ตอนที่31
ตนที่31
ช่วงนี้เซี่ยหลิงหลิงติดเกมGarenaSpeedDriftersเธอใช้เกมนี้เพื่อการฝึกขับรถเข้าซองอย่างบ้าคลั่งทั้งวันทั้งคืนจนลืมกินลืมนอนวันสุดสัปดาห์ก็ตื่นแต่เช้ามาทำภารกิจเล่นมาจนถึงตอนเที่ยงก็ยังไม่ลุกจากเตียงเรียกได้ว่าตั้งใจเล่นเกมอย่างเต็มที่สุดกำลัง
สองสามวันนี้ม้าไป่หลงไม่เห็นเซี่ยหลิงหลิงออนในเกมก็เลยส่งข้อความส่วนตัวไปหาเธอด้วยความกังวล
“หลิงหลิงทำไรอยู่ช่วงนี้ไม่ออนเลย”
เซี่ยหลิงหลิงตอบกลับอย่างสบายใจ“ฝึกขับรถนะยุ่งมากเลย”
ม้าไป๋หลง:“ฝึกขับรถ???”
เซี่ยหลิงหลิง:“ใช่แล้วจะได้ขับไปทำงาน”
เธอหรี่ตาแล้วพูดโกหกออกมาเธอโกหกโดยใจไม่เต้นหน้าไม่แดงเลยแม้แต่น้อยทั้งยังหลอกม้าไป่หลงได้อย่างง่ายดาย
ม้าไป๋หลง:“จริงสิช่วงสองสามวันนี้พวกเรากะจะจัดงานปาร์ตี้แบบนัดเจอกันเธออยากไปด้วยมั้ยมีแค่พวกเราสองสามคนไม่มีคนอื่นเลย”
เซี่ยหลิงหลิง:“แล้วฉันไม่ไปได้เหรอ”
เธอกลัวมากว่าเพื่อนในเน็ตบางคนจะไม่จะรับชีวิตส่วนตัวที่วุ่นวายหากได้เจอตัวจริง
ม้าไป๋หลง:“ปาร์ตี้เล็กๆมีแค่ห้าหกคนเองตามนี้ละกันปาร์ตี้จัดในวันเสาร์อาทิตย์ในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้าเธอลองไปคิดดูก่อนถึงฉันอยากจะเจอเธอมากจริงๆแต่ก็ไม่อยากขัดความต้องการของเธอหรอก”
เซี่ยหลิงหลิง:“อื้องั้นฉันคิดดูก่อน”
พอพูดถึงเรื่องนี้เซี่ยหลิงหลิงก็นึกขึ้นมาได้ทันทีเพื่อนสมัยเรียนของเฉิงรุ่ยน่าจะไม่รู้ว่าจะไปรึยัง
เธอหวีผมยุ่งๆของเธอมัดรวบให้เรียบร้อยแล้วออกมาดูว่าเฉิงรุ่ยทำอะไรอยู่
“……”
เซี่ยหลิงหลิงหน้าดำคร่ำเครียดอย่างจริงจัง“นายเลิกหมกตัวอย่างนั้นดีกว่ามั้ย”
เฉิงรุ่ยพูดด้วยสียงเบาๆยากมากที่สวยเหมือนนางฟ้า
ข้าวหนึ่งมื้อทำให้เฉิงรุ่ยหายโกรธได้สายตาของเขาก็ไม่ได้ดูเชื่องช้าและไร้จิตวิญญาณอีกดูมีชีวิตชีวาขึ้นมากว่าเดิมนิดหน่อยเซี่ยหลิงหลิงนั่งหน้าหงออยู่ข้างเขาและถามเขาว่า“นี่งานเลี้ยงรวมรุ่นของเพื่อนสมัยเรียนนายจะไปรึเปล่า”
เฉิงรุ่ยพูดออกมาอย่างเชื่องช้า:“ไม่ไป”
พอพูดแบบนี้เซี่ยหลิงหลิงก็รีบหาทางล้านแปดวิธีเพื่อให้เฉิงรุ่ยปริปากพูดเรื่องการที่เคยถูกทำร้ายในโรงเรียนเธอพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆว่า“นายไม่อยากไปก็ไม่ต้องไปหรอก”
เฉิงรุ่ยทำหน้าเหมือนจะสื่อว่าเธอพูดแบบนี้ต้องการอะไรรึเปล่าพลางชำเลืองมองไปที่เซี่ยหลิงหลิง
ในฐานะที่เป็นตัวแทนที่โดดเด่นของด้านการสำเร็จการศึกษาของโรงเรียนเขาได้รับเชิญให้กลับไปเพื่อเฉลิมฉลองที่โรงเรียนแต่เฉิงรุ่ยไม่ชอบความวุ่นวายเสียงดังจึงบริจาคเงินให้ผู้อำนวยการโรงเรียนไปหนึ่งล้านหยวน
ในตอนนั้นสมองของเซี่ยหลิงหลิงก็มีพล็อตเรื่องส่วนหนึ่งพรั่งพรูออกมาเธอมองเฉิงรุ่ยด้วยสายตาที่อบอุ่นจากนั้นเธอก็วางแผนที่จะหาคำพูดมาเพื่อปลอบใจเฉิงรุ่ย
เฉิงรุ่ย“หนังไก่เป็นตะปุ่มตะป่ำขึ้นมาแล้ว”
เซี่ยหลิงหลิง:“???”
ที่แท้เธอก็ไม่ได้ประเมินค่าตานี่สูงเกินไป
……
สุดท้ายแล้วเพื่อที่จะทำให้เฉิงรุ่ยได้เข้าบริษัทสักสองสามวันถูหนานจึงหาเรื่องให้เซี่ยหลิงหลิงหยุดพักงาน
ที่จริงแล้วก็ไม่ได้นับว่าเป็นการพักงานแค่ให้เธอเตรียมข้อมูลอยู่บ้านสองสามวันที่ผ่านมานี้ก็เข้าร่วมการประชุมโดยตลอด
ในที่สุดก็ได้เจอบอสที่ไม่ได้เห็นหน้าค่าตามานานถูหนานกับเจียวฝันถอนหายใจออกมาเหมือนรู้สึกว่าเป็นลูกนกที่ถูกเฉิงรุ่ยปล่อยออกมาให้เป็นอิสระ
“บอสในที่สุดก็มาสักที!”
“เค้าคิดถึงตะเองมากๆเลย!”
เฉิงรุ่ยมองถูหนานด้วยสายตาที่โหดร้ายไปทีหนึ่งสิ่งนี้ทำให้เขาฟื้นความโหดของตัวเองกลับมาคนที่เหลือก็นั่งรอให้เฉิงรุ่ยมาเปิดการประชุม
เจียวฝันขยี้ตาด้วยความแปลกใจ“บอสครับผมมีบางอย่างไม่เข้าใจทำไมถึงให้พี่สะใภ้รู้ว่าบอสอยู่ที่นี่ไม่ได้ล่ะครับ”
เฉิงรุ่ยตอบกลับอย่างนิ่งเฉย:“เพราะหล่อนไม่รู้ว่าผมคือบอสของเจียเฉิง”
คนอื่นๆ:“ห้ะ?!”
ฝู้จื่อเฉิงทำหน้างงๆ“บอสใจร้ายจังแต่งงานก็แต่งกันแล้วทำไมต้องปิดบังภรรยาตัวเองด้วยล่ะครับ”
เจียวฝัน“นั่นสิเกินไปแล้วนะครับ”
ถูหนาน“บอสผมไม่นึกเลยว่าจะมีคนแบบคุณในโลกนี้จริงๆ”
เฉิงรุ่ยโดนลูกน้องรุมแต่ก็ยังหน้านิ่งมองจอคอมพิวเตอร์ของตนต่อไป“เอาล่ะมาพูดถึงหัวข้อที่พวกเราจะมาแลกเปลี่ยนวันนี้กันเถอะ….”
บนจอโปรเจคเตอร์เขียนไว้อย่างชัดเจนว่า...
‘ทำอย่างไรให้ภรรยารู้ตัวตนให้เร็วที่สุดมีประสิทธิภาพดีที่สุดและยอมรับในตัวตนที่แท้จริงของสามีได้’
คนอื่นๆ:“.....”
ดูเหมือนว่า...เขาจะไม่กล้าบอกพี่สะใภ้นะ
พวกเขาพากันสลดหดหู่ทันที
อย่าให้พูดถึงผู้หญิงสมัยนี้เลยไม่มีใครเกลียดเงินหรอกถ้ารู้ว่าสามีตัวเองเป็นประธานใหญ่ของบริษัทแถมยังเป็นบริษัทที่ตัวเองชอบแบบนี้ก็เหมือนเป็นเรื่องดีที่ฟ้าบันดาลมาให้ไม่ใช่รึไงทำไมถึงไม่กล้าบอกภรรยานะ
ถูหนานพูดออกมาเบาๆ“คุณก็ทำใจให้สบายแล้วก็เปิดเผยตัวตนของคุณเลยสิบอสหล่อนไม่โทษคุณหรอกว่าไม่ยอมบอกแต่เนิ่นเนิ่นแรกๆอาจดูโกรธหน่อยแต่จากนั้นไปก็จะเอาเงินไปใช้สอยอย่างมีความสุขเองแหละถ้าหล่อนยังโกรธคุณก็ซื้อห้องที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้าสวยๆกับกระเป๋าให้สักห้องดูสิพี่สะใภ้ต้องดีใจจนเนื้อเต้นแน่เลยแล้วถ้าพี่สะใภ้ยังไม่หายโกรธก็หย่าไปเลยดีมั้ยครับ”
เฉิงรุ่ยพูดอย่างขำๆ“ใช่”
ถูหนาน:“.....ขอโทษที่รบกวนครับถือว่าผมไม่ได้พูดละกันนะครับ”
ราวกับว่านี่ไม่ใช่แค่ปัญหาในครอบครัวขั้นวิกฤตถูหนานพ่ายแพ้ให้กับผู้หญิงอย่างสมบูรณ์
การอภิปรายที่เข้มข้นใช้เวลาไปหนึ่งชั่วโมงทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าการปล่อยให้เซี่ยหลิงหลิงยอมรับความจริงนั้นอาจจะดูกะทันหันเกินไปควรเปิดเผยตัวตนอย่างค่อยเป็นค่อยไปทีละขั้นตอนเพื่อให้เธอยอมรับในความจริงนั้นได้
ทุกคนลิสต์รายการเป็นกรณีๆไปแต่ละข้อก็มีข้อเสนอแนะสามถึงสี่อันพวกเขาทำเรื่องที่เรียบง่ายในชีวิตประจำวันให้กลายเป็นการวิเคราะห์ทางธุรกิจที่ยุ่งยาก
แต่ก็พูดได้ว่าได้ผลเกินคาดมาก
ในตอนนั้นเองก็มีคนเคาะประตู
ถูหนาน:“เชิญครับ!”
ประตูถูกเปิดออกอย่างช้าๆมีร่างหนึ่งเดินเข้ามาที่แท้ก็เป็นเซี่ยหลิงหลิงคนที่ไม่ควรปรากฏตัวที่นี่
ในมือของเธอถือแปลนออกแบบเธอเดินเข้ามาเบาๆอย่างจริงจังทันในนั้นเซี่ยหลิงหลิงก็ยืนงงอยู่ที่เดิม
เธอมองกลุ่มคนที่นั่งอยู่ในออฟฟิศที่นั่งล้อมเฉิงรุ่ยอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรหน้าจอก็ยังเปิดอยู่แต่เซี่ยหลิงหลิงมาไม่ทันที่จะเห็นสิ่งที่ปรากฏบนหน้าจอ
“……”
“……”
นี่เหมือนจะเป็นการประชุมที่นองเลือด
“พี่สะใภ้มาที่นี่ได้ยังไง”ถูหนานเรียกเซี่ยหลิงหลิงว่าพี่สะใภ้อย่างไม่คาดคิดจากนั้นเขาก็เอาฝ่ามือมาพัดๆตัวเอง“ขอโทษครับผมเผลอหลุดปากไป”
ในตอนนั้นก็มีเสียงกรีดร้องอยู่ในใจของคนในห้องนั้นพวกเขาต่างก้มหน้าก้มตาทำเหมือนไม่รู้เรื่องไม่กล้าที่จะสบตาเซี่ยหลิงหลิง
มีเพียงเฉิงรุ่ยที่ยังสุขุมและใจเย็นอยู่
เขาสุขุมมากๆ
สุขุมซะจนพูดอะไรไม่ออกแล้วณจุดๆนี้
“ทำไมเฉิงรุ่ยถึงอยู่ที่นี่ล่ะ”
เซี่ยหลิงหลิงงงหนักกว่าเดิม
“ฉันรบกวนการคุยงานของพวกเธอรึเปล่า”
เฉิงรุ่ยยื่นมือมากดสวิตซ์เปิดคอมพิวเตอร์จอแบนแล้วพูดว่า:“มาเจราจาเกี่ยวกับปัญหาในการทำงานของฉันน่ะ”
เซี่ยหลิงหลิง:“.....ทำไมนายถึงมานั่งเก้าอี้ของประธานบริษัทหล่ะ”
เฉิงรุ่ย:“......”
คนอื่นรู้สึกกลัวไม่อยากให้เซี่ยหลิงหลิงถามต่อไปโครงการเอบีซีที่คุยกันไว้ก็ไม่ได้ใช้้ต้องค่อยเป็นค่อยไปจะรีบร้อนไม่ได้
“พี่สะใภ้บอสบอกว่าไม่ให้บอกน่ะ!”
“นี่เป็นเรื่องในครับครัวก็ให้ผมจัดการเองเถอะ!”
“ครับๆพวกเราออกไปก่อนนะครับ”
เซี่ยหลิงหลิง“นี่มาอธิบายให้เข้าใจก่อนค่อยไปสิ!”
เสียงของเธอค่อยๆถูกกลืนลงคอคนอื่นก็หนีไปจนไม่เห็นเงาแล้วเหลือเพียงแค่เธอกับเฉิงรุ่ยที่อยู่ในห้องประชุมที่เต็มไปด้วยความเงียบกันอยู่สองคนดูเงียบวังเวงและอึดอัด
เซี่ยหลิงหลิงไม่ได้โง่เธอสงสัยมาตั้งนานแล้วว่าทำไมถูหนานกับพรรคพวกถึงดูแลเธอดีขนาดนี้และแล้วความสัมพันธ์ของพวกถูหนานที่เป็นปริศนาก็ถูกไขกระจ่างแล้ว
เซี่ยหลิงหลิงถอนหายใจเฮือกใหญ่ไปทีหนึ่ง
“ที่แท้ก็แบบนี้นี่เองฉันก็ว่านายจะเก่งยังแต่ก็เป็นเทพที่ออกมาจากวงการแข่งขันที่บอสสองสามคนนั่นทั้งเคารพและดีกับนายมิน่าล่ะที่พวกเขาไม่ค่อยอะไรกับฉัน
เฉิงรุ่ยยังคงเงียบต่อไป
“ที่แท้นายก็คือประธานบริษัทเจียเฉิง
เซี่ยหลิงหลิงไม่เชื่อแม้แต่ตัวเอง
มีบอสของบริษัทใหญ่ที่ไหนที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังเกาทุกวันเอาแต่หมกอยู่ในบ้านไม่คิดจะออกมาดุโลก
เซี่ยหลิงหลิงยังไม่ค่อยแน่ใจด้านความสามารถในการเข้าใจเหตุผลบอกว่านี่มันก็สอดคล้องกับตรรกะแต่ในความรู้สึกยังรู้สึกรับไม่ค่อยได้เท่าไหร่
เฉิงรุ่ยลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปด้านหน้าของเซี่ยหลิงหลิง
“ฉันไม่ต้องการให้เธอรับผิดชอบเรื่องปัญหาเกี่ยวกับธุรกิจและครอบครัวเธอแค่ต้องทำงานที่เธอชอบทำตามใจตัวเองก็โอเคแล้ว”
เซี่ยหลิงหลิงตกใจ“นายเลี้ยงฉันสิ”
เฉิงรุ่ย:“อืม”
เซี่ยหลิงหลิง“...”
ขอโทษนะประโยคนี้มันเหมือนท่านประธานที่มีอำนาจบาตรใหญ่มาก
ในสมองเซี่ยหลิงหลิงสับสนมากเธอถอยหลังไปสองสามก้าว“ฉันขอตัวไปเงียบๆก่อนนะ”
ตอนแรกแค่คิดอยากจะเป็นสาวรวยตัวน่อยๆตอนนี้กลับกลายเป็นคนรวยเซี่ยหลิงหลิงนึกได้ว่าตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ฐานะของเธอกับเฉิงรุ่ยไม่ได้อยู่บนเส้นเดียวกันเขาเป็นเจ้านายใหญ่ของเจียเฉิงและยังเคยเป็นผู้สืบทอดเฉิงกรุ๊ป
แต่ตัวเอง...
เซี่ยหลิงหลิงถอนหายใจออกมา“ฉันว่าหรือว่าพวกเราจะ…”
เขาก้มหัวลงทันใดนั้นก็ดึงเซี่ยหลิงหลิงไว้แน่นเหมือนกับว่าเป็นการขอร้องและพูดออกมาเบาๆ
“อย่าไป”
อัพเดทครั้งหน้า วันที่9 พ.ย. 2019
จะมาในเร็วๆนี้ โปรดอดใจรอก่อน