ตอนที่ 79 เบื้องหลังของมือมืด   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 79 เบื้องหลังของมือมืด
ต๭นที่ 79 เบื้องหลังของมือมืด นวาระตกใจอยู่เล็กน้อย และเพราะใจฝ่อ เธอคิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกพวกเขาสังเกตได้ละเอียดยิบขนาดนี้ และก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นอีกว่าจันวิภากำลังสะกดรอยตามเธออยู่ นวาระหันหน้ามา แล้วพูดอย่างเหยียดหยาม “ไม่มีหลักฐาน และถ้าเธอเคยได้ยินเรื่องที่ฉันพัวพันกับสุมิตร เกรงว่าก็น่าจะรู้ดี ว่าที่สุมิตรเชื่อน่ะ มันฉัน ไม่ใช่แก จันวิภา” จันวิภาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างสุมิตรกับนวาระ และเธอก็ไม่อยากที่จะรู้ด้วย จึงพูดออกไป “คุณนวาระ ถ้าคุณมั่นใจว่าจะแย่งสุมิตรไปได้จริงๆล่ะก็ คุณก็ลองดูสิ เขาก็แค่เล่นกับคุณเท่านั้นแหละ แต่คุณสิกลับจริงจัง” นวาระต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับถูกพัชรีแย่งพูดไป “ความขัดแย้งของสามีภรรยา เธอก็เป็นได้เพียงแค่ตัวประกอบเท่านั้นแหละ เธอคิดว่าตนเองยังจะมีหวังอยู่อีกงั้นหรอ? น่าหัวเราะ ไอคิวของเมียน้อยนี่ช่างต่ำตมจริงๆ เธอไม่รู้หรอว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของเมียน้อยก็คือความรู้จักตนเอง?” ขณะที่พัชรีพูดอยู่นั้น เธอจงใจพูดคำว่าเมียน้อยออกมาอย่างเสียงดังฟังชัด ณ เวลานี้ทุกคนที่อยู่ในร้านกาแฟต่างหัวเราะเยาะแล้วจ้องมองนวาระ ไม่ว่าจะเป็นนัยน์ตาหรือริมฝีปาก ต่างก็แฝงไว้ด้วยการถากถางที่หนักแน่น พัชรีไม่อาจสู้กับทั้งสองปากของจันวิภากับพัชรีได้ แม้ใบหน้าของเธอจะหนาแต่ก็ทนไม่ได้ที่คนมากมายขนาดนี้มาหัวเราะเยาะเธอ ดังนั้นใบหูจึงแดงก่ำ หันหน้ากลับแล้วเดินออกจากร้านกาแฟไปอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว นวาระโกรธชนิดที่ว่าไม่มีอะไรเทียบได้ กระซิบด่าจันวิภา เงยหน้าขึ้นมองแล้วเห็นเงาคนไม่กี่คนอยู่ทางถนนฝั่งตรงข้าม ทันใดนั้นจึงยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายและเยือกเย็น “แกรอฉันก่อนเถอะ ไอ้สารเลวทั้งสองคน!” นวาระเหลือบสายตามองไปทางร้านกาแฟ จากนั้นจึงเดินไปทางถนนฝั่งตรงข้าม …… ภายในร้านกาแฟ “จันวิภา เมื่อก่อนเธอไม่ได้เป็นคนใจกว้างขนาดนี้นี่นา!” พัชรียังคงรู้สึกว่าสุมิตรดูจะไม่ค่อยยุติธรรมกับจันวิภาเสียเท่าไหร่ กระทั่งไม่สามารถใช้คำว่าเกินไปมาอธิบายได้ จันวิภามีความยากลำบากของตนเอง และไม่สะดวกที่จะบอกกับพัชรี เธอพูดออกไปอย่างสงบนิ่ง “ช่างมันเถอะ มีเรื่องมากมายที่บอกเธอไม่ได้ ฉันจะแก้ไขมันด้วยตัวเอง คุณใจเธอมากนะที่มาเป็นเพื่อนฉันในวันนี้” พัชรีไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร จึงทำได้เพียงแต่ถอนหายใจ ทั้งสองคนลุกเดินออกไปด้านนอกร้านกาแฟ พึ่งออกมาจากประตู ทั้งสองคนก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดูรีบร้อน จากนั้นกลุ่มคนชุดดำก็ได้วิ่งถลันมาทางจันวิภากับพัชรีราวกับสายลมอย่างไรอย่างนั้น ทั้งสองตกใจ รู้สึกเจ็บที่ข้อมือ ตอนที่มีท่าทีตอบสนองขึ้นมาอีกครั้ง ก็ได้พบว่าพวกนักเลงกลุ่มนั้นกระฉากกระเป๋าพวกเธอไปแล้ว คนทั้งสองมองหน้ากัน จากนั้นจึงรีบวิ่งไปทางพวกอันธพาลกลุ่มคนพร้อมกัน พวกลุ่มอันธพาลดูเหมือนจะคุ้นเคยกับสภาพภูมิประเทศแถบนั้นเป็นอย่างดี เลี้ยวขวาและเลี้ยวซ้ายในซอย แต่ทว่าพัชรีและจันวิภาก็ไม่ได้อ่อนแอ ในที่สุดก็ไล่ตามพวกเขาทัน เพียงไม่นาน อันธพาลพวกนั้นก็เข้าไปในซอยตัน และไม่สามารถหนีออกมาได้อีก “ไอ้เลว เอากระเป๋าคืนมานะ” พัชรีตระโกนติเตียนกลุ่มอันธพาลที่ไร้ทางหนีกลุ่มนั้น แต่ทว่าต่อมานั้น ทั้งพัชรีและจันวิภาก็ได้พบว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ เพราะหลังจากที่อันธพาลกลุ่มนั้นหันตัวไปรอบๆ ใบหน้าก็ฝงไว้ด้วยรอยยิ้มที่มีเลศนัย เมื่อพัชรีเห็นว่าท่าทางไม่ดีแล้ว จึงดึงจันวิภาเพื่อต้องการที่จะถอยออกไป แต่ทว่าทางด้านหลังมีเสียงฝีเท้าที่ดูยุ่งเหยิงดังขึ้นมาเหมือนกับที่พัชรีคิดเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น ในทำนองเดียวกันพวกอันธพาลทั้งหลายก็ได้ปิดกันทางหนีเอาไว้ ตอนนี้พัชรีรู้สึกเสียใจ พวกเธอเป็นเพียงแค่ผู้หญิงสองคนจะไปต่อกรพวกชายฉกรรจ์พวกนี้ได้อย่างไร พวกเขาแค่ต้องการล่อทั้งสองคนมาในซอยที่ห่างไกลนี้ “กลางวันแสกๆ พวกนายคิดจะทำอะไร” พัชรีไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย กวาดสายตามองอันธพาลที่เดินวนอยู่รอบๆ สายตาที่เยือกเย็นและบรรยากาศที่แข็งแกร่งคาดไม่ถึงเลยว่าจะทำให้เจ้าพวกนั้นหยุดนิ่งลงเล็กน้อย จันวิภาก็ไม่ได้ตกใจกับการแสดงออกของพัชรี เพราะพัชรีอาจจะดูเหมือนกับว่าอ่อนแอ แต่ตอนที่เธออยู่ในโรงเรียนนั้นกลับเป็นเจ๊ใหญ่ของแก๊งค์รถซิ่ง ไม่เพียงแต่มีทักษะการขับรถเท่านั้น แม้แต่การต่อสู้กับผู้ชายก็ไม่แน่ว่าจะล้มลงได้ กลุ่มลูกน้องก็ปฏิบัติต่อเธออย่างจริงจัง แต่ทว่าจันวิภายังคงกังวลใจ ในการเผชิญหน้ากับผู้คนมากมายขนาดนี้แม้ว่าพัชรีจะเก่งกาจแต่มันก็ไม่มีโอกาสจะชนะได้ ตอนที่กำลังกระวนกระวาย จันวิภาเห็นพัชรีที่อยู่ด้านหลังล้วงโทรศัพท์ออกมา เธอคิดว่าทางด้านหลังเองก็คงจะมีพวกอันธพาลอยู่อีก ดังนั้นก็เลยเอาตัวแนบชิดติดกับหลังของพัชรี โทรศัพท์ถูกโทรออกไป พัชรีแสร้งทำท่าทางเป็นคุยกับหัวโจกของพวกอันธพาล เธอพูดออกมาเสียงดัง “พวกนายล่อให้พวกเราเข้ามาติดในซอยนี้ คิดจะทำอะไรกันแน่?” หัวโจกคนนั้นหลี่ตามองคนทั้งสอง แล้วพูด “เล่นเกมไง เล่นเกมของผู้หญิงกับผู้ชาย” ณ เวลานี้พัชรีได้พูดไปอีกครั้งว่า “ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากร้านกาแฟมูนี่ เรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ตรงประตูจะต้องมีคนเห็นแน่นอน พวกนายไม่กลัวว่าจะถูกจับเลยหรอ?” จันวิภาเข้าใจเจตนาของพัชรีได้ทันที เธอต้องการใช้สิ่งนี้เพื่อรายงานที่อยู่ของเธอ จันวิภาสังเกตได้ว่าพวกอันธพาลยังไม่รู้ตัว จึงคิดว่าแค่ถ่วงเวลาเอาไว้ได้ก็พอ แต่ทว่าในตอนนี้อันธพาลกลุ่มนั้นกลับพาพวกมาล้อมรอบเอาไว้ พัชรีจึงรีบพูดขึ้นมาทันที “รอเดี๋ยว!ถ้าพวกนายจะใช้กำลังให้พวกเราสมัครใจทำเองดีกว่า” พัชรียิ้มออกมา บนใบหน้ายังคงมีท่าทางของเด็กผู้หญิงอยู่เล็กน้อย ไม่คาดคิดเลยว่าอันธพาลกลุ่มนั้นจะปล่อยพัชรีไปเช่นนี้ มองดูรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ยั่วยวนของเธอ ในใจยิ่งร้อนลุ่มมากขึ้นไปอีก เขายิ้มออกมาอย่างข่มมัวแล้วพูดขึ้น “สมัครใจก็ดีสิ ถ้าปรนนิบัติพวกเราให้สบายล่ะก็ พวกเราก็จะให้กระเป๋าของพวกเธอคืนคืน” พัชรียิ้มอย่างเยาะเย้ย “แต่ว่า เงื่อนไขแรกก็คือต้องมีคนมาสู้กับฉันคนเดียวหนึ่งต่อหนึ่ง หากชนะฉันได้ พวกนายอยากจะให้ทำอะไร ฉันก็จะทำให้” พัชรียืนขวางจันวิภาอยู่ข้างหน้า แล้วพูดกับหัวโจก” เมื่อคำพูดเช่นนี้ถูกพูดออกมา ทุกคนต่างก็มองหน้ากัน หัวโจกคนนั้นกัดฟันแล้วพูดขึ้น “สุภาพสตรีสองคนนี้ กล้าหาญจริงๆ วันนี้ฉันจะให้พวกเธอได้รู้ว่าความเหมาะสม” หลังจากพูดจบ หัวโจกก็ให้ทุกคนแยกกระจายกันไป นิ้วมือกระดิกไปทางพัชรี พัชรีก้าวมาข้างหน้าสองก้าว เท้าข้างหนึ่งได้พุ่งเข้าไปหาหัวโจกนั่นทันที แต่มันกลับถูกหัวโจกคนนั้นใช้มือปัดป้องเอาไว้ได้ “นางเด็กนี้ ยังมีลูกเล่นอะไรอยู่อีกมั้ย วันนี้พีชายจะทำให้เธอได้ประสบการณ์ที่เอ่อล้นเอง” เห็นได้ชัดว่าหัวโจกถูกพัชรีเตะเสียจนมือเจ็บ ภายในใจจึงเกิดความไม่พอใจ จากนั้นหัวโจกจึงโจมตีกลับมาอีกครั้ง หนึ่งมัดพุ่งตรงไปหาพัชรี มันมาพร้อมกับเสียงลมที่ดังขึ้น “ฟิ้วๆ” จันวิภาที่อยู่ข้างๆมองดูอย่างตกใจ กลัวว่าพัชรีจะพราดพลั้งเสียท่า เมื่อตอนที่พัชรีต้านทานแรงไว้ไม่ไหว จันวิภาก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถมอเตอร์ไซด์ที่สั่นทะเทือนแก้วหูกำลังวิ่งไล่หลังมา พวกอันธพาลต่างพากันตกใจ ยังไม่มีท่าทีตอบสมอง เสียงของเครื่องยนต์ก็ได้ดับลง ที่ปากซอยคนกลุ่มใหญ่ที่แต่งตัวด้วยชุดแข่งรถรีบวิ่งพุ่งเข้ามาทันที ชายที่สวมหมวกกันน็อคนั้นมีจำนวนมากกว่าพวกอันธพาลสิบกว่าคนนี้อยู่สองเท่า หัวโจกรู้สึกได้ถึงสถานการณ์ที่ผิดปกติ จึงไม่ได้ลงมืออีก และถอยออกไปอยู่ข้างๆ เพราะเขาเห็นแก็งค์รถซิ่งก้มหัวทำความเคารพแก่พัชรี ในปากตระโกนออกมาด้วยความเคารพ “เจ๊ใหญ่!พวกเรามาสายไป” พัชรีพยักหน้า จากนั้นจึงมองหัวโจกคนนั้น หัวเราะแล้วพูดขึ้น “ตอนนี้พวกนายก็เล่นสนุกได้แล้ว”
已经是最新一章了
加载中