ตอนที่ 57 กับดักของสุมิตร   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 57 กับดักของสุมิตร
ต๭นที่ 57 กับดักของสุมิตร สุมิตรเหยียบคันเร่งอย่าบ้าคลั่ง ทำให้จันวิภารู้สึกไม่สบายใจอยู่เล็กน้อย “สุมิตร นายจะพาฉันไปที่ไหน” แต่ทว่ากลับไม่มีคำตอบใดๆออกมา รถหมุนวนเป็นวงกลม ในที่สุดก็หยุดที่ประตูของไนท์คลับแห่งหนึ่ง สุมิตรเปิดประตูรถ แล้วดึงจันวิภาออกมาอย่างป่าเถื่อน จากนั้นจึงลากเธอเข้าไปในไนต์คลับ ไฟที่ส่องกระพริบทำให้จันวิภาไม่อาจที่จะมองเห็นเหตุการณ์ในไนต์คลับได้อย่างชัดเจน แต่เมื่อเธอมองเห็นมันได้อย่างชัดเจนแล้ว ใบหน้ากลับเปลี่ยนเป็นสีแดง ในห้องโถงที่มีบรรยากาศที่ร้อนผ่าว แสงไฟแข็งกับอ่อนสลับกันไปมา ชายกับหญิงราวยี่สิบคนกำลังกอดกันนัวเนีย ในสายตาของผู้ชายเต็มไปด้วยความใคร่และตัณหา เสียงดนตรีที่ปลุกอารมณ์และจังหวะที่ทำให้ผู้คนลุ่มหลงมัวเมา ทำให้เหล่าบรรดาหญิงสาวทั้งหลายอยู่ไม่เป็นสุข ผู้หญิงพวกนั้นไม่เพียงแต่ไม่ขัดขืน ทั้งยังกวัดแกว่งเอวของตนเองอีกด้วย ผมของพวกเธอดูยุ่งเหยิง ดวงตาทั้งสองมัวเมา ถอดเสื้อผ้าที่เหลืออยู่น้อยนิดของตนเองออก ปากส่งเสียงร้องครางออกมาไม่หยุดหย่อน จันวิภาคาดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นสถานการณ์ที่มั่วโลกีย์ขนาดนี้ ภายใต้ความตกตะลึง ก้มศีรษะด่าสุมิตร หันหน้ากลับเตรียมจะเดินออกไปข้างนอก แต่ มันจะง่ายด้ายขนาดนั้นได้ยังไง? สุมิตรดีดนิ้ว เหล่าบอดี้การ์ดที่สวมชุดสีดำเหล่านั้นต่างถลันเข้ามาปิดกั้นประตูเอาไว้ สุมิตรยิ้มเยาะเย้ย ลากจันวิภา แล้วพูดอย่างดูถูก “ทำไม? เธอไม่ได้ชอบที่แบบนี้หรือไง?” จันวิภากัดฟัน ไม่หันหน้ามา แล้วพูดขึ้นด้วยความโกรธ “สุมิตร ฉันเป็นภรรยาของนาย ภรรยา และฉันก็ไม่ได้เป็นผู้หญิงแบบที่นายคิด” แต่สุมิตรกลับไม่สนใจ ผลักจันวิภาอย่างแรง เธอจึงย่ำเท้าลงไปสู่ใจกลางของไนท์คลับ จันวิภาหันตัวเพื่อที่จะเดินออกไป แต่ทันใดนั้นเองด้านหน้าของเธอก็ได้ปรากฏเงาคนที่สูงใหญ่อยู่สี่ถึงห้าคน คนที่รายล้อมเธออยู่นั้นรูปร่างสูงใหญ่ สวมใส่ชุดสูทสีดำ สวมแว่นตาดำ สีหน้าเคร่งขรึม มือทั้งสองไขว้อยู่ข้างหลัง ยืนราวกับรูปปั้นเหล็กกล้าอย่างไรอย่างนั้นเพื่อกันไม่ให้จันวิภาหนีออกไป “พวกนายจะทำอะไร ในเวลากลางวันแสกๆ......” จันวิภาตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “กลางวันแสกๆ? นี่มันไม่ใช่เวลากลางวันแสกๆแล้วนะ” จันวิภาหันหน้ากลับไป เห็นผู้หญิงผมสั้นกำลังกวัดแกว่งแก้วไวน์อยู่ในมือ เดินบิดเอวมาหาเธอ “คุณจันวิภา ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ก็อย่ามาเสแสร้งว่าบริสุธิ์หน่อยเลย อ่าหะ?” หญิงสาวผมสั้นยกแก้วไวน์ขึ้นมาดื่มอึกหนึ่งอย่างสง่างาม ไวน์แดงแก้วนั้นดูราวกับเลือดสด ทำให้ริมฝีปากของเธอดูแดงแจ๋ยิ่งขึ้นไปอีก จันวิภาขมวดคิ้วแล้วมองดูผู้หญิงคนนี้ที่แทบจะสวมชุดเหมือนบิกินี่ที่อยู่ต่อหน้าเธอ “ต้องขอโทษจริงๆ ฉันไม่ได้เป็นคนจำพวกเดียวกับพวกคุณ” เธอหันตัวเพื่อที่จะเดินจากไป แต่กลับถูกเหล่าบอดี้การ์ดชุดดำผลักเธอเข้าไปกลางฝูงชน จันวิภาไม่ใช่คู่มือของเหล่าบอดี้การ์ดชุดดำพวกนั้น ดังนั้นจึงตะโกนร้องเรียกสุมิตรที่อยู่ข้างๆ “สุมิตร นายจะไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยหน่อยหรอ? นายจะทนดูฉันถูกรังแกงั้นหรอ? สารเลว” ตอนนี้สุมิตรกำลังนั่งอยู่บนโซฟา หัวเราะเริงร่ากับสาวเต้นรำ ไม่สนใจจันวิภา แม้ว่าเธอจะตะโกนจนคอหัก จันวิภากัดฟัน กำปั้นเล็กๆคู่หนึ่งถูกบีบลงเพราะความโกรธ “พวกเธอคิดอย่างไง?” จันวิภาหันหน้ากลับมา ถลึงตาจ้องมองสาวผมสั้น สาวผมสั้นหัวเราะ “คุณจันวิภาไม่ต้องวิตกกังวลไปค่ะ พวกเราแค่เชิญคุณมาเล่นสนุกด้วยกันเท่านั้นเอง” สาวผมสั้นยิ้มอย่างมืดมน ผู้หญิงคนอื่นที่อยู่ด้านหลังก็ยิ้มขึ้นมาด้วยเช่นกัน รอยยิ้มเช่นนั้นทำให้จันวิภารู้สึกโมโหและสะอิดสะเอียน “เล่นอะไร?” สาวผมสั้นเดินเข้ามาแล้วพูด “เล่นไหม? แน่นอนว่าคือการเล่นเกม” เธอยกแก้วไวน์ขึ้นมา จันวิภาตบมือของผู้หญิงผมสั้น ส่ายหัวแล้วพูดขึ้น “ฉันเล่นเกมไม่เป็น ยิ่งกว่านั้นยังดื่มเหล้าไม่เป็นด้วย” สาวผมสั้นยิ้มเยาะเย้ยขึ้นมา “ที่นี่ คุณจันวิภาจะแสร้งทำเป็นบริสุทธิ์ผุดผ่องอะไรอยู่อีกคะ วันนี้คุณต้องเล่นเกม ไม่งั้น ก็อย่าคิดว่าจะออกไปจากที่นี่ได้” ในที่สุดจันวิภาก็รู้เสียที ทั้งหมดนี่เป็นแผนการของสุมิตร เขาแค่อยากจะดูถูกเธอต่อหน้าทุกคน แต่ทว่าตอนนี้เธอได้ตกลงไปในเหวไฟเรียบร้อยแล้ว จึงไม่มีทางอื่นอยู่อีก เธอพูดอย่างไม่เต็มใจ “เธอจะเล่นอย่างไง?” ผู้หญิงผมสั้นคนนั้นยิ้มอย่างพึงพอใจ จากนั้นจึงชี้ไปยังถ้วยลูกเต๋าสองใบที่อยู่บนโต๊ะ แล้วพูดขึ้น “เกมมันง่ายนิดเดียว คุณแค่ต้องเขย่าถ้วยลูกเต๋า ใครแต้มน้อยกว่าคนนั้นก็ดื่ม” พูดจบจึงหยิบถ้วยลูกเต๋าขึ้นมาเขย่า จันวิภาถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง หยิบถ้วยลูกเต๋าขึ้นมาเขย่าอย่างจนปัญญา ทั้งสองคนเขย่าได้เพียงไม่นาน สาวผมสั้นจึงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วเอ่ยปากพูด “เปิดเถอะ” จันวิภามองไปยังถ้วยลูกเต๋าที่หยิบขึ้นมา ได้แต้มแบ่งออกเป็น สาม สี่ และหก ภายในใจจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ในใจคิดว่าสิบสามแต้มมันก็ไม่ใช่แต้มน้อยๆ แต่ทว่าผู้หญิงผมสั้นกลับยิ้มอย่างเยาะเย้ยแล้วเปิดถ้วยลูกเต๋าออก แต้มคือ สี่ ห้า และห้า “ดื่มเถอะ คุณจันวิภา” ฝูงชนส่งเสียงโห่ร้องด้วยความเบิกบานใจ ไวน์หนึ่งแก้วถูกยกขึ้นมาวางไว้ข้างหน้าของจันวิภา จันวิภาขมวดคิ้วขึ้น จำใจเทแก้วไวน์แดงลงท้อง ต่อมา ไวน์แดงกว่าสองสามแก้วได้ไหลรินลงสู่ท้องอีกครั้ง ตอนนี้จันวิภารู้สึกว่าท้องของเธอราวกับถูกแผดเผาไปด้วยเปลวไฟ ในศีรษะมีเสียง “วิ้งๆ” ดังขึ้นตลอดเวลา โชคดีที่สติของจันวิภายังคงชัดเจนอยู่ เธอจึงตระหนักได้ว่านี่มันไม่ใช่แล้ว เธอวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะอย่างรุนแรง จ้องถลึงมองไปที่แววตาของผู้หญิงผมสั้นแล้วพูดขึ้น “เธอโกงนี่” สามผมสั้นยิ้มเยาะเย้ยแล้วพูดขึ้น “กล้าเล่นแต่ไม่กล้าเสียงั้นหรอ?” จันวิภาประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ แต่ก็ไม่คิดที่จะยอมแพ้ แอลกอฮอร์ทำให้เธอเปลี่ยนไปเป็นคนที่มีความกล้าหาญเป็นอย่างมาก เธอตบโต๊ะและตะโกนออกมาเสียงดัง “ถ้าอยากจะเล่นก็ต้องเล่นใหญ่หน่อย กับแค่กินเหล้าเนี่ยนะ แพ้แล้วโดนตบหน้าสิถึงจะดี” บรรดาฝูงชนมองเธออย่างตกตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะกล้าเล่นอย่างนี้ และยังเปลี่ยนบทลงโทษให้รุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก จันวิภาเสริมต่ออีกว่า “แต่กฎฉันจะกำหนดเอง ฉันไม่เหมือนกับเธอหรอกนะที่เล่นแล้วโกง” สีหน้าของสายผมสั้นคนนั้นตกตะลึง รู้ว่าตอนนี้ถ้าไม่ตอบตกลงกับจันวิภาไปเกรงว่าจะเสียหน้า ดังนั้นจึงพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ตามใจคุณ ฉันไม่เชื่อว่าจะเล่นไม่ชนะคุณ” จันวิภายิ้มแล้วพูดขึ้น “แม้ว่าเธอจะบอกว่าเธอไม่ได้โกง งั้นตอนนี้เธอยังจะต้องใช้ถ้วยลูกเต๋านั่นของเธอ พวกเรายังคงวัดแต้มใหญ่แต้มเล็กกันเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง” ผู้หญิงผมสั้นคนนั้นกำถ้วยลูกเต๋าของเธอจนแน่น มองดูจันวิภาด้วยความแปลกประหลาดใจเล็กน้อย ไม่รู้ว่าในน้ำเต้าของเธอจะใส่ยาอะไรไว้ จันวิภายิ้มเยาะเย้ย “แต่กฎมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เล็กน้อย ตอนนี้เปลี่ยนเป็นแต้มใหญ่กว่าชนะ แต้มเล็กกว่าแพ้” จันวิภายิ้มอย่างทะนงตน “ทำไม? ไม่กล้าหรอ? อย่าเล่นเลยก็ได้ ไม่ต้องอับอายขายขี้หน้าคนอื่น” สามผมสั้นคนนั้นกัดฟันจนแน่น เขย่าถ้วยลูกเต๋า ผลแพ้ชนะมันชัดเจนอยู่แล้ว แต้มของจันวิภาก็ยังคงน้อยที่สุด แต่ทว่าครั้งนี้เธอกลับชนะ แต่ทว่าเธอก็ได้ตกใจอีกครั้งหนึ่ง จันวิภาง้างมือขึ้นมา เนื่องจากสุดท้ายแล้วกลับไม่ได้ตบฝ่ามือลงมา “ฉันรู้ว่ามีคนให้พวกเธอมาทำให้ฉันขายขี้หน้า แต่สิ่งที่ฉันต้องการจะพูดก็คือ ฉันเป็นคนใจกว้างและชอบให้อภัยผู้อื่น” จันวิภาพูดจบ หันตัวเดินจากไปด้วยที่ไม่หันหน้ากลับมามอง ครั้งนี้ไม่มีใครมาขัดขวางเธออีก แอลกอฮอร์ทำให้หัวของเธอมึนงง เธอจึงคิดอยากที่จะออกจากที่แห่งนี้ไปให้เร็วที่สุด สุมิตรมองไปยังแผ่นหลังของจันวิภา คิ้วทั้งสองข้างขมวดติดกัน ดวงตาทั้งสองสันระรอกอย่างตกใจ เขาหันไปทางผู้หญิงผมสั้นคนนั้น ส่งเสียง “หึ” แล้วพูดขึ้น “ไร้ประโยชน์!”
已经是最新一章了
加载中