ตอนที่19
ตนที่19
เซี่ยหลิงหลิงไม่ร็ว่าเจ้าของร่างคนเดิมเคยเจอพวกเขามาก่อนหรือเปล่าจึงไม่รู้จะพูดยังไงดีทำได้เพียงแค่ยืนรอให้พวกเขาทักทายเท่านั้น
เฉิงรุ่ยพูดขึ้นมานิ่งๆว่า:“ภรรยาฉันเอง”
ต่อหน้ากูโหยวถูหนานและเจียวฝันต้องปิดปากเงียบไว้ไม่ถามอะไรออกไปทั้งคู่ตะลึงไปเลยพวกเขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าพี่สะใภ้จะสวยขนาดนี้!
บริษัทของพวกเขาเหมือนเป็นบริษัทพระอัตราส่วนของเพศชายและเพศหญิงไม่มีความพอดีกันเลยสักนิดสาวสวยอย่างหลิวหยางก็เลยกลายเป็นเหมือนนเทพธิดาประจำบริษัทต่อให้เธอแสดงอาการไม่ดีออกมายังไงพวกผู้ชายก็ไม่เคยคิดที่จะโกรธ
แต่เมื่อมาเทียบกับเซี่ยหลิงหลิงแล้วจากที่เคยมองหลิวหยางเอาไว้ยังไงมาดูตอนนี้เธอก็ดูหมองลงไปเยอะเลย
จากเดิมที่หยางหลิวเคยบอกก็คิดว่าคงจะไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ทุกคนก็ต่างพากันทำใจเอาไว้แล้วแต่ในตอนนี้ได้มาเห็นเซียหลิงหลิงตัวจริงที่สวยสง่ายืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาก็ถึงกับอึ้งเริ่มพูดจาติดอ่างไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีผู้ชายทั้งสองคนเริ่มหน้าแดงมือไม้เริ่มวางไม่ถูกอิจฉาจนตาจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว
ภรรยาสวยขนาดนี้บุคลิกก็ดีแถมเป็นศรีเรือนนี่มันคือผู้ชนะที่แท้จริงชัดๆ
พวกเขาทั้งสองอยากจะเรียกพี่สะใภ้สักคำแต่ก็ต้องอดทนเอาไว้อยู่ข้างนอกสถานะของเฉิงรุ่ยถือเป็นความลับต่อให้เป็นกู้โหยวก็ห้ามพูด
แตกต่างจากคนอื่นหยางหลิวเริ่มหน้าซีดมือกำช้อนซ่อมไว้แน่นอย่างไม่รู้ตัวเธอจำได้แท้ๆว่าครั้งก่อนที่เคยมีโอกาสได้เจอภรรยาของเฉิงรุ่ยครั้งหนึ่งทั้งแต่งตัวโป๊ทั้งหยิ่งน่าสะอิดสะเอียนแต่ทำไมวันนี้ถึงกลายเป็นแบบนี้ได้ล่ะ?
ไม่!มันจะเป็นไปได้ยังไง!
ในใจของถูหนานคิดว่าพี่สะใภ้สวยเกินคำบรรยายจริงๆแถมยังเป็นกันเองชื่นชมได้อย่างไม่ต้องรีรอเลย:“ภรรยาของเจ้า......เจ้าเฉิงนี่สวยจริงๆ!”
เจียวฝัน:“อะแฮ่ม”
ทำไมคำนี้ฟังดูแปลกๆ?
เฉิงรุ่ยแนะนำพวกเขาให้เซี่ยหลิงหลิงด้วยท่าทีปกติ:“เพื่อนทั้งกลุ่มมาทานข้าวด้วยกัน”
เขารู้ว่าเซียหลิงหลิงไม่มีทางถามนู่นถามนี่แน่นอนและรู้ว่าพวกเขาไม่มีทางเปิดเผยตัวตนให้เซี่ยหลิงหลิงรู้เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่รู้สึกกังวลอะไร
ใครจะไปคิดว่าเจ้านายที่มีบริษัทใหญ่อย่างเขายังต้องมานั่งปกปิดตัวตนกับภรรยาตัวเองเพื่อไม่ต้องหย่ากัน
เซี่ยหลิงหลิงไม่เคยสนใจข่าวซุบซิบของบริษัทเจียเฉิงเลยเธอเพียงแค่รู้สึกคุ้นหน้าถูหนานมากๆแต่ก็นึกไม่ออกว่าไปเห็นมาจากไหนความสงสัยเดียวที่เธอมีก็คือ——เฉิงรุ่ยมีเพื่อนกับเขาด้วยหรอกเหรอเนี่ย
โตแล้ว!คุณป้าปลื้มใจมาก
กู้โหยวพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น:“บังเอิญจังเลยนะนี่เรายังรู้จักกันอยู่หรือเปล่าเนี่ย?”
เซี่ยหลิงหลิงรู้สึกทำตัวไม่ถูกไม่คิดเลยว่าจะบังเอิญขนาดนี้เธอยิ้มหวานแล้วพูดว่า:“สวัสดีฉันชื่อเซี่ยหลิงหลิง”
เมื่อทั้งสองคนพูดแบบนี้คนที่เหลือก็ถึงกับงง
พวกเขาไม่คิดเลยว่ากู้โหยวจะรู้จักกับพี่สะใภ้ด้วยสายตาของถูนานและเจียวฝันแสดงอาการแปลกๆในความคิดของพวกเขานั้นเหมือนเฉิงรุ่ยกำลังถูกสวมเขาอยู่แถมกู้โหยวยังเป็นคนสวมให้เองกับมือเลยด้วย
“......”
กู้โหยวเงียบไปครู่นึงครึ่งนึงก็ตกใจอีกครึ่งก็ถามขึ้นมาอย่างสงสัย:“เธอหรือว่าเธอคือหลิงหลิงหลิง?”
เซี่ยหลิงหลิงตกใจ:“นายคือ?”
เขายิ้มออกมาด้วยท่าทีอ่อนน้อมและแสดงตัวตนออกมาอย่างลังเล:“กู้โกว๋เสินโหยว”
ทุกคนในเกมต่างก็รู้ว่ากู้โกว๋เสินโหยวคิดอะไรๆกับหลิงหลิงหลิงถูหนานเองก็ตามเผือกเรื่องนี้เหมือนกันเมื่อรู้ว่าหลิงหลิงหลิงคือพี่สะใภ้สถานะการณ์ตอนนี้ทำเอาพวกเค้ารู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก——หมดกันหมดกันกู้โหยวชอบใครไม่ชอบดันมาชอบภรรยาของเจ้านายซะได้หากยอมให้เขาเข้าสู่เจียเฉิงมันก็เท่ากับว่าพาหมาป่าเข้าบ้านน่ะสิ
เซี่ยหลิงหลิงจ้องไปที่เขาอยู่ๆเธอก็รู้สึกกังวลขึ้นมาเล็กน้อย
ในเกมนั้นถูกขั้นด้วยเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทุกคนก็เหมือนไม่ได้มีตัวตนอยู่จริงๆแต่ในตอนนี้กู้โหยวมายืนอยู่ตรงหน้าอย่างเต็มตาเซี่ยหลิงหลิงยังจำได้ว่าอีกในไม่กี่ปีข้างหน้าเขาจะต้องพบเจอกับอะไรบ้างจำความเจ็บปวดและการสารภาพของเขาได้อยู่ดีๆก็เหมือนมีเชือกเส้นนึงที่ดึงเอาตัวละครในหนังสือมาอยู่ตรงหน้าเขาตัวเป็นๆ
เฉิงรุ่ยถูกพูดถึงในหนังสือเพียงเล็กน้อยเท่านั้นไม่เหมือนกับกู้โหยวเซี่ยหลิงหลิงได้เห็นและรับรู้ถึงเส้นทางความสัมพันธ์ระหว่างเขากับไป๋เซวียนเซวียน
ในตอนนั้นเซี่ยหลิงหลิงคิดว่าน่าเสียดายที่กู้โหยวคู่กับไป๋เซวียนเซวียนนั่งวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนาๆ
แต่ในตอนนี้มาคิดๆดูมันเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มากเลยจริงๆ
เธอเขามาอยู่ในเล่มเดียวกันกับเขา!
เธอคนอื่นๆในที่นี้กับคิดต่างออกไปพวกเขายืนดูเซี่ยหลิงหลิงจ้องมองกู้โหยวตาไม่กระพริบสายตายากจะเดาออกได้ถูหนานแอบคิดในใจพี่สะใภ้คงไม่ได้รู้สึกอะไรกับกู้โกว๋เสินโหยวหรอกนะแต่คิดๆไปแล้วมันก็จริงเจ้านายแข็งทื่อไร้ความรู้สึกเหมือนท่อนไม้ขนาดนี้จะไปเทียบกับกู้โกว๋เสินโหยวที่นุ่มนวลอบอุ่นแบบนี้ได้ยังไง
กู้โหยว:“บังเอิญมากเลยนะงั้นพวกเรามานั่งทาน......”
จู่ๆเฉิงรุยก็ยื่นมือออกไปช่วยเซี่ยหลิงหลิงถือถุงช็อปปิ้งตัดบทคำต่อไปที่กู้โหยวกำลังจะพูด
ร่างของเขาบดบังกู้โหยวไว้พอดิบพอดีพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงทุ้มๆ:“กลับบ้านกัน”
เซี่ยหลิงหลิงกะพริบตาปริบปริบ:“อา......โอเค”เธออยากกลับบ้านแล้วเหมือนกันถูกคนหลายคนยืนจ้องแบบนี้เธอทำตัวไม่ค่อยถูก
ทั้งสองกลับไปก่อนหยางหลิวเริ่มเก็บสีหน้าเอาไว้ไม่อยู่จากที่เคยได้ขึ้นชื่อว่าเป็นงามผู้อบอุ่นบัดนี้รอยยิ้มบนหน้าได้เลือนหายไปจนหมดสิ้นจ้องมองทั้งสองคนจากไปตาเขม็งรูปปากที่ดูสวยงามนั้นกลายเป็นเส้นตรง
เธอไม่เชื่อว่าพวกเขาทั้งคู่อยู่ด้วยกัน!ยิ่งไม่เชื่อเข้าไปใหญ่ว่าเฉิงรุ่ยจะรักผู้หญิงแบบนั้น!
“คิดไม่ถึงเลยจริงๆนะว่าจะเป็นสาวสวยขนาดนี้”
“นั่นน่ะสิ......โอยเลิกพูดเถอะฉันอิจฉาตาร้อนจนจะร้องไห้ออกมาแล้วเนี่ย”
กู้โหยวเห็นอาการที่พวกเขาแสดงออกก็รู้สึกแปลกใจ
เขาจึงถามไป:“เจ้าเฉิงคนนั้นก็คือลิซท์ใช่มั้ยครับ”แม้จะเป็นประโยคคำถามแต่น้ำเสียงแสดงถึงความมั่นใจ
ถูหนานกล่าว:“เก็บเป็นความลับด้วย”
กู้โหยว:“วางใจได้เลยครับผมไม่ใช่คนปากพล่อย”
เขาอมยิ้มเล็กน้อยในสมองเต็มไปด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจของเซี่ยหลิงหลิงและมือขาวๆที่ยื่นออกมาทำเอาสติหลุด
เมื่อสองคนนั้นจากไปคนที่เหลือก็ไม่มีอารมณ์อยากจะกินข้าวกันต่อจึงตกลงเช็คบิลแล้วแยกย้ายถูหนานกลับกับกู้โหยวกะว่าระหว่างทางจะขอคุยกับเขาเพิ่มเติมและเจียวฝันก็ออกตัวอาสาพาหยางหลิงกลับ
หยางหลิวทำหน้าตึงเครียดตลอดทางเมื่อคิดว่าเฉิงรุ่ยกำลังกลับบ้านกับผู้หญิงคนนั้นเธอก็แทบจะคลั่งอยู่แล้ว
เธอพอจะเข้าใจเฉิงรุ่ยอยู่บ้าง
การที่เขาบอก“กลับบ้าน”อาจจะเป็นเพราะเห็นเซี่ยหลิงหลิงเป็นคนในบ้านคนนึงเท่านั้น
เจียวฝันมองหยางหลิวผ่านกระจกมองหลังก่อนจะถามอย่างระมัดระวัง:“หลิวหยางเธอไม่ค่อยสบายหรือเปล่า?ฉันว่าสีหน้าเธอดูไม่ค่อยจะดีนะ”
หลิวหยางที่นั่งอยู่เบาะหลังถอนหายใจออกมา:“นายว่าระหว่างฉันกับเซี่ยหลิงหลิงใครสวยกว่ากัน?”
เจียวฝันเป็นคนตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมพูดออกมาอย่างไม่ลังเล:“แน่นอนว่าต้องเป็นพี่สะใภ้อยู่แล้วงามจนหาที่เปรียบไม่ได้!แต่ว่า”น้ำเสียงของเขาอ่อนลง“เธอสวยที่สุดในใจฉันนะ”
“......”
หยางหลิวเกือบปรี๊ดแตกเพราะคำปลอบใจของเขา
......
อีกด้านหนึ่งคู่รักที่คนภายนอกต่างก็คิดว่าเป็นคู่รักที่มีความรู้สึกดีๆให้กันอบอวนไปด้วยความรัก
รู้สึกอึดอัดกันมาตลอดทาง
เซี่ยหลิงหลิงนั่งเหมือนคนไม่มีเรื่องทุกข์ร้อนอะไรเฉิงรุ่ยที่นั่งอยู่ข้างๆไม่พูดไม่จาอะไรทั้งคู่ต่างพากันเงียบใต้ความรู้สึกผิดเซี่ยหลิงหลิงตัดสินใจทำลายความเงียบลง:“เออคือว่า......ฉันเห็นว่านายแทบจะไม่ได้กินอะไรเลยนายไม่หิวใช่มั้ย”
เฉิงรุ่ยตอบกลับมาเบาๆ:“ไม่เป็นไรกินนิดๆหน่อยๆก็พอ”
เซี่ยหลิงหลิง:“......”
ได้สิครั้งนี้ถูกจับได้แล้วถือว่าเธอโชคไม่ดีเอง
เซี่ยหลิงหลิงกระเอมเล็กน้อยตั้งใจจะไถ่โทษ:“งั้นจะให้ฉันทำอะไรให้นายกินหน่อยมั้ย?”
เฉิงรุ่ยตอบกลับเบาๆ:“กินนิดๆหน่อยๆก็พอ”
เซี่ยหลิงหลิง:“......”
เธอสงบปากสงบคำดีกว่า
เธอแหงนมองไปนอกหน้าต่างเงียบๆในรถมีความอบอ้าวเล็กน้อยเธอจึงลดกระจกรถลงมานิดหน่อยเกิดเป็นช่องว่างเพื่อให้อากาศไหลเวียนเข้ามาได้ง่ายลมเย็นๆตีเข้าที่ใบหน้าเธอที่ไม่ค่อยถูกกับลมหน่อยจนจามออกมา
ข้างๆก็มีเสียงเฉิงรุ่ยพูกแซะขึ้นมาอีก:“กินจนจุกเลยล่ะสิ”
เซี่ยหลิงหลิงน้ำตานองหน้า:“......”
เธอเข้าใจแล้วว่าการทำให้ผู้ที่รักในการกินรู้สึกเสียใจนั้นสมควรได้รับบทเรียนแบบไหนเธอจะไม่ไปกินข้าวคนเดียวอีกแล้ว!ไม่ทำอีกแน่นอน!
ลงจากแท๊กซี่ฝนหยุดตกแล้ว
พื้นโคลนที่เปียกปอนนั้นทำพื้นลื่นโชคดีที่เฉิงรุ่ยช่วยถือถุงช็อปปิ้งให้ปล่อยให้เซี่ยหลิงหลิงมือว่างเธอถกเสื้อโค้ทขึ้นอย่างระมัดระวังเพื่อเลี่ยงไม่ให้โคลนกระเด็นเลอะเสื้อ
เฉิงรุ่ยไม่ได้เดินเร็วมากเซี่ยหลิงหลิงเนตามเขามาตลอดทางส้นเท้ากระทบกับบันไดเสียงดังตึงตึง
“จริงสิ”เซี่ยหลิงหลิงยังรู้สึกแปลกใจกับเรื่องเมื่อสักครู่อยู่“กู้โหยวมานั่งทานข้าวกับพวกนายได้ยังไงเป็นเพราะเรื่องในเกมเหรอ?”
เฉิงรุ่ยตอบกลับเพียงอืมสั้นๆ
เซี่ยหลิงหลิงรอฟังคำอธิบายหลังจากประโยคนั้นแต่ไม่คิดว่าเฉิงรุ่ยจะตอบเยงแค่อืมแล้วไม่พูดอะไรต่ออีก
เซี่ยหลิงหลิง:“???”
หมอนี่เจ้าคิดเจ้าแค้นเกินไปแล้วนะ!
เซี่ยหลิงหลิงทำหน้าล้อเลียนใส่เฉิงรุ่ยที่หันหลังอยู่แต่จู่ๆอีกฝ่ายก็หันหน้ากลับมาหันมาเห็นใบหน้าแยกเขี้ยวยิงฟันที่เต็มไปด้วยความโง่เขลาของเธออย่างพอดิบพอดี
เวลาถูกหยุดลงชั่วขณะ
“......”
“......”
เซี่ยหลิงหลิง:“นี่คราวหน้าคราวหลังจะหันหน้ามาก็บอกกล่าวกันก่อนสิ”
เฉิงรุ่ยยืนจ้องเธออยู่นานท่ามกลางแสงไฟสลัวดวงตาของเขาดำขลับดำจนมองไม่เห็นที่สิ้นสุดมันทำให้เซี่ยหลิงหลิงลืมไปเลยว่าตัวเองควรพูดอะไรต่อดี
เฉิงรุ่ยกลืนคำว่า“เป็นห่วงกู้โหยวมากเหรอ”ลงคอไปในทันที
เขาเยงแต่พูดขึ้นมาช้าๆว่า:“ฉันอยากทานบะหมี่ใส่ไข่”
“......อ๋อ”ทีแท้ก็เรื่องนี้เองหรอกเหรอ
เซี่ยหลิงหลิงผ่อนคลายลงมาทันทีเธอก็คิดว่าเฉิงรุ่ยมีเรื่องสำคัญจะบอกเธอซะอีกที่ไหนได้ในหัวมีแต่เรื่องกิน
“ได้สิไม่มีปัญหา”
......
ในช่วงเวลาที่เฉิงรุ่ยกำลังทานบะหมี่อยู่นั้นถูหนานได้ทำการเปลี่ยนชื่อกลุ่มจากเดิมเป็น“เกี๊ยวอร่อย”ต่างพสกันส่งข้อความกันอย่างบ้าคลั่งๆผ่านไปไม่นานจำนวนข้อความในกลุ่มแชทก็ขึ้นจำนวนเป็น99+เข้าไปแล้ว
ถูหนาน:“พี่สะใภ้สวยสุดๆไปเลยโอ้มายก้อต!ยอมแล้ว!”
เจียวฝัน:“ฉันเป็นพยานได้!นายไม่รู้อะไรหน้าแต่ละคนนี่อึ้งกันไปหมดเลย!”
ฝู้จื่อเฉิง:“โหย!ฉันแค่ทำโอทีก็มาพลาดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ไปซะได้???ทำไมพวกนายไม่บอกฉัน!”
ฝู้จื่อเฉิง:“สวยขนาดไหน!ทำไมฉันรู้สึกว่าอยากให้เจ้านายส่งรูปมาให้ดูล่ะ!นี่ฉันเป็นบ้าไปแล้วเหรอเนี่ย?”
ถูหนาน:”อย่าว่าแต่นายเลยฉันอาจจะไม่ได้ตื่นมาเจอพระอาทิตย์ของวันพรุ่งนี้อีกก็ได้”
เจียวฝัน:“ถูหนานหน้าเหวอไปเลยจริงๆตอนเห็นพี่สะใภ้นะทำหน้าเหมือนหมาเห็นเนื้อตาแทบไม่กระพริบเลย”
ฝู้จื่อเฉิง:“โอ๊ญเสียใจพระเจ้าฉันจะร้องไห้แล้วนะฉันก็อยากจะเจอพี่สะใภ้มากๆจริงๆนะ———”
สิบนาทีต่อมา
【เฉิงรุ่ยแก้ไขชื่อกลุ่มเป็น“กลุ่มแชท”】
【ถูหนานถูกลบออกจากกลุ่ม】
ผ่านไปไม่นานในแชทก็มีข้อความเสียงจากเฉิงรุ่ยเพิ่มขึ้นมาเสียงใสสะอาดน่าฟังน้ำเสียงเรียบๆไม่ต่ำไม่สูง
“อยากทำโอทีเพิ่ม?”
สมาชิกอีกสองคนที่เหลือในกลุ่มถึงกับตัวสั่น