้องกังวลนะ” คิ้วของนราวิชญ์ขมวดจนติดกัน เขาโกรธขึ้นมาทันที “จันวิภา เธอจะโกหกผมไปจนถึงเมื่อไหร่ ผมได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเธอมาแล้ว” ความโกรธของนราวิชญ์ กลับทำให้จันวิภารู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ห่างหายไปนาน ยังมีคนที่ใส่ใจเธออยู่ แต่ทว่าเพียงไม่นานเธอก็ได้สติตื่นขึ้นมาจากความอบอุ่นนั้น “ข่าวลือก็คือข่าวลือ ไม่ใช่หรอคะ?” นราวิชญ์ยังคงคัดค้าน “เธอเป็นคนที่ดื้อมากๆซึ่งฉันนั้นรู้ดี แต่เธอไม่จำเป็นต้องดื้อรั้นจนทำให้ตนเองตกลงในกองเพลิงหรอก ยังจะแข็งกร้าวอยู่อีก” นราวิชญ์พูดจบ ก็ได้ยื่นมือออกไปลูบที่แก้มของจันวิภา เคลื่อนไหวอย่างอ่อนโยนเป็นอย่างยิ่ง หัวใจของจันวิภานั้นสั่นกระเพื่อมอยู่เล็กน้อย แต่ทว่ากลับเบือนหน้าหนี แล้วเอ่ยปากพูดอย่างไม่มีความสุข “แม้ว่าพี่จะรู้ว่าฉันเป็นผู้หญิงที่สกปรกอย่างนั้นน่ะหรอ? ทำไมพี่ถึงได้หยอกล้อฉันเล่นอย่างนี้?” นราวิชญ์ตัวสั่นเทาอยู่เล็กน้อย หยุดมือที่ยื่นออกไปกลางอากาศ และยิ้มอย่างขื่นขม จันวิภามองดูสีของท้องฟ้าที่อยู่ทางด้านนอก มันมืดลงมาโดยไม่ทันรู้ตัว จันวิภาจึงเอ่ยปากพูดขอโทษออกไป “มืดมากแล้ว ฉันควรกลับไปได้แล้ว” พูดจบจึงเตรียมที่จะลุกขึ้น นราวิชญ์รีบไปประคองอย่างรีบร้อน “ให้ผมไปส่งเธอดีกว่า” จันวิภาปฏิเสธอย่างสุภาพ “พอแล้ว เวธัสน่าจะรอฉันอยู่ข้างล่าง ให้เขาไปส่งฉันก็ได้แล้ว” นราวิชญ์ขมวดคิ้วขึ้น “เธอเป็นอย่างนี้ไง ฉันจะวางใจให้คนอื่นไปส่งเธอได้อย่างไง” จากคำพูดของเขาที่ได้ยินออกมาดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีความรู้สึกที่ดีต่อสุมิตรเสียเท่าไหร่ อย่างน้อยก็ไม่ไว้วางใจ จันวิภาพูดโต้แย้ง “เวธัสเป็นเด็กที่ดีคนหนึ่ง ไม่เหมือนกับ......” นราวิชญ์ขมวดคิ้ว “ผู้ชายคนอื่น ที่เธอพูดหมายถึงฉันหรอ?” จันวิภารีบโบกมือปัดไป “ไม่ใช่แน่นอน ฉันเปรียบเทียบให้ฟังเฉยๆ” คิดไม่ถึงเลยว่าเวธัสจะเปิดประตูเข้ามาตอนนี้ คำพูดเมื่อสักครู่นี้เวธัสจะต้องได้ยินแน่นอน จันวิภามองเวธัสด้วยความรู้สึกอึดอัด แต่เขากลับทำท่าทางเหมือนจะไม่ได้สนใจ และยังพูดกับจันวิภาอีกว่า “ก็ให้พี่นราวิชญ์มาส่งพวกเราด้วยสิ” จันวิภาจึงไร้หนทางที่จะปฏิเสธอีก ทั้งสามคนลงไปชั้นล่างพร้อมกัน เวธัสยิ้มขึ้นมาตรงมุมปากเป็นครั้งคราว ก้าวลงเดินบันได ไม่ทันระวังจึงได้ลื่นไถล ร่างกายเสียการทรงตัว ล้มลงไปข้างหน้า นราวิชญ์ยื่นมือออกมาดึงแขนของเวธัสเอาไว้ แล้วดึงเขาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เวธัสไม่รู้ว่ามันเป็นการจงใจหรือไม่ ร่างกายของเขาตกลงไปสู่อ้อมแขนของนราวิชญ์อย่างแนบแน่น จันวิภาเบิ่งตามอง แล้วจึงแอบยิ้มขึ้นมา มือข้างหนึ่งของนราวิชญ์ประคองจันวิภาเอาไว้อยู่ มืออีกข้างหนึ่งจับหนุ่มน้อยเวธัสเอาไว้ และมันก็น่าอายเช่นกัน ณ ตอนนี้นราวิชญ์เหลือบมองเวธัส แล้วพูดอย่างไม่พอใจ “ฉันว่าคุณชายคนที่สองของตระกูลวิบูลย์ธนภัณฑ์ อยากจะนอนเล่นอยู่ที่นี่ซะละมั้ง?” เวธัสบิดตัวออกจากอ้อมแขน แล้วพูดอย่างเก้อเขิน “อาจจะเป็นเพราะพิธีเปิดมันเปลืองสมองมากเกินไปน่ะ ก็เลยเหนื่อยนิดหน่อย” จันวิภามีความสุขเสียเหลือเกิน นราวิชญ์ขมวดคิ้วแล้วถอนหายใจ หลังจากที่ส่งจันวิภาถึงหน้าบ้าน นราวิชญ์ก็ไม่ได้พูดพร่ำทำเพลงอะไรแล้วขับรถออกไปทันที จันวิภาที่พึ่งลงจากรถมานั้นได้เห็นสายตาที่เยือกเย็นคู่หนึ่งกำลังจ้องมองเขาอยู่ “พี่ พวกเรากลับมาแล้ว” เวธัสมักจะเป็นคนที่มีความสุขได้ง่ายมากคนหนึ่ง แม้ว่าจะเห็นใบหน้าที่เยือกเย็นของสุมิตร เวธัสเขาชนะจริงๆ จันวิภาครุ่นคิดอยู่ในใจ แต่กลับไม่เหลียวมองสุมิตร แล้วเดินผ่านเขาไป เรื่องที่ขาดคุณธรรมเมื่อตอนกลางวันนั้น เธอยังไม่อาจที่จะให้อภัยสุมิตรได้รวดเร็วขนาดนั้น ใครจะรู้ว่าตอนที่เดินผ่านสุมิตรไปนั้น เขาจะดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอดของตนเองทันที แล้วกอดอย่างรุนแรง จันวิภาดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง อ้าปากตะโกนพูดขึ้นมา “สุมิตร นายเป็นบ้าอะไรอีก ตอนค่ำนายไม่ได้กินยาหรอไง นายมันวิปริต” “หุบปาก!” สุมิตรตะคอกออกมาด้วยความโกรธ เขาชี้ไปยังรถของนราวิชญ์ที่ค่อยๆหายลิบไป “นางร่าน เธอคิดว่าสุมิตรคนนี้ตาบอดงั้นรึ? พอตกดึกก็ให้ไอ้ชู้คนนี้มาส่ง ผมที่อยู่ที่นี่เป็นคอกหมาสำหรับผู้หญิงสารเลวอย่างเธองั้นรึ?” จันวิภาขี้เกียจที่จะอธิบายให้คนที่เป็นโรคประสาทเช่นนี้ฟัง จึงก้มหน้าลงไปแล้วกัดไปที่มือของสุมิตร สุมิตรได้ป้องกันตัวจากเล่ห์เหลี่ยมของเธอเอาไว้ก่อนแล้ว ฝ่ามือที่ราวกับคีมเหล็กกำลังบีบคางของเธอเอาไว้อยู่ แล้วยิ้มเยาะเย้ย “ไม่เพียงแต่เป็นผู้หญิงร่าน ทั้งยังเป็นหมาบ้าชอบกัดคนด้วย” จันวิภาถูกบีบคางเสียจนปวด เงยหน้าขึ้นมามอง ใบหน้าแดงก่ำ เวธัสในตอนนี้ตกตะลึงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้ว่าเขาจะรู้ว่าระหว่างพี่ชายกับจันวิภามีความขัดแย้งกันอยู่เล็กน้อย แต่คาดไม่ถึงเลยว่าความขัดแย้งจะรุนแรงได้ถึงขนาดนี้ เวธัสขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “พี่ พี่กำลังทำอะไร? และยังด่าพี่สะใภ้อย่างโหดเหี้ยมขนาดนั้นอีก พี่ดื่มจนเมาไปแล้วหรือไง? พี่......” “นายอย่ามายุ่ง เธอเป็นผู้หญิงร่าน ทั้งวันคิดแต่จะไปอ่อยผู้ชายข้างนอก หึ แม้แต่นายก็ยังไม่เว้น......” แรงของสุมิตรเพิ่มมากยิ่งขึ้น ทำให้จันวิภาเจ็บปวดเสียจนพูดไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว เมื่อเวธัสเห็นฉากเช่นนี้จึงรู้สึกหวาดกลัว เขาพูดขึ้นมาอย่างยากที่จะเข้าใจ “พี่ ฉันไม่รู้จริงๆว่าพี่กำลังหูดับตาบอดพูดอะไร เธอไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อพี่แน่นอน” สุมิตรยิ้มเยาะ “หึ ใช่หรอ? อยู่ในห้องตามลำพังในสำนักงานของนราวิชญ์ชั่วโมงกว่า ยังจะเรียกว่าไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อฉันอีกหรอ?” เวธัสอึ้งนึ่งไป สับสันเอ่ออ่า รู้ว่าตอนนี้แม้ตนเองจะมีสิบปากก็ไม่สามารถพูดออกมาได้อย่างชัดเจน จึงรีบร้อนพูดออกไป “ไม่ว่าพี่จะคิดอย่างไง พี่ต้องปล่อยพี่สะใภ้เดี๋ยวนี้” สุมิตรทิ้งคำพูดหนึ่งไปให้เวธัสอย่างดุเดือด “นายไปพักผ่อนซะ ฉันไม่อยากจะพูดกับนายให้มากความ” พูดจบจึงปล่อยคางของจันวิภาออก เมื่อจันวิภาถูกปล่อยจึงได้ทุบตีสุมิตรอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับตะโกนออกมาเสียงดัง “วิปริต สุมิตร ทำไมนายถึงได้วิปริตไร้ยางอายได้ขนาดนี้ นายจะไม่ได้ตายดีแน่ นาย......” สุมิตรไม่สนใจ แล้วโอบเอวของจันวิภาแล้วอุ้มขึ้นมา ทันใดนั้นก็เขาประชิดใกล้ใบหูของเธอแล้วพูดอย่างอบอุ่น “ถ้าคืนนี้ฟังคำพูดของผม ผมจะให้อภัยเธอ” น้ำเสียงที่เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนอย่างฉับพลันนั้นทำให้จันวิภาใจอ่อน แต่ทว่าเธอยังคงขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น “นายอยากที่จะให้ฉันทำอะไรอีก?” สุมิตรอุ้มจันวิภาขึ้นมา เดินออกจากห้องไป แล้วปล่อยวางลงในรถ “เธอเป็นเด็กดีอย่าส่งเสียงดัง ไม่งั้นถ้าหัวเราะขึ้นมาดังๆมันจะไม่ดีสักเท่าไหร่” ในใจของจันวิภาเกินที่จะเข้าใจได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท้ายที่สุดสุมิตรก็ได้ทิ้งรอยยิ้มที่มีเสน่ห์และเย้าเยวนไว้ให้เธอ มันช่างน่าแปลกประหลาดเป็นที่สุด จึงทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว แต่ทว่า สุมิตรกลับปิดประตูรถอย่างรุนแรง ดวงตาของเวธัสเบิกกว้างขึ้นมาด้วยความตะลึง
已经是最新一章了
加载中