ตอนที่62 ความคลุมเครือ แตกหักลง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่62 ความคลุมเครือ แตกหักลง
ต๭นที่62 ความคลุมเครือ แตกหักลง “เป็นไปได้อย่างไร?มันจะเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร?” เวธัสค่อยๆยืดตัวขึ้น แต่เสียงเอ้อระเหยอ้อยอิ่งใจยังคงดังเข้ามาในหูเขาอย่างต่อเนื่อง เวธัสกระแทกหัวตัวเอง คาดไม่ถึงว่าพี่สะใภ้… จันวิภา ก่อนหน้านี้ ผมยังอธิบายให้พี่ฟัง หรือคิดว่าเป็นพี่ชายที่ดูสงสัย สุดท้าย ตัวคุณเองนั้นเป็นเหมือนแม่ของคุณ ก็เป็นผู้หญิงร่าน ยั่วกับผู้ชายคนอื่นๆลับหลังพี่ชายกับผม เวธัสกัดฟันแน่น ออกไปที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง แต่ ทั้งจันวิภาและนราวิชญ์ที่อยู่ด้านในห้องกลับไม่รับรู้อะไรเสียเลย จันวิภายังคงหลับตา พลางร้องไห้ในลำคอ: “ร้อน ร้อนเหลือเกิน ร้อนมาก ช่วยฉันด้วย” เมื่อได้ยินจันวิภาร้องขอให้ช่วย นราวิชญ์ชะงักลงด้วยความหวาดกลัว และหยุดถอดเสื้อผ้าตัวเองออก ร่างของเขาก็แข็งขึ้น คราวนี้นราวิชญ์สังเกตว่าจันวิภามีอาการผิดปกติ ร่างกายเธอมันร้อนเอามากๆ สติเริ่มเลือนลาง ซึ่งมันเป็นอาการที่ถูกวางยา ทันใดนัยน์ตาเย็นเยือกลง นราวิชญ์คิดว่า ต้องเป็นจิลลาต้องไม่พอใจกับเรื่องนี้ แล้วมาทำร้ายจันวิภา จากนั้นเขาก็โทรหาจิลลาทันที “เฮ้…” มีเสียงโทรศัพท์ของผู้หญิง “ผมนราวิชญ์เอง ตอนนี้ เธอควรมาที่สำนักงานผมให้เร็วที่สุด” “นราวิชญ์พูดเสียงเย็นเยือก ข่มความโกรธลงไว้” ไม่นาน จิลลาก็เดินเข้ามา นราวิชญ์เดินเข้ามาจ้องจิลลา หัวเราะเสียงเย็น: “โชคร้ายมาก คงทำให้เธอผิดหวังสีนะ สิ่งที่เธอหวังจะให้มันเกิดแต่มันดันไม่เกิด” จิลลาแกล้งโง่ เธอจึงส่ายหัว พร้อมพูดว่า: “ท่านประธาน ฉัน ฉันไม่รู้ว่าคุณพูดอะไร” นราวิชญ์ขัดจังหวะจิลลา ระเบิดออกมา: “เธอคิดว่าผมโง่ใช่ไหม? เอายาถอนพิษมาแก้พิษเดี๋ยวนี้” จิลลาคิดไม่ถึงว่านราวิชญ์จะไม่ดื่มด่ำกับจันวิภา หากแต่ยังต้องการยาถอนพิษให้เธออีก ความจริงครั้งนี้แผนการเธอไม่เพียงทำให้จันวิภาเสื่อมเสีย แต่ยังทำให้นราวิชญ์พอใจ เนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้นในพิธีเปิดครั้งที่แล้ว ทำให้จิลลามั่นใจมากๆ ว่านราวิชญ์ชอบจันวิภา ดูแล้วจิลลายังคงมีสายตาว่างเปล่า นราวิชญ์ยกมือตัวเองขึ้น เตรียมพร้อมจะตี นี่เป็นครั้งแรกทีเดียวที่อยากลงมือจัดการกับผู้หญิง จิลลายังคงตะลึง และตกตะลึงมากขึ้น ที่ไม่ได้ใช้คำพูดที่น่าฟังมาหลอกหลวงผู้อื่น จึงได้แต่ยอมเอายาถอนพิษให้แต่โดยดี นราวิชญ์หยิบยาจากจิลลาด้วยท่าทางที่ดุร้าย: “หากยานี้มีปัญหาอะไร เธอต้องรับผิดชอบ” จิลลาตกใจจนหน้าซีดที่ถูกนราวิชญ์กดดันข่มขู่ เธอกำลังจะพูดออกมา แต่ถูกนราวิชญ์ตะโกนก่นใส่: “ตอนนี้ไปให้พ้น อย่ามาทำให้ที่ของผมแปดเปื้อน” จิลลาในสภาพบรรยากาศนี้ ได้แต่รีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว นราวิชญ์นำยาถอนพิษผสมน้ำให้จันวิภาดื่มลงไป นั่นก็เป็นยาถอนพิษแก้พิษได้จริง จันวิภาหลังจากกินยาแล้ว อุณหภูมิร่างกายค่อยๆ ลดลง ไม่หายใจแรงหรือเพ้อออกมา จากนั้นไม่นานก็หลับสนิท แสงจันทร์จากกนอกหน้าต่างค่อยสาดส่องเข้ามา ในที่สุดจันวิภาก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงกรน นราวิชญ์รีบเข้ามาช่วยเธอ: “จันวิภา ดีขึ้นหรือยัง” จันวิภาใช้หัวนิ้วมือนวดหน้าผาก รอการมองเห็นของตนกลับมาชัดเจน หลังจากเห็นนราวิชญ์ก็ตกตะลึงและหดตัว จากนั้นลดศีรษะลง หน้าแดงไปถึงต้นคอ “พี่นราวิชญ์ ฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร…” “ไม่ใช่ความผิดของเธอ จันวิภา” นราวิชญ์ใช้มืออันอบอุ่นลูบหัวจันวิภา: “เธอแค่เผชิญกับแผนการของจิลลา วางใจเถอะ เรื่องนี้ผมไม่จบง่ายๆกับเขาแน่นอน” จันวิภาถึงจะคิดออก ก่อนหน้านี้ เธอก็ปกติ น่าจะเป็นไปได้ที่จิลลาวางยาเธอในงานเลี้ยงอาหารค่ำที่สมาคมนักเรียน ขณะนั้นในใจนึกโมโห หากเพียงแต่… “แต่ว่า ถึงอย่างนั้น ทำเรื่องแบบนี้ ฉันควรจะทำยังไงนะ ฉัน..” ตอนนี้ที่จันวิภากลัวที่สุดคือการที่สุมิตรรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น นราวิชญ์ยิ้มอย่างอบอุ่น พูดว่า: “จันวิภา พี่ชายคนนี้เป็นคนน่ากลัวไหม? ระหว่างเราสองคนไม่มีเกิดอะไรขึ้น เธอวางใจได้เลยนะ” เนื่องจากจันวิภาอยู่ในช่วงที่ยากำลังออกฤทธิ์สูงสุดยังรู้สึกมึนงง สำหรับนราวิชญ์และเขายังมีบางเรื่องที่ไม่ชัดเจนมากนัก อย่างไรก็ตามนราวิชญ์ยังยืนยันว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ช่วงเวลานี้จันวิภารู้สึกสงบดีขึ้นเล็กน้อย เธอมองไปแสงจันทร์ด้านนอกหน้าต่าง พูดต่ออย่างใจจดใจจ่อว่า: “ดึกแล้ว ตอนนี้ฉันควรกลับแล้ว พี่นราวิชญ์ ครั้งหน้าเจอกัน” แต่เดิมนราวิชญ์อยากส่งนวิภากลับ แต่ไม่ต้องการให้คนอื่นเข้าใจผิด กลัวจะเพิ่มปัญหาให้จันวิภา เขาจึงยอมแพ้ไป หลังจากจันวิภากลับถึงบ้าน สายตาแวบแรกที่เห้นคือแววตาที่เบิกบานใจของสาวใช้ หญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามา มองจันวิภาด้วยสายตาที่ว่างเปล่า พร้อมหัวเราะเย้ยหยัน: “เจ้านายสุมิตรรัให้คุณขึ้นไปชั้นบน คุณผู้หญิง ดูแลตัวเองนะคะ” คำพูดของสาวใช้เต็มไปด้วยการยั่วยุและล้อเลียนปนกัน จันวิภาเหลือบมองไปที่แม่บ้านและเดิยเข้าไปบ้านพักทันที ทันทีที่เข้าประตูไปเห็นเวธัสยืนอยู่ห่างๆ และมองด้วยสายตาที่เย็นชา เขารีบกลับไปที่ห้องนอนตัวเอง จันวิภาตกใจมาก รู้สึกกลัวขึ้นมาทันใด แต่เข้าก็ไปที่ห้องของสุมิตร สุมิตรนั่งอยู่ที่หน้าของโต๊ะ หันหลังให้จันวิภา ได้ยินเสียงฝีเท้าของเธอเดินเข้ามาก็ไม่หันมองใดๆ พูดด้วยเสียงเย็นเยือก “ตอนนี้ให้ผมพูด หรือเธอจะพูดเอง?” จันวิภาคิดในใจว่าต้องเป็นเรื่องนั้นแน่ๆ แม้ว่าเธอรู้ว่าตนเองไม่เคยทำเรื่องผิด แต่การเผชิญหน้ากับสุมิตรเป็นเรื่องที่ยากมาก เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง พร้อมถาม “เธอต้องการให้ฉันพูดอะไร?” สุมิตรหัวเราะเสียงเย็นเยียบ และหันหน้าเข้ามา พร้อมยกขาขึ้นมา มองไปที่จันวิภาด้วยสายตาเย็นชา: “วันนี้กลับมาดึกขนาดนี้? ดูท่าจะอยู่ที่สำนักงานของนราวิชญ์นานใช่ไหม?” ใบหน้าของจันวิภาเขียวขึ้นมา ถอนหายใจ: “ฉันเป็นภรรยาคุณ เรื่องนี้คุณไม่ได้รู้เรื่องอะไร อย่ามาใส่ความฉันมั่วๆ” “ใส่ความ หืมม” ดูเหมือนว่า สุมิตรคิดว่าคำนี้ตลก เขาหันมองจันวิภาและยิ้มเย็น: “ดังนั้น ผมจะให้โอกาสเธอครั้งสุดท้ายนะ” จันวิภาถอนหายใจ: “ฉันเข้าใจสิ่งที่คุณสงสัยฉันนะ แต่ฉันถูกใส่ร้าย จิลลาผู้หญิงคนนั้นวางยาฉัน แต่ฉันกับพี่นราวิชญ์ไม่ได้มีอะไรกัน เขาไม่ใช่พวกคนที่ชอบเข้ามาฉวยโอกาส” “พื่นราวิชญ์ เรียกกันเสียสนิทมากสินะ อยู่บนเตียงคงเรียกกันสนิทมากกว่านี้ละมั้ง จันวิภา เธอเห็นฉันโง่หรือไง หรือว่าเธอนั่นแหละที่โง่? หืม? ” จันวิภากระแทกเท้า รีบพูดดต่อ: “ฉันตกเป็นผู้เสียหาย เธอดูถูกฉันมากเลยนะ ฉันไม่มีก็ทางเลือก” สุมิตรก้าวเข้ามา สองมือเขายื่นออก กระชากคอจันวิภา สีหน้าโหดเหี้ยม: “ก่อนที่คุณจะแต่งงานกับผมก็ไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ เป็นผู้หญิงร่าน คุณมีคุณสมบัติอะไรที่จะมายืนยันว่าไม่ใช่คนประเภทนั้นล่ะ?” 
已经是最新一章了
加载中