ตอนที่ 27 ถูกอ๋องหมิงปล้นจุมพิต   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 27 ถูกอ๋องหมิงปล้นจุมพิต
ต๭นที่ 27 ถูกอ๋องหมิงปล้นจุมพิต เท้าเบื้องล่างรับมือกับกระบวนท่าของวิทยายุทธ์ที่โจมตีเข้ามา แต่ยิ่งรับมือนานก็ยิ่งเปลืองพลังของนาง นางรู้ดีว่าเดิมทีแล้วนางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของบุรุษผู้นี้ ทุกฝ่ามือที่เขาส่งออกมาแต่ละครั้ง ล้วนเต็มไปด้วยพลังอันแข็งแกร่ง ถ้าหากโดนเขาซัดเข้าบนตัวละก็ ไม่ตายก็คงต้องไม่สมประกอบแน่ “ท่านอ๋อง มีอะไรก็พูดจากันดีๆกว่าเพคะ ท่านลงมือกับสตรีแบบนี้ ยังเรียกว่าสุภาพบุรุษได้อีกหรือเพคะ” หลินหมื้นชิงก้าวถอยหลังไปไม่หยุด เพื่อหลบหลีกการโจมตีของเซียวชี่จือ ซึ่งขณะที่นางพูดนั้น น้ำเสียงแสดงออกถึงความหวาดหวั่นอย่างชัดเจน ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกละก็ เดาได้เลยว่าชีวิตน้อยๆของนางได้จบสิ้นลงเป็นแน่ “ฮึ!  ข้าไม่สนใจเรื่องพรรค์นี้อยู่แล้ว วันนี้ข้าต้องสังหารเจ้า ทำให้เจ้ารู้ว่าจุดจบของการล่วงเกินข้าคืออะไร” เซียวชี่จือฮึ่มฮัมออกมาอย่างเย็นชา ซึ่งคำพูดของหลินหมื้นชิงไม่มีผลอะไรต่อเขาทั้งนั้น แต่กลับทำให้กระบวนท่าของเขายิ่งดุดันมากขึ้น หลินหมื้นชิงเดิมทีก็ไร้หนทางรับมือกระบวนท่านั้นอยู่แล้ว เพียงเสี้ยววินาทีต่อมาจึงถูกเขาซัดฝ่ามือเข้าที่บนไหล่ เสียงกร๊อกดังขึ้น หลินหมื้นชิงได้ยินเสียงของกระดูกข้อต่อเคลื่อนที่อย่างชัดเจน นางคุกเข่าลงข้างหนึ่งบนพื้น เพราะบนไหล่ได้เจ็บปวดอย่างรุนแรงขึ้น บนหน้าผากเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ไหลซึมออกมา ความเจ็บปวดเหมือนโดนแทงเข้าที่หัวใจนั้น ทำให้นางกลั้นเอาไว้แทบไม่ไหว จนอยากที่จะร้องไห้ออกมา แต่ตอนนี้อยู่ต่อหน้าของเซียวชี่จือ แม้จะเจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง นางก็ต้องอดกลั้นเอาไว้ให้ได้ นางไม่อยากให้ตนเองเป็นคนไร้ศักดิ์ศรี เมื่ออยู่ต่อหน้าบุรุษผู้นี้ เซียวชี่จือเก็บมือกลับไปไขว้ไว้ด้านหลัง หมุนตัวเดินเข้ามาตามหลินหมื้นชิงไป เขามองนางอย่างเป็นต่อ เห็นชัดว่านางทรมานอย่างมาก กลับยังอดกลั้นเอาไว้ ไม่ยอมส่งเสียงออกมา ไม่มีท่าทีว่าจะร้องขอชีวิต หัวคิ้วจึงขมวดขึ้นเล็กน้อย “เซียวชี่จือ ถ้าท่านมีความสามารถพอก็สังหารหม่อมฉันซะ” หลินหมื้นชิงเงยหน้าขึ้น พร้อมกับมองไปยังเซียวชี่จือด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง นางไม่เคยเกลียดชังบุรุษผู้ใดดั่งเช่นตอนนี้มาก่อน เซียวชี่จือคือบุรุษคนแรก ไม่ว่าวันนี้บุรุษผู้นี้ต้องการที่จะสังหารนางหรือไม่ ถ้าไม่สังหารนางละก็ วันข้างหน้านางต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่าแน่นอน “เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าสังหารเจ้าจริงๆสิน่ะ ผู้ใดที่ข้าต้องการสังหาร ไม่เคยมีผู้ใดรอดชีวิต” เสียงอันเยือกเย็นของเซียวชี่จือดังขึ้นมาเหนือศีรษะของนาง และในเวลานี้เขาเหมือนกับฑูตคุมวิญญาณที่มาจากนรก เมื่อเซียวชี่จือตรงหน้าเป็นแบบนี้ บอกในใจว่าอย่าหวาดกลัว นั้นต้องโกหกแน่นอนอยู่แล้ว บนโลกใบนี้ไม่มีผู้ใดไม่กลัวตาย ซึ่งหลินหมื้นชิงก็เหมือนกัน นางคิดอยากเป็นเพียงคนที่หยิ่งยโส ที่จะไม่เอ่ยร้องขอชีวิตของตนเองต่อหน้าบุรุษผู้นี้อย่างเด็ดขาด แม้นางต้องตาย ก็จะไม่ขอร้องให้บุรุษผู้นี้ปล่อยนางไป และตามนิสัยที่ดุร้ายโหดเหี้ยมของบุรุษผู้นี้ แม้นางจะร้องขอชีวิต ก็มิใช่ว่าเขาจะปล่อยนางไป “จะสังหารหรือไว้ชีวิต ล้วนขึ้นอยู่กับเจ้า แต่ข้าจะบอกเจ้าเอาไว้ แม้ข้ากลายเป็นผี ก็จะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ ” หลินหมื้นชิงเงยหน้าขึ้น จ้องไปยังเซียวชี่จือที่เอ่ยพูดเสียงดังด้วยสายตาที่ไม่ยอมจำนน ตอนที่ยั่วโมโหชายผู้นี้ เขาก็รู้อยู่แล้วว่าไม่ช้าก็เร็วต้องมีสักวันที่ตนเองจะตายด้วยน้ำมือของชายผู้นี้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่า วันนั้นจะมาถึงเร็วขนาดนี้ นางเพิ่งข้ามเวลามาได้แค่ไม่กี่วัน คงไม่ง่ายที่จะได้ไปเกิดใหม่อีกครั้ง หรือว่าต้องจบชีวิตไปแบบนี้จริง ๆ แล้ว ความจริงในใจของหลินหมื้นชิงรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก เพราะเหตุใดเพิ่งข้ามเวลามาถึงที่นี่ ก็ต้องพบเจอกับบุรุษที่ร้ายกาจเช่นนี้ มองเห็นท่าทางของนางเหมือนเห็นความตายดั่งคืนสู่มาตุภูมิ ความโกรธแค้นในใจของเซียวชี่จือก็ลุกโชนขึ้น นิสัยของสตรีคนนี้ช่างเด็ดเดี่ยวเสียจริง ถ้าเปลี่ยนเป็นสตรีคนอื่น เกรงว่าคงร้องไห้ร้องขอชีวิตไปแล้ว แต่สตรีคนนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น จุดนี้ทำให้เขารู้สึกแปลกหูแปลกตาไม่น้อยทีเดียว “เจ้าไม่กลัวตายจริงใช่ไหม ไม่กลัวว่ายั่วยุข้าแล้ว ข้าจะสังหารเจ้าจริง ๆใช่หรือไม่” เขามองยังหลินหมื้นชิงที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยสายตาที่ซับซ้อน แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “หากหม่อมฉันพูดว่ากลัวท่าน ท่านจะปล่อยหม่อมฉันไปหรือเพคะ ในเมื่อท่านตัดสินใจจะสังหารหม่อมฉันอยู่แล้ว อีกทั้งเดิมทีหม่อมฉันเองก็ไม่สามารถขัดขืนท่านได้อยู่แล้ว หม่อมฉันกลัวแล้วจะมีประโยชน์อันใดละเพคะ” สายตาของหลินหมื้นชิงมองยังเซียวชี่จือ พร้อมกับที่มุมปากปรากฏรอยยิ้มที่ดูเย้ยหยันขึ้น เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยกลิ่นอายที่เยือกเย็น สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมกับนางจริง ๆ ชาติก่อนอายุยังน้อยแต่เพราะปฏิบัติภารกิจล้มเหลวจึงเสียชีวิต แถมตอนนี้ข้ามเวลามาถึงที่นี่ ยังไม่ทันได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ก็ต้องถูกสังหารเสียแล้ว หลินหมื้นชิงจึงฝืนยิ้มออกมา พร้อมกับหยาดน้ำตาที่ร่วงหล่นลงมาจากหางตาอย่างไร้สุ่มเสียง ตอนนี้นางรู้สึกไม่พอใจมากจริง ๆ เพราะเหตุใดสวรรค์ถึงไม่ยุติธรรมกับนางเลย เซียวชี่จือมองเห็นหยาดน้ำตาที่ไหลจากหางตาของนาง จิตใจอันโหดร้ายก็สั่นไหว ภายในใจเกิดความรู้สึกที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนแวบเข้ามาแล้วก็จางหายไป “ตอนนี้ข้ายังจะไม่สังหารเจ้า ขอเพียงเจ้าไม่ทำเรื่องที่ทรยศหักหลังข้า ข้าก็จะไว้ชีวิตเจ้า แต่ถ้าเจ้ายังติดต่อกับเขา คิดจะโค่นล้มข้า ข้าจะให้เจ้าตายอย่างศพไม่ครบส่วน” เดิมทีมีแผนที่จะสังหารสตรีคนนี้ แต่สุดท้ายแล้วเซียวชี่จือกลับทำใจที่จะลงมือไม่ได้ นี่ยังเป็นครั้งแรกที่มีความรู้สึกประเภทนี้เกิดขึ้นกับตัวเขา เมื่อก่อนเขาสังหารโดยไม่ลังเล ไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่เป็นอันตรายต่อตัวเขา เขาจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด แต่วันนี้เขากลับทำใจสังหารสตรีผู้นี้ไม่ได้ “ท่านไม่สังหารหม่อมฉันหรือเพคะ” หลินหมื้นชิงเบิกตากว้างขึ้น มองยังเซียวชี่จืออย่างประหลาดใจอยู่บางส่วน อุทานขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความไม่น่าเชื่อเชื่อ คนประเภทสังหารโดยไม่ลังเล เย็นชาไร้ความรู้สึกเช่นเขา จะปล่อยนางไปหรือ หลินหมื้นชิงเกิดความสงสัยขึ้นในใจมาเล็กน้อย สงสัยว่าหูของตนเองจะมีอะไรผิดปกติไปหรือไม่ “หรือเจ้าอยากตายด้วยดาบของข้าจริง ๆ” เซียวชี่จือไม่ตอบคำถามของนางแต่กลับถามขึ้นอีกครั้ง ด้วยสีหน้าที่ยังดุดันน่าเกรงกลัวเช่นเดิม แต่สายตากลับไม่มีกลิ่นไอสังหารนั้นแล้ว “แน่นอนว่าหม่อมฉันไม่อยากตาย ยกเว้นสมองของหม่อมฉันจะผิดปกติ” เซียวชี่จือเพิ่งเอ่ยจบ หลินหมื้นชิงก็รีบเอ่ยปากขึ้นมาทันที เมื่อได้ทราบว่าครั้งนี้เซียวชี่จือจะปล่อยนางไป หลินหมื้นชิงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกในใจ ความรู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่แบบนี้ ทำให้นางรู้สึกดีใจอย่างมาก “เมื่อไม่อยากตาย ก็อย่าคิดยั่วโมโหข้าอีก ครั้งนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไป แต่จะไม่มีครั้งต่อไปอีกเด็ดขาด” มองเห็นสีหน้าที่ดีอกดีใจของหลินหมื้นชิง เซียวชี่จือได้แต่กะพริบตาไปมา แต่ปากกลับยังพูดจาออกมาอย่างเย็นชา “ท่านอ๋องโปรดวางใจ ต่อไปเมื่อพบท่านหม่อมฉันจะลัดเลาะหลบไป ไม่ยั่วให้ท่านโมโหอีกเด็ดขาดเพคะ ถ้าบังเอิญท่านรู้แล้วไม่พอใจ ต้องการเอาชีวิตหม่อมฉัน หม่อมฉันคงมิต้องเสียใจภายหลังหรือเพคะ” เมื่อทราบว่าเซียวชี่จือจะไม่สังหารตน น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาของหลินหมื้นชิงก็ดูผ่อนคลายลงไม่น้อยทีเดียว “ฮึ หลบทางให้ข้าไป เจ้าอย่าลืมว่าหลังจากนี้อีกยี่สิบวัน เจ้าก็จะกลายเป็นพระชายาของข้า ” เห็นชัดว่าไม่อยากพบกับหลินหมื้นชิง แต่หลังจากได้ยินที่นางเอ่ยว่าลัดเลาะหลบหน้าเขา ในใจของเซียวชี่จือก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาอย่างยากที่จะอธิบายได้ เขาเป็นอ๋องเทพแห่งครามที่สง่าผ่าเผย หญิงสาวและผู้คนมากมายต่างพากันแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น แต่หญิงสาวผู้นี้กลับมีท่าทีที่รังเกียจเขา สิ่งนี้ทำให้เขามีความรู้สึกว่าถูกเหยียดหยาม “นั่นเป็นเรื่องราวอีกยี่สิบวันข้างหน้า หม่อมฉันขอรับรองว่าในช่วงระยะเวลายี่สิบวันนี้ หม่อมฉันจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าท่านอ๋องอีกเพคะ ” เมื่อนึกถึงว่าหลังจากนี้อีกยี่สิบวันจะต้องแต่งให้กับบุรุษที่อันตรายผู้นี้ ในใจของหลินหมื้นชิงจึงกลัดกลุ้มอย่างมาก แต่ตอนนี้นางดูแลมากมายขนาดนี้ไม่ไหว เพียงในยี่สิบวันนี้สามารถผ่านพ้นไปได้อย่างปลอดภัย นางก็อมิตาพุทธแล้ว “เจ้าจำไว้ให้ดี เจ้าคือว่าที่พระชายาของข้า ไม่ว่าข้าจะชอบหรือไม่ชอบเจ้า เจ้าต้องรักข้าเพียงคนเดียวเท่านั้น ถ้าในใจเจ้าคิดถึงชายอื่น เจ้ารู้ดีถึงผลของมัน” “ท่านอ๋อง ท่านช่างวางอำนาจบาตรใหญ่เสียจริง เช่นนั้นท่านทำเครื่องหมายแปะบนตัวหม่อมฉันเอาไว้ ทุกคนจะได้รู้ว่าหม่อมฉันคือหลินหมื้นชิง เป็นว่าที่พระชายาของอ๋องหมิง ก็ไม่มีผู้ใดกล้าทำให้ข้าตกหลุมรักหรอกเจ้าคะ ” สะบัดมองเซียวชี่จือด้วยสายตาที่เหยียดหยาม หลินหมื้นชิงจึงเอ่ยปากขึ้นด้วยใบหน้าที่กลัดกลุ้มใจ บุรุษผู้นี้ชอบวางอำนาจบาตรใหญ่เกินไปแล้วจริงๆ เขาทำกับนางแบบนี้ นางจะสามารถรักเขาได้อย่างไร บุรุษผู้นี้น่าจะหลงตัวเองเกินไปหน่อยแล้ว นางไม่เพียงไม่รักเขา ในใจยังเกลียดเขา เกลียดจนไม่มองหาโอกาสสังหารเขาเลยทีเดียว ถ้าสามารถรักเขาได้ละก็ ดวงอาทิตย์คงขึ้นจากด้านทิศตะวันตกแน่นอน “วิธีนี้ของเจ้าช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ ก่อนนี้ข้าทำไมถึงคิดไม่ออกกัน” เมื่อหลินหมื้นชิงเอ่ยปากพูดออกมา เซียวชี่จือเลิกคิ้วพร้อมกับมุมปากที่ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา ความเยือกเย็นบนใบหน้าก็สูญหายไปอย่างไร้วี่แววทันที “วิธีที่ยอดเยี่ยมอะไรกัน ท่านอ๋องคิดจะทำอะไรเพคะ” หลินหมื้นชิงหันมองยังเซียวชี่จือที่เดินมายังนาง ในดวงตาอันงดงามแฝงด้วยความระแวง นางไม่แน่ใจว่าบุรุษผู้นี้ต้องการทำอะไร เพียงแต่จากสัญชาตญาณจากภายในใจของนางรู้สึกได้ถึงความน่ากลัวของบุรุษผู้นี้ นางหนีบไหล่เอาไว้แล้วก้าวถอยหลังไป เหมือนโดนกดดันจนอยากวิ่งหนีไป “เมื่อครู่เจ้าเสนอให้ข้าทำเครื่องหมายไว้บนตัวเจ้าไม่ใช่หรือ ตอนนี้ข้าก็จะทำตามที่เจ้าเสนอ” เซียวชี่จือค่อยๆเดินเข้ามาใกล้หลินหมื้นชิงด้วยสีหน้าที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม แล้วสายตาของเขาหยุดอยู่บนริมฝีปากสีแดงของนาง แม้จะบอกว่าเขาไม่ชอบสตรีที่ตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับเขาผู้นี้ แต่อาจพูดได้ว่าแท้จริงแล้วสตรีผู้นี้งดงามไร้ที่ติ แต่ด้วยนิสัยชอบรนหาที่ตายของนาง ความงดงามทั้งหมดของนางถูกปิดบังเอาไว้ “ท่านอ๋อง ท่านจะทำอะ....” หลินหมื้นชิงพูดยังไม่จบ ก็ถูกเซียวชี่จือดึงตัวเข้าไป แล้วเขาก็ก้มลงปิดปากของนางทันที สมองของหลินหมื้นชิงเหมือนระเบิดออกมา แล้วก็พลันเปลี่ยนเป็นขาวโพลนทันที จนลืมว่าต้องขัดขืนไปหมดสิ้น และแม้นางจะขัดขืน เขาก็ไม่ปล่อยให้ทำอย่างนั้น มือของเซียวชี่จือที่เต็มไปด้วยพละกำลัง แม้จะไม่ได้ทำให้นางบาดเจ็บ แต่นางก็ไม่สามารถหลบหนีออกไปได้อย่างแน่นอน หลินหมื้นชิงถลึงตามองเซียวชี่จืออย่างตกใจ ไม่รู้เพราะเหตุใด ตอนนี้ใจของนางเต้นเร็วอย่างบ้าคลั่งไม่หยุด นางไม่เคยมีความรู้สึกประเภทนี้เกิดขึ้นมาก่อนเลย เซียวชี่จือใช้มือหันเอวของหลินหมื้นชิง แล้วเขาเพิ่มการจุมพิตที่ลึกซึ้งขึ้นอย่างช้าๆ เดิมทีคิดเพียงต้องการสั่งสอนนางเพียงเล็กน้อยเท่านั้น กลับหารู้ไม่ว่าตัวเขาเองกลับปล่อยนางไปไม่ได้เสียแล้ว จุมพิตของเขาก็เหมือนกับตัวเขา ที่เต็มไปด้วยความเผด็จการเอาแต่ใจ เขาม้วนเอาทุกอย่างในปากของนางไปจนหมดสิ้น ผ่านไปเนิ่นนาน เขาจึงปล่อยนางหลังพึงพอใจแล้ว และหลินหมื้นชิงในตอนี้ ไม่รู้เป็นเพราะว่าหายอากาศหายใจ หรือเพราะใจที่เต้นเร็วกว่าปกติ ทำให้ใบหน้าในตอนนี้ดูแดงก่ำไปหมด ก่อนนี้นางเย็นชา หยิ่งยโสปฏิเสธผู้คนอย่างเด็ดเดี่ยว แต่ในที่สุดตอนนี้นางก็มีหน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดูขึ้นมาบ้างแล้ว เซียวชี่จือมองใบหน้าของนางอย่างหวั่นไหวอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วสีหน้าก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว “จำเอาไว้ เจ้าคือสตรีของข้า วันข้างหน้าไม่ว่าตัวหรือใจของเจ้า ล้วนต้องเป็นของข้า” ขณะที่สมองของหลินหมื้นชิงกำลังว่างเปล่ายังไม่ได้ฟื้นคืนสติกลับมา เสียงอันเย็นชาวางอำนาจบาตรใหญ่ของเซียวชี่จือนั้นก็ทะลุเข้ามาในหูอีกครั้ง เมื่อรู้สึกถึงน้ำเสียงที่เยือกเย็นของเขาหลินหมื้นชิงกจึงได้สติกลับมาทันที ครั้นนึกถึงว่าถูกบุรุษที่ตนเกลียดอย่างมากปล้นจุมพิตแล้ว ในใจรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
已经是最新一章了
加载中