ตอนที่ 34
ตนที่ 34
แผ่นหลังของเฉิงรุ่ยปวดไปหมด แข็งจนเหมือนกับท่อนไม้ “...”
เซี่ยหลิงหลิงยังคงไม่รู้สึกตัว เธอเลื้อยไปพิงที่ร่างของเฉิงรุ่ยอย่างอ่อนปวกเปียกเหมือนกันเถาองุ่น ท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย เธอมุดเข้าไปคลอเคลียอยู่ในอ้อมอกของเฉิงรุ่ย
ใบหน้าเล็กๆที่เหมือนไข่แดง ราวกับใบหน้าขาวนวลที่ถูกแสงตะวันยามเย็นสาดส่อง ดวงตาสีพีชของเธอมีแสงที่สาดมากระทบให้เห็นเป็นระยิบระยับจนทำให้คนรู้สึกเคลิ้มตาม
พวกพนักงานที่อยู่รอบๆค่อยๆวิจารณ์สถานะของผู้ชายเจ้าสำอางค์คนนี้
ดูท่าทางแล้วน่าจะเป็นสามีของเซี่ยหลิงหลิง ผู้ชายดูฉลาดหลักแหละ ผู้หญิงก็เรียบร้อยมีมารยาท ดูเข้าคู่เหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากจนทำให้คนรอบข้างอิจฉา
เฉิงรุ่ยก้มหัวลงแล้วลากเซี่ยหลิงหลิงไปเหมือนกับวัวอยู่ท่ามกลางสายตาของพวกเขา
เซี่ยหลิงหลิงไม่ค่อยให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่
สมองของเธอในตอนนั้นเบลอไปหมด แม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ เธอกางแขนทั้งสองออก แล้วยืนอยู่ที่เดิมพร้อมกับดวงตาที่เมามายที่ดูพร้อมจะร่วงไปกองกับพื้นได้ตลอดเวลา
เธอพูดว่า “แบกฉัน”
เฉิงรุ่ย “.....”
เพื่อนร่วมงานผู้ชายที่อยู่รอบๆนับถือในเรี่ยวแรงของเฉิงรุ่ยจริงๆ ถ้าพวกเขาถูกสาวสวยออดอ้อนแบบนี้บ้างจะเป็นยังไง เฉิงรุ่ยยืนถอนหายใจอยู่ที่เดิม ไม่ทันไร เขาก็ทำเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิด
อยู่ดีๆเขาก็คุกเข่าลงข้างหนึ่ง จับเอวเซี่ยหลิงหลิงให้ลุกขึ้นยืน แล้วแบกเซี่ยหลิงหลิงที่สะลึมสะลือเหมือนกระสอบบนไหล่ของเขา
เขาถอนหายใจออกมาอย่างเชื่องช้า ราวกับว่าเขาแบกหมูด้วยมือด้วยอย่างไรอย่างนั้น
"เธอเนี่ยหนักจัง"
เหล่าผู้คนในงาน “???”
นี่คือคำที่คนควรพูดออกมางั้นเหรอ
เซี่ยหลิงหลิงที่กึ่งหลับกึ่งตื่นหูอื้ ได้ยินสิ่งที่เฉิงรุ่ยพูดไม่ชัดเจน เธอวางฝ่ามือของเธอไว้บนไหล่ของเฉิงรุ่ย ได้ยินแค่เสียงตบไหล่ทีหนึ่ง เซี่ยหลิงหลิงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน “เอาฉันลง!”
เฉิงรุ่ยไม่สนการต่อต้านจากเธอ แบกเธอขึ้นไปเหมือนกระสอบ แล้วเดินไปทั้งอย่างนั้น
เหลือแต่ความเงียบของแขกอยู่ในงานที่มองหน้ากันไปมาอย่างไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อดี “......”
เซียหลิงหลิงโวยวายตลอดทาง
พอขึ้นรถแท็กซี่ ส้นเท้าของเธอก็ปวดไปหมด เฉิงรุ่ยได้คิดไตร่ตรองเป็นอย่างดีในการที่จะล้อกเซี่ยหลิงหลิงให้มั่น ไม่ให้เธอก่อความวุ่นวายได้อีก
คนขับพูดออกมาอย่างไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไรดี “แฟนพ่อหนูขี้โวยวายจังเลยนะ”
เฉิงรุ่ยไม่ได้รีบตอบออกมาทันที ทันใดนั้นเขาก็ยื่นหน้าออกมาหาคนขับ ผมของเขายุ่งเหยิงรุงรังเหมือนผู้หญิง และพูดออกมาอย่างโกรธเคือง “พวกเราแต่งงานกันแล้ว!”
ล้อรถเสียดถนนดังเอี๊ยด คนขับแท็กซี่ตกใจมาก
“ดูแลหล่อนให้ดีนะ!”
เธอเอนมาอยู่ในอ้อมกอดของเฉิงรุ่ย เซี่ยหลิงหลิงที่เป็นตัวการก่อเรื่องก็พูดพึมพำออกมา “ใครอ่ะ ทำไมโหดจัง”
เฉิงรุ่ยจับหน้าของเธอไว้นิ่งๆ “....”
อยู่ดีๆคนขับแท็กซี่ ก็เหยียบเบรก จนทำให้ตำรวจสายตรวจเกิดความตื่นตระหนกจนขับรถตามไป คนขับรถสายตรวจเห็นว่าคนขับแท็กซี่ เหงื่อท่วมหน้า แถมยังมีชายชุดดำนั่งก้มหน้าอยู่เบาะหลังที่กำลังจับหน้าผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ และผู้หญิงที่นั่งพิงคนนั้นก็ดูไม่มีเรี่ยวมีแรง อ่อนปวกเปียกเหมือนกับโดนวางยา
ตำรวจสายตรวจ : (⊙o⊙)
ราวกับต้วนอี้หงที่แสดงเป็นตำรวจพบเป้าหมายที่ชื่อเติ้งเชาในเรื่อง Dead End ดวงตาของสายตรวจคนนั้นดูแข็งกร้าวและเต็มไปด้วยความโกรธ จากนั้นก็ชี้ไปที่คนขับที่นั่งอยู่ที่นั่งฝั่งคนขับ “จอดรถ!!!”
ไม่นึกเลยว่าจะลักพาตัวผู้หญิงไปขาย ช่างชั่วจริงๆ!
คุณลุงคนขับแท็กซี่ จิตหลุดไปแล้ว
ในสมองของคนขับแท็กซี่ รวนไปหมด ทีแรกเขาตั้งใจจะเหยียบเบรก แต่กลับเหยียบคันเร่ง รถแท็กซี่ ยังคงแล่นไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว สายตรวจจึงรีบร้อนหยิบโทรโข่งอันใหญ่ออกมา แล้วตะโกนเสียงดัง “รถคันข้างหน้า จอดเดี๋ยวนี้!”
ดีที่เฉิงรุ่ยค่อนข้างใจเย็น เขาโบกให้คนขับจอดรถทันที
รถวิ่งมาร้อยสองร้อยเมตร รถสายตรวจได้จอดอยู่รอบๆ
เซี่ยหลิงหลิงที่หลับอย่างงุนงงในอ้อมแขนพูดออกมา “ถึงบ้านแล้วเหรอ”
เฉิงรุ่ย "..." ดูเหมือนว่ายิ่งวิ่งจะยิ่งไกล
สายตรวจให้พวกเขาแสดงบัตรประจำตัวประชาชน โชคดีที่เฉิงรุ่ยพกกระเป๋าเงินมา มีบัตรประชาชนอยู่ในนั้น หลังจากสายตรวจโทรไปสองสามสาย เพื่อที่จะเช็คข้อมูลของทั้งสองคน ก็พูดอย่างดีใจว่า “สามีภรรยาหนุ่มสาวเล่นกันแบบนี้นี่เอง ดูน่าสนุกดีจริงๆ”
เซี่ยหลิงหลิงที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวพิงเฉิงรุ่ยอย่างสะลึมสะลือ แล้วก็หลับไปทั้งอย่างนั้น
เฉิงรุ่ยเรียกคนขับรถ ให้เขาไปส่งพวกเขาที่บ้าน เขาแบกเซี่ยหลิงหลิงลงไปเหมือนเดิม เซี่ยหลิงหลิงรู้สึกเหมือนฝันอยู่ แค่รู้สึกว่าหัวเธอหนัก แต่ปลายเท้าเธอเบา และรู้สึกอึดอัดในช่องท้องเล็กน้อย ในที่สุดเธอก็ถูกปล่อยลงบนเตียง เธอพลิกตัวและหลับอย่างสุขสบาย ขาที่เรียงยาวทั้งสองของเธอเหยียดออกแล้วสะบัดให้รองเท้าตกลงไปที่พื้น
เธอเริ่มม้วนเสื้อนอกขึ้น แล้วถอดมันออกไปพร้อมกับผ้าพันคอ พอเฉิงรุ่ยเริ่มเห็นเนื้อหน้าท้องที่ขาวนวลของเธอ เขาก็รีบดึงผ้าห่มมาห่อตัวเซี่ยหลิงหลิงไว้ทันที
ผ้าห่มถูกห่อไว้อย่างแน่นหนาจนเซี่ยหลิงหลิงกลายเป็นมัมมี่
เซี่ยหลิงหลิงที่ดิ้นไปไหนไม่ได้ลืมตาแล้วพูดออกมาเบาๆว่า “พี่รุ่ย...ฉันหิวน้ำ”
เซี่ยหลิงหลิงพูดพลางแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปาก เผยให้เห็นลิ้นที่ดูนุ่มนวล
อยู่ดีๆเฉิงรุ่ยก็รู้สึกว่าเขาก็ควรกินน้ำสักแก้ว
เขาหยิบหลอดอันหนึ่งออกมาใส่ในแก้วน้ำ เซี่ยหลิงหลิงหรี่ตาพลางกลืนน้ำไปครึ่งแก้ว ในที่สุดก็ไม่กระหายน้ำแล้ว
เฉิงรุ่ยวางแก้วน้ำ เตรียมตัวจะเดินออกไป แต่เซี่ยหลิงหลิงกลับพลิกตัว
เธอออกแรงที่จะขยับตัว เลื้อยไปมาราวกับดักแด้จนทั้งคนทั้งผ้าห่มร่วงจากเตียงไปทับเฉิงรุ่ย
เขายกข้อศอกมาดันเอาไว้ แล้วคำรามเสียงต่ำออกมีทีหนึ่ง
ผ้าห่มค่อยๆคลายออก ร่างกายที่อ่อนนุ่มของเซี่ยหลิงหลิงทับอยู่บนร่างของเขา ผมยาวสลวยของเธอเหยียดตรงอยู่บนไหล่ของเขา ทั้งสองใกล้กันจนเขาได้กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ที่มาจากคอกับใบหน้าของเซี่ยหลิงหลิง
ทั้งสองมุดอยู่ในผ้าห่มที่อบอุ่นนุ่มนวลราวกับว่านอนด้วยกันอย่างคลอเคลีย
เฉิงรุ่ยนิ่งเหมือนก้อนหิน ไม่ขยับไปไหน
เซี่ยหลิงหลิงที่อยู่ในอ้อมอกยิ้มอย่างสวยหวาน แล้วพูดออกมาด้วยอาการสะลึมสะลือ “พี่รุ่ย”
เสียงของเธอทั้งแหลมทั้งนุ่มนวลราวกับเป็นการออดอ้อนและยั่วยวน ใบหน้าของเฉิงรุ่ยยังคงนิ่งเฉย แต่ปลายหูของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง
เธอพิงอกของเขา แล้วหลับไปไม่ถึงสามวินาที ทันใดนั้นมือของเธอก็เคลื่อนขึ้นไปข้างบน “อา...ใครมันมาตีกลองในอกนายเหรอ”
เฉิงรุ่ยจับมือเธอไว้อย่างสงบนิ่ง “นอนซะ”
“แต่ว่า...”
“นอน”
“อือ”
ไฟหัวเตียงของห้องนอนที่สาดส่องกระทบทั้งสองที่นอนบนพื้นอย่างอบอุ่นยังสว่างอยู่ เซี่ยหลิงหลิงที่อยู่ในผ้าห่มยังคงหายใจอย่างคงที่
เฉิงรุ่ยนอนเกร็งๆอยู่บนพื้น ข้อศอกที่เขาเอามากันไว้ก็เริ่มเจ็บ แต่กลับขยับตัวไม่ได้เลย
เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ
แล้วก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
“……”
เซี่ยหลิงหลิงที่อยู่ในความฝันคิ้วขมวด แปลกจริง ทำไมเสียงตีกลองนี้มันเร็วขึ้นเรื่อยๆ
……
เช้าวันต่อมา เซี่ยหลิงหลิงตื่นขึ้นมาโดยที่เหงื่อท่วมตัวท่วมหน้า
พอตื่นขึ้นมาก็พบว่าเธอถูกห่อด้วยผ้าห่มอย่างแน่นหนา
เสื้อไหมพรมกับกางเกงก็ยังไม่ได้ออก ข้างในนี้ร้อนเหมือนเตาอบ ทำให้ลำคอของเซี่ยหลิงหลิงแห้งผาก เธอจึงรีบร้อนหยิบน้ำครึ่งแก้วที่อยู่หัวเตียงมาดื่มเข้าไปสองอึกก็หมดแก้ว
เซี่ยหลิงหลิงเปลียนมาใส่ชุดนอน แล้วออกจากห้องด้วยความมีชีวิตชีวา แต่กลับเห็นเฉิงรุ่ยออกมาจากห้องครัวพร้อมกับนมหนึ่งกล่องในมือพอดี
เซี่ยหลิงหลิง “บ้าจริง! นี่ตาคุณเป็นอะไรไป”
ไม่นึกเลยว่าเฉิงรุ่ยจะมีวันที่ขอบตาดำแบบนี้
เฉิงรุ่ยมองเธอเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร
เซี่ยหลิงหลิงจำได้แค่ว่าเมื่อคืนดื่มเหล้า แล้วส่งข้อความหาเฉิงรุ่ย แต่เธอจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนที่เขามารับไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว หลังจากที่เธอลุกจากเตียงมาแล้ว ก็พอจะคิดได้ว่าเฉิงรุ่ยจะต้องพาเธอกลับบ้านมาอย่างยากลำบากแน่ๆ
เซี่ยหลิงหลิงพูดอย่างถ่อมตน “ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ก่อเรื่องอะไรใช่มั้ย”
แม้ว่าเฉิงรุ่ยจะไม่ได้พูด แต่สายตาของเขาก็บอกเธอเป็นนัยว่าเมื่อคืนเธอได้ทำเกินไปมากๆๆๆๆๆๆ
เซี่ยหลิงหลิงไม่กล้าถามต่อ เธอคิดว่าเธออ้วกใส่เฉิงรุ่ย ถามไปก็คงอึดอัดกันเปล่าๆ
เพื่อที่จะตอบแทนเฉิงรุ่ย เซี่ยหลิงหลิงยอมรับความผิดอย่างตรงไปตรงมา เธอจึงทำอาหารชุดใหญ่หนึ่งมื้อ พอเฉิงรุ่ยกินเสร็จก็ไม่มองเธอด้วยสายตาแบบนั้นอีกแล้ว ทั้งสองได้ฟื้นฟูบรรยากาศที่กลมเกลียวปรองดองกันขึ้นมาอีกครั้ง
พอกินข้าว พักผ่อน เซี่ยหลิงหลิงก็พบว่าเหล่าเมิ่งได้ส่งข้อความมาหาเธอ
…[ได้ยินมาว่าเธอถูกสามีแบกเป็นกระสอบกลับมาบ้านเหรอ? 0เซี่ยหลิงหลิง “....”
เธอขบฟันเงียบๆ แล้วมองไปที่เฉิงรุ่ยพร้อมกับยิ้มแหยๆ “เมื่อคืนฉันกลับมาได้ยังไงเหรอ”
ตั้งแต่เกิดมาเฉิงรุ่ยไม่เคยโกหกใครมาก่อนในชีวิต “แบกกลับมา”
เซี่ยหลิงหลิง “ใช้หลังหรือไหล่แบก?”
เฉิงรุ่ย “....ลืมแล้ว”
เซี่ยหลิงหลิง “นายเท่มาก จริงๆนะ”