ตอนที่ 33   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 33
ต๭นที่ 33 ไป๋เซวียนเซวียนยังคงไม่ยอมแพ้ เธอมองกู้โหยวด้วยดวงตาที่มีน้ำตาคลอ “พี่กู้ พวกคำนั้นฉันไม่ได้ตั้งใจพูดออกมา พี่ไม่ต้องใส่ใจนะ ที่เรารู้จักกันมานานหลายปี ฉันอยู่ในฐานะอะไร พี่ยังไม่แน่ชัดอีกเหรอ” กู้โหยวขมวดคิ้วแน่น “คนเราก็เปลี่ยนง่ายแบบนี้เหละ” ใบหน้าเล็กๆของไป๋เซวียนเซวียนขาวซีด “นี่หมายความว่ายังไง บอกว่าฉันเปลี่ยนไปเหรอ” กู้โหยวถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “กลับไปเถอะ กู้โหยวเปลี่ยนไปได้รวดเร็วขนาดนี้จะให้ไป๋เซวียนเซวียนกล้าที่จะเฃื่อว่าเป็นความจริงได้ยังไง ทันใดนั้นเธอก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ไม่แน่ว่าภรรยาตัวจริงของกู้โหยวจะปรากฏตัวขึ้นแล้ว ไป๋เซวียนเซวียนอกสั่น หายใจหอบถี่มาก เธอถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “หรือว่านายมีคนที่ชอบแล้วงั้นเหรอ” หลังจากเธอพูดออกมา ก็ทำให้กู้โหยวนิ่งไปชั่วขณะ กู้โหยวเลียปาก ในสมองของเขามีภาพของคนคนหนึ่งผุดขึ้นมาในความทรงจำอย่างไม่คาดคิด “คงจะอย่างนั้นมั้ง” ไป๋เซวียนเซวียนเหมือนท้องฟ้าสดใสที่อยู่ดีๆก็มีฟ้าผ่าลงมา อยู่ดีๆน้ำตาของเธอก็ไหลลงมาเป็นสายฝน จากนั้นเธอก็หันหลังแล้ววิ่งหนีไป สายตาของกู้โหยวมองตามเธอไปจนลับตา สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้ตามเธอไป …… เซี่ยหลิงหลิงจามออกมาทีหนึ่ง แปลกมาก มีใครนินทาเธออยู่รึเปล่านะ ข้อตกลงการหย่าร้างมีเพียงแค่การลงนามเท่านั้น แต่ยังไม่มีคนลงนามเป็นพยาน เซี่ยหลิงหลิงกะว่าจะจัดการเรื่องการย้ายทะเบียนราษฎร์ให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นค่อยร่วมใช้ชีวิตกับเฉิงรุ่ยต่อไป “กุกกักๆ” “กุกกักๆ” เธอหาทั่วจนแทบจะคว่ำลิ้นชักแล้ว เซี่ยหลิงหลิงก็ยังหาใบข้อตกลงในการหย่าไม่เจอ สุดท้ายแล้วเธอก็เจอมันอยู่ในลิ้นชักชั้นล่างสุด แต่เธอก็พบว่า …...ตรงจุดที่เอาไว้ลงนาม…. กลายเป็นหลุมใหญ่หลุมหนึ่งไปแล้ว เซี่ยหลิงหลิงโทรหาเฉิงรุ่ยทันที ฝ่ายตรงข้ามไม่รับสาย เซี่ยหลิงหลิงยังคงโทรต่อไป และเธอก็ทำข้อตกลงนั้นด้วยลายมืออีกฉบับหนึ่ง โชคดีที่ข้อตกลงที่เขียนด้วยลายมือนั้นไม่ได้รับความเสียหาย แต่ทว่าวันนี้นี่เองที่เซี่ยหลิงหลิงได้เห็นลายเซ็นที่อยู่บนช่องลงนามของข้อตกลงการหย่าอย่างชัดเจน เฉิงซิ่ว???? ทำไมตานั่นถึงเซ็นชื่อว่าเฉิงซิ่วล่ะ อีตาบ้านี่อะไรของมันวะ! เซี่ยหลิงหลิงพูดอะไรไม่ออกจริงๆ เธอคงจะต้องยอมแพ้ให้กับสมองของเฉิงรุ่ย เซี่ยหลิงหลิงต่อสายไปหาเฉิงรุ่ยอีกครั้ง ในที่สุดเขาก็รับสาย เซี่ยหลิงหลิงตวาดไปด้วยน้ำเสียงที่โมโหและน่ากลัว“กลับมาโดนตีเดี๋ยวนี้เลยนะ!” เฉิงรุ่ยที่อยู่ปลายสายตอบกลับมาด้วยความเชื่องช้า “ใช้เงินหมดแล้วเหรอ” เซี่ยหลิงหลิง “ยังไม่ได้ใช้เงินขนาดนั้นซะหน่อย...นายลองคิดดีดีว่านายไปทำวีรกรรมอะไรไว้ นายทำลายสัญญาแล้วใช่มั้ย” เฉิงรุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่ไร้เดียงสา “เป็นไปได้ยังไง หนูคงจะแทะละมั้ง” เซี่ยหลิงหลิง “....” มันคงจะเป็นหนูตัวใหญ่ที่ชื่อว่าเฉิงรุ่ยแน่ๆ เซี่ยหลิงหลิงใจเย็นมาก “นายอยู่ไหน ฉันจะไปหา” เฉิงรุ่ยตกใจจนเงียบไปสองสามวินาที “ฉันออกมาทำงานนอกสถานที่น่ะ” เสียงของเขาตะกุกตะกัก ฟังดูก็รู้ว่าโกหกอยู่ เสียงของเฉิงรุ่ยเงียบไปไม่นาน ก็มีเสียงตะโกนของถูหนานดังลั่นออกมาจากปลายสาย “บอส คุยมือถือเสร็จยังครับ” เซี่ยหลิงหลิง “.....” เฉิงรุ่ย “.....กับถูหนาน” เซี่ยหลิงหลิง “ฉันจะไปที่บริษัทเดี๋ยวนี้ รอฉันก่อนเหอะ” วันนี้เธอถูกเฉิงรุ่ยทำเอางงไปหมด จนทำให้ลืมโปรแกรมต่อไป ตอนนี้เซี่ยหลิงหลิงรู้สึกกลัดกลุ้ม เพราะเธอไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมเฉิงรุ่ยถึงต้องทำแบบนี้ เซี่ยหลิงหลิงวางสาย เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปหาเฉิงรุ่ย บริษัทอยู่ไม่ไกลมากนัก เซี่ยหลิงหลิงไปถึงได้ในระยะเวลาอันสั้น วันนี้ไม่มีงานทำ เหล่าเมิ่งลาป่วย เซี่ยหลิงหลิงก็ลาหยุดหนึ่งวัน ใครจะคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เธอก้าวเท้าที่สวมรองเท้าส้นสูงอย่างไว จนเกิดเสียงดังบนพื้น ในตอนที่เลี้ยวโค้งก็เกือบจะชนกับฝ่ายตรงข้ามเข้า เซี่ยหลิงหลิงหน้ามืด แต่โชคดีที่ฝ่ายตรงข้ามตอบสนองเร็วกว่าเธอ คนคนนั้นจับแขนของเธอไว้แน่นและมั่นคง “ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ…” เซี่ยหลิงหลิงเงยหน้าขึ้นตามสัญชาตญาณ แต่กลับเป็นว่าคนตรงหน้าคือกู้โหยว เธอตกใจเล็กน้อย “กู้โหยว? คุณมาที่นี่ได้ยังไง” กู้โหยวยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “มีเรื่องที่ต้องจัดการน่ะ คุณมาทำงานเหรอ” ….เซี่ยหลิงหลิงพยักหน้า “มีเรื่องที่ต้องจัดการเหมือนกัน กู้โหยว “งั้นไปด้วยกันมั้ยครับ” “ค่ะ” เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ทำให้ทั้งสองรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เซี่ยหลิงหลิงไม่กล้าจะเอ่ยถามถึงเรื่องนั้น เพื่อเลี่ยงไม่ให้เขาเข้าใจผิด ทั้งสาวก้าวเดินไปด้วยกันด้วยฝีเท้าที่ไม่เร็วมากนัก กู้โหยวรู้จักที่จะรักษาระยะห่าง พูดก็พูดอย่างมีน้ำหนักในการพูด พอได้พูดคุยกันอย่างใกล้ชิด เซี่ยหลิงหลิงก็เห็นว่าเขาเป็นคนที่ไม่ได้มีจิตใจไม่ดีแต่อย่างใด แถมเธอยังดีใจแทนเขาด้วย ผ่านช่วงเวลานี้ไป กู้โหยวก็ต้องหมั้นกับไป๋เซวียนเซียนแล้วสินะ ชีวิตที่ดีงามในทุกๆวันของไป๋เซวียนเซวียนกำลังจะมาถึงในไม่ช้า ตอนที่เซี่ยหลิงหลิงเดินลงบันไดตึกใหญ่ไปกับกู้โหยว เฉิงรุ่ยก็ออกจากประตูใหญ่พอดี เซี่ยหลิงหลิงก็หันมาคุยกับกู้โหยว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ทันใดนั้นเธอก็เห็นเงาของเฉิงรุ่ย เธอตกใจจนสะดุ้งโหยง จนเกือบจะล้มลง “ระวัง” กู้โหยวประคองเซี่ยหลิงหลิงไว้ เซี่ยหลิงหลิงตกใจจิตหลุดจนยืนไม่มั่นคง กระเป๋าที่เธอสะพายหล่นลงไปที่พื้น ข้าวของข้างในกระเด็นออกมากระจัดกระจาย นอกจากมือถือกับเครื่องสำอางค์จำนวนหนึ่ง ก็ยังมีเอกสารอีกสองฉบับ พอกวาดตามองก็เห็นได้เลยว่ามีคำว่าใบหย่าตัวใหญ่ๆอยู่ กู้โหยวเห็นใบหย่าก็นิ่งไปสักพัก แล้วหันไปมองเซี่ยหลิงหลิงอีกครั้ง “อ๊ะ ขอโทษค่ะ ขอโทษ” เซี่ยหลิงหลิงรีบร้อนเก็บข้าวของยัดใส่ลงในกระเป๋า กู้โหยวเงยหน้าขึ้น ก็เห็นเฉิงรุ่ยก้าวลงบันไดมาสองสามก้าวยื่นมือมาพยุงเซี่ยหลิงหลิงขึ้นมา แล้วถามด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน เนิบช้า “ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย” เซี่ยหลิงหลิงโกรธจนผลักเขาไปอย่างเล่นตัวเล็กน้อย “ไม่สนใจนายแล้ว เป็นนินจาที่จะโผล่มาตอนไหนก็ได้รึไง ไปไกลๆเลยนะ” “อื้ม” เซี่ยหลิงหลิงทักทายกู้โหยวได้พักหนึ่งก็ถูกเฉิงรุ่ยดึงออกมา กู้โหยวมองตามเขาทั้งสองเดินจากไปจนลับตา ในสมองเขายังนึกถึงใบหย่าฉบับนั้นอยู่ ในขณะนั้นเขาก็บืมไปแล้วว่าเขามาเพื่อจะทำอะไร …… เซี่ยหลิงหลิงออกมาจากบริษัทพร้อมกับเฉิงรุ่ย พวกเขาอยู่ที่ถนนด้านนอก ใบหน้าของเธอไม่ได้ยิ้มแย้มเหมือนตอนที่คุยกับกู้โหยว หน้าตาคร่ำเครียดเหมือนกับคนที่ติดหนี้ ทั้งสองคนเข้าไปในร้านกาแฟอย่างเงียบเชียบ นั่งลงและสั่งขนมมากองหนึ่งใหญ่ๆ หลังจากที่ออนเนียนริง ข้าวมันไก่ เผือกม้วนเฟรนฟรายส์ และเครื่องดื่มมาเสิร์ฟถึงโต๊ะ จึงจะเริ่มเปิดบทสนทนาอย่างเป็นทางการ เซี่ยหลิงหลิงถาม "ทำไมต้องทำลายใบหย่าด้วย" เฉิงรุ่ยถามออกมาอย่างเชื่องช้า “ทำไมต้องหย่า?” เซี่ยหลิงหลิงนิ่งไปพักหนึ่ง “หมายความว่ายังไง” “ตอนนี้เธอมีคนที่ชอบแล้วเหรอ” “ห้ะ ไม่มี” “ใช้ชีวิตแบบนี้ในตอนนี้ไม่สุขสบายเหรอ” “....สุขสบายดี” “งั้นรอให้เธอตัดสินใจเปลี่ยนก่อนแล้วค่อยหย่าเถอะ” เซี่ยหลิงหลิงงงในคำพูดของเฉิงรุ่ย เธอรู้สึกว่าที่เขาพูดมาก็มีเหตุผลอยู่ เธอสูญเสียความคิดไปชั่วขณะหนึ่ง คิดไตร่ตรองถึงตรรกวิทยาแต่ก็เหมือนกับว่าจะไม่มีเหตุมีผลเอาเสียเลย เซี่ยหลิงหลิงกังวลเล็กน้อย เธอรู้สึกกลัดกลุ้ม ไม่นึกเลยว่าเฉิงรุ่ยจะพูดโน้มน้าวเธอได้ เธอกินเฟรนฟรายส์อย่างกลัดกลุ้ม แล้วพูดความเห็นที่หักล้างออกมา “จะมีคนรักคนใหม่” เฉิงรุ่ย “ห้ะ” ดังนั้น ในช่วงความทรงจำสามวินาทีของเซี่ยหลิงหลิงได้ลืมเรื่องที่จะถามเหตุผลในการทำลายใบหย่าของเฉิงรุ่ย ในตอนเย็น ในแผนกมีร่วมรับประทานอาหาร เหล่าเมิ่งไม่อยู่ แต่เซี่ยหลิงหลิงก็เลี่ยงไม่ร่วมไม่ได้ ถึงแม้ว่าเธอจะสามารถให้ถูหนานปฏิเสธให้ได้ แต่เพื่อที่จะปรับตัวให้เข้ากับบรรยากาศ เซี่ยหลิงหลิงรู้สึกว่าพวกไปเข้าร่วมทานอาหาร เพื่อจะได้เป็นผลดีต่อตัวเองในภายภาคหน้า ที่บริษัทหลายวันมานี้ ที่จริงเธอมีปฏิสัมพันธ์กับเหล่าเมิ่งและถูกนานมาโดยตลอด พวกพนักงานที่อยู่เบื้องล่างไม่ไม่ใครคิดที่จะทำแบบนี้ พอเซี่ยหลิงหลิงเดินเข้ามาในห้องที่จัดเลี้ยง ก็มีเสียงร้องคำรามของชายหนุ่มสองสามคน “โว้วววววว วันนี้สาวสวยก็มาสักที” มีบางคนที่ไม่ค่อยเคารพ ให้เกียรติเธอด้วยความจริงใจ ไม่นึกว่าขนาดอยู่ในกระบวนการการผลิตเกมพวกเขาไม่ได้รู้ถึงความสามารถที่แท้จริงของเซี่ยหลิงหลิง เซี่ยหลิงหลิงไปนั่งข้างๆผู้หญิงอย่างเกรงอกเกรงใจ คนนั่งกระจัดกระจายอยู่สองสามคน อารมณ์ล้วนต่างกัน เกรงว่าจะเหมือนกับงานเลี้ยงที่จะทำร้ายคน เซี่ยหลิงหลิงยิ้มเล็กน้อยเป็นการทักทาย “ทำเป็นเสแสร้ง” เธอทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังคงนั่งนิ่งๆแต่ในใจลุกลนอยู่บนเก้าอี้ต่อไป ทุกคนเริ่มเม้ากัน สงสัยฐานะของเซี่ยหลิงหลิงไปโดยธรรมชาติ ถามไม่หยุด เซี่ยหลิงหลิงแค่พูดไปว่าแต่งงานแล้ว ทำให้พนักงานชายหงอยกันไปตามระเบียน พอคุยไปคุยมาอาหารก็มา เซี่ยหลิงหลิงตั้งใจรับประทานอาหาร แแล้วได้ยินผู้หญิงสองสามคนที่นั่งอยู่ข้างๆแอบหัวเราะ “ดูท่าทางอย่างหล่อน ก็คงเป็นคนบ้านนอก” “ใช่ๆ ทำยังกับคนที่ไม่เคยเห็นอาหารโต๊ะใหญ่มาก่อน” ทันใดนั้นเซี่ยหลิงหลิงที่กำลังทานอาหารอยู่ก็หันไปมองผู้หญิงสองสามคนนั่น ดวงตาที่เฉียบคมของเธอตอนที่ไม่ได้ยิ้มนั้นขนตางอนขึ้น มีแรงทำลายมหาศาล กลุ่มสาวเหล่านั้นตกใจจนเงียบเสียงไป วินาทีถัดมา สายตาอำมหิตก็เปลี่ยนเป็นตาหยี่โค้งๆ “ขอโทษด้วยนะคะ ทำให้พวกคุณตลกไปด้วย” “เปล่า เปล่า...” ผู้หญิงสองสามคนนั่นรีบส่ายหน้า เซี่ยหลิงหลิงทำหน้าตาสวยๆไว้ พอดูก็รู้ว่าไม่ควรที่จะเข้าไปกวนประสาท พวกผู้หญิงสองสามคนนั่นเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาทันทีว่าเซี่ยหลิงหลิงก็ไม่ใช่คนที่ควรไปแกล้ง ทันในนั้นก็เงียบไป ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆพูดออกมาเบาๆว่า “อย่าไปสนใจพวกหล่อนเลย พวกนั้นก็ชอบจับกลุ่มนินทากันแบบนี้แหละ” เซี่ยหลิงหลิงยิ้มออกมาเล็กน้อย "ขอบคุณนะ" จะทานข้าวก็ต้องมีเหล้าร่วมด้วย ไวน์แดง เหล้าขาววางเรียงหลายขวด แล้วทยอยโน้มน้าวให้ดื่มทีละคนๆ พวกลุงแก่ๆ โน้มน้าวให้พวกพนักงานผู้หญิงดื่มเหล้า และแก้วหนึ่งก็ถูกรินให้กับเซี่ยหลิงหลิง ถือเป็นการอวยพรให้กับพนักงานคนใหม่ เซี่ยหลิงหลิงฟุบลงกับโต๊ะ ยังดีที่เป็นแค่แก้วเล็กๆ เธอคอไม่แข็งมากนัก ดื่มไวน์แดงก็เมาแล้ว ไม่ทันไรเซี่ยหลิงหลิงก็เริ่มเมาแล้วจริงๆ ปาร์ตี้จบแล้ว มีเพื่อนร่วมงานหลายคนที่อยากจะลองส่งเธอกลับบ้านบ้าง แม้ว่าจะมีครอบครัวแล้ว แต่ก็อยากจะหาความสุขใส่ตัวสักหน่อย คนสวยอย่างนี้ แค่ได้มองก็เป็นบุญตาแค่ไหนแล้ว เซี่ยหลิงหลิงดูมึนๆงงๆ มือของเธอแตะไปที่หัวของตน เธอหรี่ตาลง แล้วส่งข้อความให้เฉิงรุ่ย [นายมารับฉันหน่อยสิ] พร้อมระบุตำแหน่งจีพีเอส พวกเพื่อนร่วมงานก็รีบร้อนพากันส่องดูว่าเธอทักหาใคร เซี่ยหลิงหลิงถูหัวคิ้ว พลางโบกมือปฏิเสธไปมา และในตอนนั้น มีร่างสูงเดินตรงมาจากระเบียง เขาเดินอย่างสบายๆ แต่กลับมีความแข็งแกร่งอยู่ภายใน กลุ่มเพื่อนร่วมงานที่มีเสียงดังก็เงียบเสียจนได้ยินเสียงเข็มหล่นลงพื้นได้อย่างชัดเจน ผู้ชายคนนั้นก็คือ…... ที่เห็นตรงหน้าคือเงาคนมืดๆ ที่มีแสงสาดส่องผ่านศีรษะ เซี่่ยหลิงหลิงขยี้ตา แล้วเงยหน้า ก็พบว่าเฉิงรุ่ยอยู่ตรงหน้า เขายืนตรงแสงไฟส่องมาจากข้างหลัง ก็เลยมองเห็นสีหน้าเขาไม่ค่อยชัด แค่รู้ว่าสายตาคู่นั้นกำลังจ้องมองเซี่ยหลิงหลิงอยู่ ทันใดนั้นเธอก็เอาเฉิงรุ่ยเข้ามากอดในอ้อมอกด้วยความอบอุ่น "พี่รุ่ย พี่ก็มาเหรอ" "!!!" เพื่อนร่วมงานจับจ้องเป็นตาเดียว อัพเดทครั้งหน้า วันที่12 พ.ย. 2019 จะมาในเร็วๆนี้ โปรดอดใจรอก่อน
已经是最新一章了
加载中