ตอนที่ 84 ผมปฏิบัติต่อนายอย่างไร ล้วนแต่มีผลกระทบทั้งสิ้น   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 84 ผมปฏิบัติต่อนายอย่างไร ล้วนแต่มีผลกระทบทั้งสิ้น
ต๭นที่ 84 ผมปฏิบัติต่อนายอย่างไร ล้วนแต่มีผลกระทบทั้งสิ้น สุมิตรมองจันวิภาอย่างรังเกลียด แต่ทว่าภายในใจกลับรู้สึกแปลกประหลาด ความคิดที่อยู่ในใจเขา จันวิภาเป็นเพียงแค่ผู้หญิงแพศยาที่มั่วไปเรื่อยก็แค่นั้นเอง โดยทั่วไปแล้วจะเสแสร้งทำเป็นมีคุณธรรมสูงส่ง แต่คาดไม่ถึงเลยว่าจะคุกเข้าขอร้องเพื่อเพื่อนของตนเอง สิ่งนี้ทำให้สุมิตรตกใจเป็นอย่างยิ่ง ใจเขาอ่อนลงเสียแล้ว แต่ทว่านวาระยังคงร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของเขา เขาวางนวาระลง แล้วให้ตนอื่นพาเธอไปที่รถก่อน ก่อนที่จะเดินไป สุมิตรยังรักษาสัญญาว่า “ผมไม่ปล่อยเขาไปแน่ เธอรีบไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลก่อนเถอะ” นวาระไม่กล้าที่จะต่อต้านสุมิตร ดังนั้นจึงทำได้เพียงแค่ตกลง เดิมทีจันวิภาคิดว่าตนเองกับพัชรีจะต้องถูกทรมานเป็นแน่ แต่ทว่าสุมิตรกลับยืนอยู่ที่ตรงนั้น สูบบุหรี่อย่างเงียบ ๆ จากนั้นจึงนำกลุ่มคนชุดดำล่าถอยกลับไป หลังจากที่ผู้คนทั้งหมดต่างออกไปจนหมดสิ้น จันวิภาจึงกล้าที่จะเชื่อว่า สุมิตรได้ปล่อยเธอไปแล้วจริงๆ ณ เวลานี้ได้มีคนจากแก๊งค์รถซิ่งกรูกันเข้ามาจากทางประตูด้านนอก หลังจากโทรเบอร์หนึ่งสองศูนย์ซึ่งเป็นเบอร์ฉุกเฉินของโรงพยาบาลแล้ว จึงรีบหามเอาพัชรีที่กำลังหายใจอย่างโรยรินส่งไปที่โรงพยาบาล หลังจากที่ส่งพัชรีถึงห้องหมอ จันวิภาที่อยู่บนเตียงผู้ป่วยอีกเตียงหนึ่งมองดูนวาระที่กำลังหมดสติอยู่ โลกช่างแคบเสียจริง!จันวิภากัดฟันแล้วคิด แต่ตอนที่เธอกำลังจะเดินไปดูอาการของพัชรีอยู่นั้น จู่ๆก็ได้มีกลุ่มคนชุดดำบุกเข้ามา แล้วลากจันวิภาออกไปโดยไม่มีคำอธิบายใด ๆ จันวิภารู้ว่าคนพวกนี้เป็นคนของสุมิตร เธอไม่รู้ว่าสุมิตรจะมีลูกไม้อะไรอีก แต่ทว่าก็ไร้หนทางที่จะต่อกรได้ จันวิภาถูกชายชุดดำส่งตัวกลับไปที่บ้าน ภายในห้องรับแขกขนาดใหญ่ โคมระย้าที่ใหญ่ยักษ์แต่กลับให้แสงสว่างเพียงสลัวๆ สุมิตรกำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา คีบบุหรี่เอาไว้อยู่ในมือ สายตาของสุมิตรจ้องมองไปยังควันบุหรี่ที่ค่อยๆสลัวๆ ราวกับรอให้มันสูญสลายหายไป จากนั้นจึงสูบมันเข้าเฮือกหนึ่งไปแล้วพ่นออกมา ชายชุดดำล่าถอยไป เหล่าบรรดาสาวใช้ก็แอบล่าถอยออกไปเงียบๆ สุมิตรโยนก้นบุหรี่ทิ้งในที่เขี่ยบุหรี่ แต่ทว่ากลับยังคงมีควันคลุ้งออกมาอยู่ “นายคิดจะทำอะไรอีก?” จันวิภาจ้องมองสุมิตรอย่างเงียบสงบ แล้วประชันหน้ากับชายผู้ไร้ซึ่งยางอายและแข็งแกร่งคนนี้ แม้แต่ความโกรธเธอก็ไม่สามารถที่จะโกรธได้ สุมิตรเดินมาที่ด้านหน้าของจันวิภา จากนั้นจึงลากเธอมาที่โซฟา จันวิภาต้องการที่จะขัดขืน แต่กลับถูกสุมิตรบีบคางไว้จนแน่น “นับว่าเธอมีอุบายที่ดี!” จันวิภารู้สึกแต่เพียงว่าเขาถูกบีบเสียจนปวด อีกนิดก็เจ็บจนตายแล้ว เธอตะคอกออกมา “เจ็บ......” “เธอรู้จักเจ็บ!” สุมิตรพูดเยาะเย้ยออกมา “เธอเป็นคนของผม ไม่ว่าผมจะทำอย่างไงกับเธอ แม้ว่ามันจะเจ็บ เธอก็ต้องรับมันเอาไว้” แท้จริงแล้วเธอยังทนทุกข์ไม่พออีกหรอ...... จันวิภาหัวเราะเยาะออกมาอย่างไม่พอใจ เธอเบื่อสำเนียงเหล่านั้นของสุมิตรเข้าเสียแล้ว และไม่อยากที่จะดิ้นรนอีก จึงปล่อยให้เขาจัดการได้ตามสบาย แต่สุมิตรกลับไม่พอใจ “เธอควรที่จ้เชื่อฟังสักหน่อยนะ รู้มั้ยว่าเพราะอะไร? เรื่องของพ่อเธอ ถ้าเธอยังอยากรู้อยู่ ผมจะบอกเธอวันนี้” สายตาของจันวิภาส่งประกายแสงแห่งความหวังขึ้นมา ราวกับว่าถูกสุมิตรจับจุดอ่อนเข้าไว้อย่างจัง แล้วมองเขาอย่างงุนงง มุมปากของสุมิตรแสยะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายและกระหายเลือก เขาพูดออกไปอย่างช้าๆ “ตอนนี้พ่อของเธออยู่ในโรงพยาบาลส่วนตัว เว้นแต่มะลิวัลย์กับผม ดูเหมือนแทบจะไม่มีใครเข้าถึงเขาได้เลย” พูดจบแล้ว ก็ยังพูดเสริมขึ้นอีกว่า “อาการป่วยของพ่อเธอนั้นสาหัส มันหนักหนากว่าที่เธอคิดมากนัก ในประเทศนอกจากโรงพยาบาลของผมแล้ว ก็ไม่มีโรงพยาบาลไหนที่จะสามารถให้เขามีชีวิตอยู่ได้ พูดอย่างนี้แล้วเธอเข้าใจไหม?” จันวิภาอึ่งทึ่งไป “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้? ฉันจะไปเจอเขาได้ไหม?” “ไม่ได้!” “ทำไมล่ะ?” จันวิภาเอ่ยถาม สุมิตรยักไหล่แล้วพูด “มันง่ายมาก เพราะมะลิวัลย์รู้จักประนีประนอมกับผม และเธอ ก็ไม่ปรนนิบัติผมให้ดีๆ แล้วทำไมผมถึงต้องให้เธอไปเจอพ่อของเธอด้วยล่ะ? จะบอกว่าพ่อของเธอรักเธอมาก พร่ำเพ้อถึงชื่อเธอกับแม่ของเธอทั้งวัน” ภายในใจของสุมิตรยังคงเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชังของรุ่นก่อน สิ่งนี้ทำให้จนวิภารู้สึกรังเกลียดเป็นอย่างมาก เธอไม่เข้าใจว่าคนที่สุขุมเยือกเย็นและฉลาดเช่นนี้ทำไมจึงต้องเอาความเกียดชังของคนรุ่นก่อนมายัดใส่ในร่างกายของตนเอง มันทั้งน่าหัวเราะ และน่าเวทนา ในสายตาของจันวิภาไม่มีระลอกคลื่นอะไรอยู่เลยแม้แต่น้อย เธอรู้ดีว่าตอนนี้เธอไม่มีทางเลือก “นายอยากให้ฉันทำอะไร?” สายตาของจันวิภามองไปที่หัวเข่าของตนเอง เธอไม่ต้องการที่จะเห็นตัวเองที่อ่อนน้อมถ่อมตนอยู่ในสายตาของสุมิตร “มันง่ายนิดเดียว ปรนนิบัติผมสิ!” “……” จันวิภาพูดไม่ออกเสียแล้ว เธอแสยะปากออกมาอย่างไม่พอใจ รู้สึกแต่เพียงความเศร้าโศก เห็นได้ชัดว่าชายที่อยู่ต่อหน้าคนนี้ในใจมีแต่นวาระ แต่เมื่อนวาระได้รับบาดเจ็บกลับมาอยู่ต่อหน้าเธอ ทั้งยังให้เธอปรนนิบัติให้เขาอีก ! มันไม่น่าอายไปหน่อยหรือ?! หัวเราะเยาะออกมา จันวิภาหลับตาลง แล้วพูดอย่างหม่นหมอง “ได้!” สุมิตรคาดไม่ถึงเลยว่าเธอจะยินยอม จึงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นจึงกัดฟัน แล้วพูดออกมาด้วยความโกรธ “จันวิภา เธอก็ยังคงเป็นนางแพศยาอยู่วันยังค่ำ ผมไม่อยากที่จะสัมผัสเธอหรอก!” พูดจบ สุมิตรจึงได้สะบัดเธอออกไป ลุกขึ้นยืน จัดการเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วออกจากคฤหาสน์ไป หลังจากสุมิตรเดินออกไป จันวิภาจึงจะลืมตาขึ้นมา แล้วหัวเราะเยาะออกมาอย่างไม่พอใจ ความปวดร้าวที่อยู่บนเรือนร่าง มันไม่เท่ากับความเจ็บปวดที่อยู่ภายในใจ แต่ทว่าเธอไม่สนใจมันเลยแม้แต่น้อย ห้องรับแขกขนาดใหญ่ได้ตกลงสู่ความเงียบสงัด แม้แต่สาวใช้ที่ปกติจะเยาะเย้ยถากถางจันวิภาในตอนนี้สายตากลับเต็มไปด้วยความเวทนาสงสาร จันวิภาล้มตัวลงพิงโซฟา อยู่นาน ความยุ่งเหยิงอลหม่านที่อยู่ในสายตาในที่สุดก็สลายหายไป และในที่สุดก็เปลี่ยนเป็นความนิ่งสงบหาใดเปรียบ แต่ภายใต้ความนิ่งสงบนี้มันกลับยิ่งเพิ่มความมืดสลัวมากขึ้นไปอีก เธอลุกขึ้นยืน เงียบสงบเสมือนห้องรับแขกเป็นสุสานอย่างไรอย่างนั้น ในที่สุดก็มีเสียงดังออกมา เธอถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง จับเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งเอาไว้ แล้วเดินผ่านเหล่าสาวใช้ที่มีสีหน้าแฝงไว้ความความเวทนาสงสารไป เธอไม่ต้องการความเมตตาใด ๆ สิ่งนั้นมันคือสิ่งที่ไร้ค่าที่สุดในโลก เมื่อกลับมาถึงห้อง จันวิภาอาบน้ำอย่างเงียบๆ ชำระล้างตัวเองจนสะอาดหมดจด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่เธอจะต้องอ่อนแอ และในตอนนี้พัชรีก็ยังคงอยู่ในอาการโคม่า ณ เวลานี้สุมิตรได้ไปที่โรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมดูอาการของนวาระแต่ทว่าพัชรีกลับอยู่ในห้องเดียวกับนวาระจันวิภากังวลใจเป็นอย่างมากว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาอีก 
已经是最新一章了
加载中