ตอนที่ 77 การคุกคามของเขา ไม่อนุญาตให้จากไป   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 77 การคุกคามของเขา ไม่อนุญาตให้จากไป
ต๭นที่ 77 การคุกคามของเขา ไม่อนุญาตให้จากไป สุมิตรพูดจบจึงได้ปล่อยจันวิภา แล้วพูดต่อ “ดังนั้น เธอก็ควรที่จะ รู้ตัวอยู่ไว้หน่อย ว่าอย่าทำให้ฉันโกรธ!” จันวิภาไม่สนคำพูดของสุมิตร เธอได้ตัดสินใจลงไปก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นเธอจึงปล่อยสัมภาระลง แล้วเดินไปทางประตู สุมิตรพูดอย่างเยือกเย็น “จันวิภา เธอไม่อยากรู้เรื่องพ่อของเธองั้นหรอ? ถ้าเธอไม่อยากเจอเขาแล้วล่ะก็ เธอก็เดินออกไปซะ ถึงแม้ว่าคุณกลับบ้านไปแล้ว และก็จะไม่มีใครบอกเธอเกี่ยวกับเรื่องของพ่อเธออีก หึ......” ข่มขู่ เป็นการข่มขู่อย่างโจ่งแจ้ง แต่เมื่อได้ยินคำพูดที่พูดถึงพ่อ จันวิภาราวกับจะถูกพลังงานบางชนิดผูกตรึงไว้กับอยู่ที่ เธอคิดขึ้นมาได้ว่าตนเองไม่ได้เห็นพ่อมานานมากแล้ว ในสถานการณ์เหล่านี้ ความรู้สึกที่ขาดหายไปนั้นกลับกลายเป็นความเศร้าและความโกรธที่ยากจะกำจัดลงได้ ร่างกายของจันวิภาสั่นไหว แต่กลับยังคงกัดริมฝีปากจนแน่น ไม่ส่งเสียงออกมา เธอหันตัวกลับมา แล้วมองไปทางสุมิตรด้วยสายตาที่เชือดเฉือน สุมิตรแสร้งแกล้งทำเป็นจัดระเบียบสูทของเขา ใช้นิ้วมือพับชุดสูทให้เรียบร้อย พร้อมกับแบะปากพูด “ฉันรู้เรื่องของพ่อเธอ แต่ถ้าเธอยังทำให้ฉันโกรธฉันก็จะไม่บอกเธอ และถ้าฉันหาเธอไม่เจอ ฉันก็คงจะต้องไประบายความโกรธกับร่างกายของพ่อเธอ......” “จะอยู่หรือจะไป ก็ตามใจ” พูดจบ สุมิตรจึงเดินออกไป จันวิภายืนนิ่งอยู่ที่เดิม รู้สึกหน้ามืดเวียนหัว ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ไปได้? ผ่านไปไม่นาน เสียงของสาวใช้ก็ดังขึ้นมา “คุณหญิง วันนี้มีเอกสารส่งมาจากวิทยาลัยดนตรี โปรดอ่านด้วย!” วิทยาลัยดนตรี? เอกสาร? จันวิภารับเอกสารเอาไว้ ภายในใจมีลางสังหรณ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้ หลังจากเปิดเอกสารนั่นออก ทันใดนั้นจึงได้พบว่าแท้จริงแล้วมันเป็นหนังสือแจ้งพักการเรียนของวิทยาลัยดนตรี! บนเอกสารได้เขียนข้อความไว้มากมาย แต่ประเด็นสำคัญคือจันวิภาถูกวิทยาลัยดนตรีไล่ออกเสียแล้ว ส่วนเหตุผล กลับเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันได้รวมไปถึงการะเลาะวิวาทกับจิลลาด้วย ภายในใจของจันวิภาไม่สู้ดีนัก คิดไม่ถึงเลยว่าพอนราวิชญ์จากไป ตำแหน่งของประธานวิทยาลัยดนตรีก็เปลี่ยนแปลงโดยอัตโนมัติ และตนเองก็ได้ถูกโจมตีจากทุกสารทิศอีกครั้งอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าเป็นใครทำกันล่ะ? จันวิภาไม่เข้าใจ เป็นสุมิตรงั้นหรือ? เขาไม่เพียงแต่ดูถูกคนในบ้านของตนเองเท่านั้น ทั้งยังทำให้ตนเองไม่มีที่ยืนข้างนอกอีก? จันวิภารู้สึกท้อแท้มากขึ้นเรื่อยๆ แต่เธอก็ไม่ยอมก้มหัวให้สุมิตร เธอหัวเราะเยาะแล้วพูดกับตนเอง “ยิ่งพวกนายอยากเห็นฉันกระอักกระอ่วนมากเท่าไหร่ ฉันก็จะยิ่งไม่ให้พวกนายได้เห็น” อาหารเช้านี้ทำให้จันวิภาอึดอัดใจอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เธอก็ยังไปแล้ว ในช่วงเวลาอาหารเช้าทั้งหมด สุมิตรและนวาระพูดคุยและหัวเราะกันกระหนุงกระหนิง แม้แต่สาวใช้ก็ดูเหมือนจะติดเชื้อจากบรรยากาศแห่งความสุข บนใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม และจันวิภาก็กินอาหารเช้าอยู่เงียบๆคนเดียว เหมือนกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ภายในใจของจันวิภา ได้แบกรับความอัปยศเอาไว้ มันไม่ใช่การหึงหวง หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ก่อนที่สุมิตรจะออกไปก็ไม่ลืมที่จะกำชับแม่บ้านว่าให้ดูแลนวาระให้ดีๆ ไม่ว่าเธอจะขออะไรก็ต้องทำให้เธอพอใจ ในเวลานี้นวาระกลับหัวเราะแล้วพูดกับจันวิภา “จันวิภา วันนี้ไม่ไปเรียนที่วิทยาลัยดนตรีงั้นหรอ?” จันวิภาคิดว่าเธอเป็นห่วงตนเอง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหลังจากเงยหน้าขึ้น เธอจะได้พบกับใบหน้าของนวาระที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและเหยียดหยาม นี่เป็นการกระตุ้นและเยาะเย้ยเธออย่างเห็นได้ชัด จันวิภาขมวดคิ้ว คิดที่จะเดินอ้อมข้างๆเธอไป แต่เรือนร่างที่อรชอนอ้อนแอ้นได้ขวางทางเดินของจันวิภาอีกครั้ง “โฮ่ คุณหญิง ทำไมถึงไร้มารยาทขนาดนี้กันนะ คนอื่นพูดด้วยแต่ไม่ตอบ ไม่แปลกใจเลยที่สุมิตรดูถูกคุณเช่นนี้ แม้แต่วิทยาลัยดนตรีก็ไล่คุณออก” ท่าทางของนวาระมีความไม่เต็มใจ จันวิภารู้สึกคลื่นไส้อยู่ในใจ แต่ก่อนคิดว่าผู้หญิงคนนี้ก็คงเหมือนกับกระต่ายตัวน้อยที่น่าสงสาร แต่พอสุมิตรเดินจากไปกลับเผยหางออกมาให้เห็น คิดไม่ถึงเลยว่าความคิดจะเหมือนกับจลลาและกนกอร จันวิภาถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ไม่ต้องการทะเลาะกับผู้หญิงคนนี้ จึงยิ้มเยาะเย้ยแล้วพูด “ฉันจะเป็นคนแบบไหนก็ไม่ต้องให้เธอมาติเตียนหรอกนะ อย่าลืมเสียละตอนนี้เธอก็เป็นเพียงแค่เมียน้อย ทำไมถึงไม่รู้ตัวเองเอาซะเลย” นวาระไม่สนใจคำพูดของจันวิภาที่บอกว่าเธอเป็นเมียน้อย จึงพูดตอบกลับไป “ฉันคิดว่าคนที่ไม่รู้ตัวน่าจะเป็นเธอมากกว่า คิดไม่ถึงว่าจะพูดคำพูดน่าเกลียดเช่นนี้ออกมาได้กับคนที่ช่วยชีวิตตัวเองเอาไว้” นวาระพูดว่าคนที่ช่วยชีวิต คงจะหมายถึงเรื่องเมื่อวานที่พาจันวิภาไปส่งที่โรงพยาบาล จันวิภาตกตะลึงอยู่เล็กน้อย คิดถึงการปรากฏตัวของนวาระจนถึงตอนนี้ ทั้งหมดมันช่างเป็นละครที่น่าทึ่งหาใดเปรียบ ราวกับเป็นฉากละครที่ถูกวางไว้แล้วอย่างไรอย่างนั้น จันวิภามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าตนเองได้ถูกผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้วางแผนการไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อก่อนเกือบจะถลันล้มเข้าไปตรงรถของเธอ แม้ว่าจะไม่หกล้ม แต่ก็ได้รับบาดเจ็บ สิ่งนี้ก็คงจะเปิดโอกาสให้นวาระปรากฏตัวขึ้นมาสินะ เมื่อคิดถึงตรงนี้ จันวิภาก็รู้สึกโกรธขึ้นมา เธอกัดฟัน จ้องมองใบหน้าของนวาระด้วยความโกรธ “เธอวางแผนทำร้ายฉัน!” ใครจะรู้ว่านวาระจะไม่ปฏิเสธ แต่กลับหัวเราะออกมาอย่างภาคภูมิใจ เธอพูดขึ้น “เธอไม่ปกป้องสามีเธอให้ดี นี่ก็โทษฉันไม่ได้นะ” จันวิภาหัวเราะเยาะขึ้นมา “เธอต้องมีความสามารถ ถึงเธอแย่งไปได้ฉันก็ไม่สนใจหรอก” จันวิภาพูดความจริง เธอไม่สนใจจริงๆแม้ว่าเธอจะรู้สึกอับอาย แต่นั่นก็เพราะเธอเป็นภรรยาของสุมิตรแค่ในนามเท่านั้น เธอจึงไม่มีความรู้สึกรักใคร่ต่อสุมิตร นวาระดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา เธอกวาดสายตามองจันวิภาตั้งแต่หัวจรดท้าย แล้วพูดออกมาอย่างแปลกประหลาด “จันวิภา ฉันไม่รู้ว่าทำไมสุมิตรถึงยังไม่จบกับเธอ แต่เธอวางใจเถอะ อีกไม่นานฉันจะทำให้สุมิตรอย่ากับเธอ” เมื่อจันวิภาได้ยินคำว่าหย่าร้าง ก็รู้สึกว่าถ้าอย่าร้างกันได้ก็คงจะดีจริงๆ แต่ทว่าสุมิตรกลับไม่ยอมปล่อยเธอไป และหลังจากการพูดคุยกับสุมิตร ภายในใจของจันวิภาก็ได้พะว้าพะวงเกี่ยวกับเรื่องพ่อของเธอ อารมณ์เธอจึงไม่ค่อยดีนัก “ไม่ว่าจะเป็นอย่างไง ผู้หญิงอย่างเธอก็เป็นเพียงแค่เมียน้อยเท่านั้นแหละ สุมิตรไม่อยากที่จะเห็นหน้าฉันอีก และฉันก็เป็นภรรยากับเขาแค่เพียงในนาม แม้ว่าเขาจะรักเธอ แต่เธอก็เป็นได้เพียงแค่ผู้หญิงที่ไม่มีสถานะเท่านั้นแหละ นวาระ เธอไม่สามารถที่จะยืนกับสุมิตรในต่อหน้าคนข้างนอกได้หรอก แต่ฉันทำได้ เธอรอไปชีวิตชาติเถอะ! เธอจะไม่มีโอกาสนั้น!” คำพูดเหล่านี้เดิมทีแล้วจันวิภาก็ไม่ได้คิดที่จะพูดออกมา แต่เมื่อเห็นถึงความหยิ่งจองหองของนวาระในใจจึงไม่สบอารมณ์ เอ่ยปากพูดสวนกลับไป แท้ที่จริงแล้วเธอไม่ได้สนใจว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับสุมิตรเลยด้วยซ้ำ หลังจากที่จันวิภาทิ้งประโยคนั้นออกไป เธอก็ได้ผลักนวาระออกแล้วขึ้นไปชั้นบน นวาระจ้องมองแผ่นหลังของจันวิภา นัยน์ตาทั้งสองเปล่งประกายแสงแห่งความเยือกเย็นออกมา ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่เหมือนกับครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ 
已经是最新一章了
加载中