ตอนที่75 นี่คือภรรยาของผม
1/
ตอนที่75 นี่คือภรรยาของผม
Choose เลือกสักทีนายจะรักใคร
(
)
已经是第一章了
ตอนที่75 นี่คือภรรยาของผม
ตอนที่75 นี่คือภรรยาของผม หลังจากที่เลิกกับชนุตต์แล้วนั้น จรีภรณ์ก็ได้ลาออกจากที่ทำงานเดิม และเธอก็กำลังหางานใหม่อยู่ ส่วนหนูดีที่ช่วงนี้ไม่ได้เจอชนุตต์เลยก็มีอาการงอนเธอเล็กน้อย “แม่ครับ ทำไมเดี๋ยวนี้คุณพ่อชนุตต์ไม่มาหาเราเลยล่ะครับ?” “หนูดีไม่ดื้อนะครับ แม่บอกหนูดีไปแล้วนี่นา ว่าต่อไปไม่ให้เรียกเขาว่าพ่อแล้วน่ะ” จรีภรณ์กล่าวปลอบใจลูกชายตัวเองด้วยน้ำเสียอ่อนโยน ตอนที่เลิกกับชนุตต์ เธอเองก็เสียใจ เพราะถึงอย่างไรช่วงเวลาที่เขาคบกันก็มีทุกๆความรู้สึกเกิดขึ้น “ทำไมเรียกพ่อไม่ได้แล้วล่ะครับ เขาไม่ต้องการพวกเราแล้วหรือ?” เธอมองความน่ารักบนใบหน้ารูปไข่กลมๆของหนูดี ในใจมีร่องรอยของความเจ็บปวด หนูดีเห็นความเสียใจในดวงตาของมารดา จึงไม่ได้ถามอะไรออกไปอีก แต่กลับอ้อนแม่ตัวเองแทน ว่าตัวเองหิวแล้ว “หนูดีอยากกินอะไรดีครับ?” จรีภรณ์ดึงสติกลับมาอีกครั้ง “หนูดีอยากกินพิซซา แล้วก็สลัดครับ” “อืม ได้สิจ๊ะ เดี๋ยวแม่พาหนูดีออกไปกินดีไหมครับ?” “ดีครับ” เมื่อหนูดีได้ยินว่าจะพาออกไปกินข้างนอก จึงกระโดดด้วยความดีใจในทันที หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้หนูดีแล้วนั้น เธอก็อุ้มหนูดีออกจากบ้านไป จิรภาสที่นั่งอยู่ในรถเห็นเธอถือทั้งกระเป๋าแล้วยังอุ้มหนูดีอีก จึงกำมือแน่นด้วยความเจ็บปวด ก่อนหน้านี้เขาได้ยินว่าจรีภรณ์เลิกกับชนุตต์แล้ว และยังลาออกจากบริษัทของชนุตต์ด้วยแล้ว ทำให้เขารู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขา แต่บทสรุปออกมาถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพียงแค่ต่อไปเขาไม่ต้องเห็นชนุตต์มาวนเวียนอยู่รอบๆตัวจรีภรณ์แค่นั้น เขาก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากแล้ว วันนี้เขาขับรถมาอยู่ตรงด้านล่างของตึก เมื่อเขาเห็นจรีภรณ์เดินอุ้มหนูดีออกมา เขาก็ตามเธอไป หนูดีที่ถูกมารดาอุ้มอยู่นั้น เมื่อเห็นว่าเป็นจิรภาสที่นั่งอยู่ในรถนั้น จึงรีบเอ่ยขึ้นกับเธอ “แม่ครับ คุณอาคนนั้นตามเรามา” เมื่อได้ยินหนูดีว่าดังนั้น เธอจึงหันกลับไปมอง ด้วยใบหน้าตึงเครียดขึ้นมาในทันที “คุณตามฉันมาทำไมคะ?” “จรีภรณ์ ผมได้ยินข่าวมาว่าคุณเลิกกับชนุตต์แล้ว?” จิรภาสรีบเดินลงมาจากรถ แล้วยิ้มให้กับเธอ แต่รอยยิ้มแบบนี้ในสายตาของเธอแล้วกลับเป็นรอยยิ้มเยาะเย้ยเธอ จึงเอ่ยกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ทำไมคะ? คุณคงดีใจสินะ?แล้วเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับคุณ?” “ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น”เขารู้สึกว่าตัวเองพลั้งปากไป จึงรีบหัวเราะขึ้น “คุณก็รู้จรีภรณ์ ว่าผมอยากให้คุณมีชีวิตที่ดีกว่าใครๆ” “ใช่หรือคะ?” เธอมองด้วยสายตาเยาะเย้ยเขากลับไป “ถ้าหากต่อไปคุณจะไม่มาปรากฏตัวให้ฉันเห็นหน้าอีก ฉันคงจะใช้ชีวิตได้ดีกว่านี้นะคะ” “แม่ครับ หนูดีหิวแล้ว”หนูดีที่มองผู้ใหญ่สองคนเถียงกันไปมา จึงอดไม่ได้ที่จะแทรกขึ้นมา วันนี้พวกเขากำลังจะไปกินพิซซ่า และนั่นเป็นสิ่งที่เขาชอบกินมากที่สุด “หนูดีหิวแล้วหรือครับ เด็กดี คุณอาพาหนูดีไปทานของอร่อยกันดีไหมครับ?” ไม่ต้องรอให้จรีภรณ์เอ่ยขึ้น จิรภาสก็รีบพูดขัดขึ้นมาก่อนพร้อมกับส่งยิ้มให้หนูดี “ได้ครับ ไปกินพิซซ่า หนูดีอยากกินพิซซ่า” หนูได้ยินดังนั้นก็หน้าบานยิ้มแย้มด้วยความดีใจ ยื่นมือออกไปหาจิรภาสให้อุ้ม จิรภาสรีบอุ้มรับหนูดีทันที จรีภรณ์เห็นดังนั้น เดิมทีอยากจะดึงหนูดีกลับมาแล้วรีบอุ้มพาลูกหนีไป แต่ต้านแรงของเขาไม่ไหว พร้อมกับที่ในมือเธอถือของอยู่ด้วยแล้ว จึงไม่ทันระวังถูกเขาคว้าตัวหนูดีไปได้ เธอกัดฟันด้วยความโมโห“หนูดี อย่าให้คนแปลกหน้าอุ้มแบบนี้นะลูก มา มาหาแม่นะ” เธอว่าพลางเอื้อมมือจะไปอุ้มหนูดีกลับมา แต่หนูดีกลับคว้าจับต้นคอของเขาไว้แน่น แล้วรีบปฏิเสธเธอ“คุณอาไม่ใช่คนแปลกหน้านะครับ หนูดีอยากให้คุณอาอุ้ม” จิรภาสได้ยินหนูดีว่าดังนั้น ในใจรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก แล้วอุ้มหนูดีเดินขึ้นรถไป โดยระหว่างนั้นยังคุยกันว่าหนูดีชอบทานพิซซ่าอะไรเด็กน้อยพูดคุยถึงสิ่งที่ตัวเองชอบอย่างตื่นเต้นดีใจ ไม่ได้สนใจจรีภรณ์ที่ยืนอยู่ตรงนั้นเลย ทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจ จึงรีบเดินไปเพื่อจะอุ้มหนูดีกลับมา แต่กลับถูกจิรภาสพูดดักขึ้นไว้เสียก่อน “หรือคุณอยากจะเห็นหนูดีหิวตายเสียก่อน?” “คุณจิรภาส คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?” “ผมไม่ได้ทำอะไร หนูดีหิว ผมก็แค่จะพาเขาไปทานข้าวแค่นั้น” “ไม่ได้ เขาเป็นลูกของฉัน คุณมีสิทธิ์อะไรมาพาเขาไป?” เธอขวางหน้าเขาไว้ ในใจรู้สึกเกลียดชัง ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงหน้าไม่อายขนาดนี้กัน แต่จิรภาสกลับไม่สนใจเธอ พาหนูดีเข้าไปนั่งในรถแล้วเขาก็เดินไปยังฝั่งคนขับ แล้วมองเธอที่กระทืบเท้าด้วยความโมโหผ่านกระจกรถ ในใจรู้สึกดีใจ ดูเหมือนกับว่าตอนนี้เขายิ่งชอบที่จะมีปากเสียงกับจรีภรณ์ความคลุมเครือไม่ชัดเจนเหล่านั้นระหว่างเขาทั้งสองคนเหมือนกลับไปเป็นดังเช่นเมื่อก่อน เขาจึงลดกระจกรถลงเอ่ยกับเธอด้วยรอยยิ้ม “ขึ้นรถสิคุณ!” หนูดีเกาะกระจกรถพลางมองมารดาตัวเองด้วยใบหน้าหงอยๆ“แม่ครับ แม่ก็ไปด้วยกันนะ หนูดีอยากให้แม่ไปด้วย!” ดูท่าทางเข้ากันได้ดีของทั้งสองคน เธอก็รู้สึกโมโห เดิมที่จะออกปากปฏิเสธไป แต่เมื่อเห็นสายตาเว้าวอนของหนูดีแล้ว ก็ใจแข็งไม่ลง จึงได้แต่เพียงขึ้นรถตามไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ จิรภาสเห็นท่าทางของจรีภรณ์เช่นนั้น เม้มปากราวกับอยากจะหัวเราะออกมา แต่เขากลัวว่าเธอจะโกรธแล้วรีบพาหนูดีลงไปจากรถเสียก่อน จึงไม่กล้าหัวเราะออกมา “หนูดีชอบฟังเพลงอะไรครับ?” เขามองจรีภรณ์ที่นั่งกอดหนูดีไว้ด้วยท่าทางเบื่อๆ จึงเอ่ยถามขึ้น “หนูดีชอบฟัง....” หนูดีเงยหน้าขึ้นทำท่านึกคิดราวกับเป็นผู้ใหญ่ เขามองท่าทางกึ่งเด็กกึ่งผู้ใหญ่ของหนูดี แล้วส่ายหน้าด้วยความขำขัน เขาจึงเปิดเพลงที่เด็กๆชอบกันขึ้นมา หนูดีที่ได้ยินเพลงนั่นดังขึ้นรู้สึกตื่นเต้นดีใจขึ้นมาทันที มือเล็กๆนั้นขยับโยกย้ายไปตามจังหวะเพลง จรีภรณ์เห็นท่าทางหนูดีแล้วจึงห้ามลูกตัวเองไว้ “หนูดี อย่าดื้อนะลูก ตอนนี้เราอยู่บนรถ เดี๋ยวกลับบ้านไปแล้วเราเปิดเพลงฟังด้วยกันนะดีไหมครับ?” หนูดีเห็นท่าทางจริงจังของมารดา จึงหยุดลงทันที แล้วนั่งดีๆอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เดิมจิรภาสก็อยากจะปรามหนูดี แต่เมื่อเห็นว่าคำพูดของจรีภรณ์เพียงประโยคเดียวทำให้หนูดีกลับอยู่ในสภาวะปกติได้ ขณะนั้นภายในใจกลับรู้สึกไม่สบายใจ “ปกติแล้วคุณสอนลูกเข้มงวดขนาดนี้เลยหรือ?” “คุณจิรภาสคะ คุณไม่มีสิทธิ์พูดกับฉันแบบนี้” จรีภรณ์กล่าวดักทางเขาด้วยความโมโห ทั้งหมดทั้งมวลนี้ไม่ใช่เป็นเพราะผู้ชายคนนี้คนเดียวหรอกหรือ? เขามีสิทธิ์อะไรมาพูดกับเธอแบบนี้? เขาถูกย้อนกลับด้วยประโยคนั้นแล้วทำให้เขาถึงกับพูดไม่ออก จึงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น จริงอย่างที่เธอว่า ตอนนี้ทุกสิ่งที่ไม่เป็นดังที่เธอหวังก็ล้วนมาจากสิ่งที่เขาสร้างไว้กับเธอทั้งสิ้น หากตอนนั้นไม่เป็นเพราะเขาไล่เธอออกมา ตอนนี้เธอก็คงไม่ลำบากเช่นนี้ คนเป็นคนผิดคนเดียวตั้งแต่แรก เขามีสิทธิ์อะไรไปพูดแบบนั้นกับเธอ หนูดีเงยหน้าขึ้นมองมารดาที มองจิรภาสที ถึงแม้ว่าเด็กน้อยจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ผู้ใหญ่ทั้งสองคุยกัน แต่เขากลับรู้สึกได้ถึงบรรยากาศอันเย็นชานี้ จึงได้แต่นั่งเงียบๆไม่พูดอะไรออกมาอีก เมื่อถึงที่หมายแล้วนั้น จิรภาสเดินลงจากรถมาเปิดประตูให้จรีภรณ์ แล้วอุ้มหนูดีขึ้นมาด้วยท่าทางใกล้ชิดสนิทสนมเป็นพิเศษ แต่จรีภรณ์กลับไม่สนใจมองเลยแม้แต่น้อย หลังจากลงจากรถแล้วเธอจึงรับหนูดีมาอุ้มเอง แล้วเดินเข้าไปในร้าน จิรภาสมองตามท่าทางเย็นชานั่นของเธอ จึงหัวเราะออกมาอย่างทำตัวไม่ถูก ครั้งนี้มายังร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ เป็นร้านบุฟเฟต์ที่ดีที่สุดในเมืองซูแห่งนี้ ด้านในนั้นมีทุกอย่าง หรูหราเป็นอย่างมาก เมื่อหนูดีเข้าไปด้านในแล้วนั้นกลับถูกดึงดูดไว้อย่างง่ายดาย ชี้ไปทางแถวไอศกรีมด้วยความตื่นเต้นดีใจ “แม่ดูสิครับ อันนั้นดูท่าทางน่าอร่อยจัง” “อืม อร่อยสิครับ” จรีภรณ์หัวเราะขึ้นอีกครั้ง “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวคุณอาพาหนูดีไปเอาดีไหมครับ?” เขามองข้ามความรู้สึกหดหู่เมื่อซักครู่ไป แล้วเริ่มพูดกับหนูดีด้วยความอ่อนโยนอีกครั้ง สายตานั้นราวกับคนเป็นพ่อที่มีต่อลูก “คุณจิรภาสพาเพื่อนมาทานข้าวที่นี่หรือครับ?” ขณะนั้น ก็มีเสียงเรียกของใครบางคนเอ่ยทักทายเขาขึ้น “อืม ครอบครัวเราสามคนมาทานข้าวกันครับ” เขากล่าวตอบกลับบุคคลคนนั้นไป ในคำพูดของเขา เน้นย้ำ คำว่า “ครอบครัว” ราวกับไม่ยอมรับคำว่า “เพื่อน” ที่เขาได้ยินเมื่อครู่ ผู้ชายคนนั้นอยู่ในอาการตกตะลึง ได้ยินคำพูดของจิรภาส ในใจรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก เขายังไม่ได้แต่งงานไม่ใช่หรือ? ได้ข่าวว่าคู่หมั้นของเขาเป็นลูกสาวของท่านนายก ทำไมตอนนี้ถึงมีครอบครัวนี้เพิ่มขึ้นมากัน? หรือว่าเป็นคนรักที่เขาซ่อนเอาไว้กัน? เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ชายคนนั้นจึงเหลือบมองจิรภาสแล้วหัวเราะออกมา เขาเข้าใจความหมายแล้ว จึงเปลี่ยนทีท่าเป็นเอ่ยกับเขาด้วยความยิ้มแย้ม “คุณจิรภาสนี่มีวาสนาเรื่องความรักไม่เบาเหมือนกันนะครับ ผมล่ะยอมคุณเลย” เมื่อได้ยินดังนั้น จิรภาสก็รู้ว่าเขาเข้าใจผิดไปแล้ว เขาเหลือบมองไปยังจรีภรณ์เห็นเพียงรอยยิ้มเย้ยหยันบนใบหน้าของเธอ ราวกับกำลังจะบอกเขาว่าเธอรอดูว่าเขาจะจัดการอย่างไร ในใจเขารู้สึกอึดอัด มองหน้าชายคนนั้นกลับด้วยความเย็นชา “นี่คือภรรยาของผมเอง” “อา...ที่แท้ก็เป็นพี่สะใภ้นี่เอง”จิรภาสทำเอาผู้ชายคนนั้นถึงกับหน้าชา ตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน ได้แต่หัวเราะออกมา แต่ในใจอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอยากรู้อยากเห็น สรุปแล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? จิรภาสแต่งงานแล้วอย่างนั้นหรือ? แต่เขาก็ไม่กล้าเอ่ยถาม ได้เพียงแต่ยืนเรียกพี่สะใภ้อยู่ตรงนั้น
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่75 นี่คือภรรยาของผม
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A