ตอนที่ 40
ตนที่ 40
ผ้าม่านถูกดึงจนแสงสว่างไม่สามารถลอดเข้ามาได้
มีผู้ชายคนหนึ่งนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาหนัง เขานั่งโยกตัวเล็กน้อย ดวงตาทั้งสองจ้องไปที่ผู้หญิงสองคนที่อยู่ตรงหน้า คนหนึ่งร้องไห้จนน้ำตาท่วม อีกคนก้มหน้าก้มตา สีหน้าไร้ความรู้สึก ผู้หญิงสองคนนั้นก็คือเซ่หลันหลันที่เป็นเพื่อนสนิทของไป๋เซวียนเซวียน และไป๋เซวียนเซวียน
ด้านหลังของเขา มีบอดี้การ์ดสวมชุดดำร่างกายกำยำยืนจ้องมองพวกหล่อนด้วยความเย็นชาอยู่
“เมื่อไหร่จะคืนเงิน” ในที่สุดหนานกงอ้าวเทียนก็เปิดปากพูด
“ฉันมีเงินที่ไหนล่ะ ขอร้องล่ะ อย่าทำฉันเลยนะ” เซ่หลันหลันเอ่ยปากร้องขอความเมตตา เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างหนักหน่วงจนน้ำตากับมาสคาร่าไหลปนกันเป็นทาง เหลือไว้เพียงคราบเปียกๆของน้ำตาเป็นทาง จนทำให้ใบหน้าของหนานกงอ้าวเทียนเกิดอารมณ์ขึ้นมา
ในตอนแรกเขาคิดจะทำอะไรกับของเล่นชิ้นนี้กันนะ
ไป๋เซวียนเซียนกัดฟัน “เรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าควรไปหาเซี่ยหลิงหลิงหรอกเหรอ?”
“ไปหาหล่อน?”หนานกงอ้าวเทียนไม่โกรธแต่กลับยิ้ม “หล่อนกับประธานเจียเฉิงเป็นคู่รักกัน แล้วเธอยังจะให้ฉันไปหาเรื่องนังนั่งอีกน่ะเหรอ”
“เป็นไปได้ยังไงกัน!”
ไป๋เซวียนเซวียนโอ้อวดว่าตัวเองรู้จักเซี่ยหลิงหลิงเป็นอย่างดี
ผู้หญิงแบบนี้ มีสไตล์การแต่งหน้าที่เข้มมาก สรุปโดยรวมจากทั้งเอกลักษณ์ภายในและภายนอกได้ ถ้าเธอมีเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัว ก็จะต้องรีบหนีไปหาผู้ชายที่ดีกว่าเฉิงรุ่ย คงไม่เปลืองเวลามาอยู่กับคนที่ใช้ชีวิตอยู่ไปวันวันเพื่อรอความตายอย่างเฉิงรุ่ย
แล้วถ้าเซี่ยหลิงหลิงเป็นภรรยาของประธานบริษัทเจียเฉิงจริงๆ ทำไมต้องหย่ากับเฉิรุ่ยด้วย แบบนี้มันแปลกๆ
สายตาของไป๋เซวียนเซวียนดูขื่นขม ในตอนนี่เธอใช้ทุกวิถีทางเพื่อจะฟื้นความสัมพันธ์ของเธอกับกู้โหยว แต่เหมือนว่าสุดท้ายแล้วจะมีกำแพงหนาๆกั้นอยู่ชั้นหนึ่งมสตั้งแต่เริ่ม จนทำให้เธอเข้าถึงกู้โหยวไม่ได้เลยตั้งแต่เริ่ม เดิมทีคิดว่าการที่โจมตีเจียเฉิงจะทำให้กู้โหยว
ราวกับได้เกิดใหม่ ให้โอกาสเธออีกสักครั้ง ครั้งนี้เธอจะจริงใจกับกู้โหยว
สีหน้าท่าทางที่ดูใจลอย หมกมุ่นกับเรื่องอื่น ทำให้หนานกงอ้าวเทียนรู้สึกหวั่นไหวกับใบหน้าสวยๆ ขาวนวลของเธอจนใจเต้น
“ไม่ต้องคืนเงินก็ได้”
ผู้ที่ใส่รองเท้าหนังสีดำที่ยืนอยู่บนพื้น เดินก้าวเข้ามาสองสามก้าว และหยุดอยู่ตรงหน้าของไป๋เซวียนเซวียน
หนานกงใช้ปลายนิ้วจับที่คางของเธอ แล้วมองด้วยสายตาที่โหดร้าย "ใช้ร่างกายของเธอชดใช้แทนก็ได้"
เพื่อนสนิทที่อยู่ข้างๆสีหน้าซีดเซียวทันที "อ้าวเทียน! ฉันคิดว่านายจะ…."
“หุบปาก ยัยนี่มันเลี้ยงเสียข้าวสุกซะจริง ฉันไม่สนใจเธอตั้งแต่แล้วอยู่แล้ว”
เขามองไปทีหนึ่ง บอดี้การ์ดชุดดำก็เข้ามาปิดปากเซ่หลันหลันไว้แล้วลากออกไป เหลือเพียงแต่ไป๋เซวียนเซวียนที่นั่งตัวสั่นอยู่
ไป๋เซวียนเซวียนหน้าซีด เธอเผชิญกับเหตุการณ์นี้ สมองของเธอก็ว่างเปล่า ที่เหนือหัวของเธอมีเสียงที่เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ของหนานกงอ่าวเทียนดังขึ้น “กับผู้หญิงน่ะ ฉันไม่เคยหวงเงินหรอกนะ บ้าน รถ เงินทอง สมบัติ อยากได้อะไร ฉันก็จะให้เธอหมดเลย”
“ฉัน….”
“ปึงงง!”
ทันใดนั้นประตูก็ถูกกระแทกอย่างแรงทีหนึ่ง บอดี้การ์ดที่เหลือมองหน้ากันอย่างไม่รู้จะทำอะไรดี จากนั้นก็รีบเดินไปที่ประตู เพื่อไปดูที่ตาแมวว่าไอ้บ้าที่ไหนมันอยากแส่หาเรื่อง พอประตูถูกกระแทกอย่างรุนแรงอีกครั้งเดียว ก็ถูกเปิดออก จากนั้นคนคนนั้นก็พุ่งเข้ามาใส่ร่างบอดี้การ์ดหนึ่งในสองคนนั้น
มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้น เขาคว่ำบอดี้การ์ดทั้งสองโดยไม่รีรอให้หนานกงอ้าวเทียนเอ่ยปากพูดอะไรก่อน
ไป๋เซวียนเซวียนร้องไห้ออกมาจริงๆแล้ว "พี่กู้!"
“แกเป็นตัวอะไร!”หนานกงอ้าวเทียนโกรธจนหน้าซีด แต่เขาไม่ได้ลงมือ
กู้โหยวเช็ดเลือดที่มือ จากนั้นก็ดึงไป๋เซวียนเซวียนขึ้นมา เขามองหนานกงอ้าวเทียนด้วยสายตาที่เย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “ถ้ามีครั้งที่สองอีก ฉันจะไม่เกรงใจแล้วนะ!”
พูดจบเขาก็ดึงไป๋เซวียนเซียนแล้วพาหันหลังเดินจากไป
ระหว่างเดินไป่เซวียนเซวียนหัวใจเต้นตุ้บตับราวกับกลอง จิตใจทั้งร้องไห้ทั้งยิ้มน้ำตาไหลจนไม่เช็ดต่อแล้ว
กู้โหยวนั่งที่เก้าอี้ฝั่งคนขับ พอได้รับข้อความเขาก็รีบมาทันที แม้แต่สูทก็ยังไม่เปลี่ยน เดิมทีเขาถูกเจียเฉิงเชิญไปร่วมงานเลี้ยงประจำปี ตอนนี้ ภารกิจที่สำคัญของเขาก็คือพาไป๋เซวียนเซวียนไปส่งที่บ้านไปอย่างปลอดภัย
ไป๋เซวียนเซวียนนั่งขดอยู่เบาะหลังโดยที่มีเสื้อโค้ตของกู้โหยวคลุมอยู่
ดวงตาของเธอจ้องไปที่กู้โหยวอย่างเปล่งประกายอยู่ตลอด “พี่กู้….ถ้าวันนี้ไม่ใช่เพราะพี่…”
“เซวียนเซวียน”
กู้โหยวเม้มปาก แสดงให้เห็นว่าเข้มงวดกว่าปกติ เขาจับพวงมาลัยไว้แน่น พยายามทำให้ตัวเองพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “ทำไมเธอถึงไปพัวพันกับพวกเขา”
“ฉัน….ฉันถูกลากเข้าไปโดยไม่ได้เต็มใจ” ไป๋เซวียนเซวียนรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม ตาแดงขึ้นมา “เพื่อนสนิทของฉันทำร้ายฉัน”
“……”
ความเงียบของเขาทำให้เธอรู้สึกถึงความไม่มั่นคง และยังทำให้ไป๋เซวียนเซวียนฉุกคิดขึ้นมาได้ ว่าทำไมกู้โหยวถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้ เขารู้ได้อย่างไร”
ทันใดนั้นเธอก็เครียดขึ้นมา “พี่กู้…”
“อย่ามาลองทำเรื่องพวกนี้ที่มันไม่ควรที่จะมาลอง” ริมฝีปากของเขาขยับๆ แต่กลับไม่ได้พูดโยคต่อไป ก็แค่ถอนหายใจออกมายาวๆ “นี่คือคำเตือนในฐานะรุ่นพี่”
คำว่ารุ่นพี่สองพยางค์นี้ ก็เหมือนเข็มที่แทงมาตรงหัวใจของไป๋เซวียนเซวียน ทำให้เธอเกือบจะหยุดหายใจ
ทั้งสองคนไม่ได้คุยกันอีกเลยตลอดทาง
พอถึงประตูหน้าบ้าน ไป๋เซวียนเซวียนสั่นระริก ไม่มีความหมายที่อยากจะลงไป กู้โหยวพยุงเธอลงจากรถ และเอากุญแจจากไป๋เซวียนเซวียนไขประตูบ้านเข้าไป แล้วให้เธอนั่งบนโซฟา
ไป๋เซวียนก้มหน้า ไม่ได้พูดอะไร กู้โหยวรินน้ำให้เธอหนึ่งแก้ว เธอกลับพูดด้วยเสียงเบาๆออกมาว่า “พี่อยู่เป็นเพื่อนฉันสักแปปได้มั้ย วันนี้ฉันรู้สึกกลัวจริงๆ
กู้โหยวดูนาฬิกา อีกสิบกว่านาทีงานเลี้ยงประจำปีก็จะเริ่มขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะยังไงก็สายอยู่ดี
เขานั่งบนโซฟาอีกฝั่งหนึ่ง
แววตาไป๋เซวียนเซวียนระยิบระยับ เหมือนเป็นความกล้าอย่างหนึ่งที่พยุงเธออยู่ ทำให้เธอนึกถึง “ยา” ที่ตัวเองเก็บไว้ในลิ้นชักมานาน… เธอคิดว่า บางทีอาจจะต้องพยายามให้ถึงที่สุด ถึงจะเดินต่อไปในเส้นทางนี้ได้
วันนี้เซี่ยหลิงหลิงเข้าร่วมงานเลี้ยงประจำปี เมื่อได้เวลาที่เหมาะสม ถูหนานจะประกาศผลงานและคุณงามความดีของเซี่ยหลิงหลิงในงานเลี้ยง คนอื่นๆจะได้หุบปากสักที
เซี่ยหลิงหลิงแต่งหน้าเรียบๆ ไม่จัดมาก เธอสวมกระโปรงสั้นสีดำ สวมเสื้อกันหนาวที่ทั้งหนาและให้ความอบอุ่นออกจากบ้าน ส่วนท่านเฉิงรุ่ยบอสตัวจริงก็ยังคงเล่นเกมอยู่ในบ้าน ท่าทางเหมือนกับไม่ได้เกี่ยวของอะไรกับบริษัทเลย
ทันใดนั้นเธอก็ไม่รู้ว่าควรจะอิจฉาหรือควรนับถือถูหนานดีที่มีความกล้าหาญรับภาระหน้าที่สำคัญ
งานเลี้ยงประจำปีถูกเลือกใหจัดขึ้นในโรงแรมแห่งหนึ่งที่มีราคาแพงหูฉี่
พอเซี่ยหลิงหลิงปรากฏตัว แม้ว่าเธอจะแต่งหน้าเรียบง่ายธรรมดาๆ แต่พอถูกไฟสปอร์ตไลท์ส่อง ก็ดูเจิดจรัสขึ้นมาจนดึงดูดความสนใจของผู้คนจนหันมามองเป็นตาเดียว เธอโบกมือทักทายกลุ่มคนที่เธอไม่รู้จักด้วยความสุภาพ ฟู่จื้อเฉิงกับเจียวฝันยืนรินเหล้าพลางแอบมองเซี่ยหลิงหลิง และพูดว่า “ที่แท้พี่สะใภ้นี่แหละสวยที่สุดแล้ว”
“ดู ดูท่าทางที่เหมือนไม่มีอนาคตของพวกนายสองคน ตัวเองไม่คิดที่จะหาแฟนเหรอ” ถูหนานผู้ที่ถือแก้วแชมเปญอยู่ไม่รู้เดินมาอยู่ข้างหน้าแทรกสองคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“พูดอย่างกับว่าตัวเองมี ต้นมอสขึ้นปกคลุมหนากว่ากำแพงเมืองซะอีก”
ถูหนาน “ไปซะ”
“เจียวฝันไม่ซะหน่อย ยังนึกถึงความรักครั้งเก่าอยู่”
เจียวฝันหน้าแดง “ไม่ต้องพูดแล้ว”
มีคนสองสามคนก็พูดแบบนี้ แต่กลับไม่อยากที่จะทักทายเซี่ยหลิงหลิงก่อน เพื่อเลี่ยงไม่ให้คนอื่นนินทา เซี่ยหลิงหลิงมองและยิ้มให้พวกเขาแต่ไกล หุ่นดีมีเชป แลดูเป็นผู้หญิงที่น่าปกป้อง ในใจของผู้ชายแต่ละคนสั่นระริก กลับไปรู้สึกว่าตัวเองสามารถมีภรรยาที่สวยงดงามเช่นนี้ได้อีกครั้ง
วันนี้เหล่าเมิ่งแต่งตัวอย่างสดใสมีชีวิตชีวา ภรรยาเพิ่งจะคลอดลูกคนที่สอง ช่วงนี้เค้าสองคนจึงยุ่งกันมาก ภาษาที่ทั้งสองใช้สื่อสารกันล้วนแต่เป็นความรักของลูกและภรรยา ทำให้เซี่ยหลิงหลิงอิจฉาสุดๆ
การแต่งงานที่ดีจะเปลี่ยนคนสองคนได้ เหล่าเมิ่งกับภรรยาของเขาจะต้องอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขมากแน่ๆ
“เมื่อคืนฉันฝันว่ามีไอ้เลวที่ไหนไม่รู้มาดูถูกเมียฉัน ฉันตกใจจนเหงื่อท่วม แต่ฉันก็บอกเมียฉันไม่ได้ เธอรู้มั้ยว่าเพราะอะไร”
เซี่ยหลิงหลิงก็ถามต่อตามสัญชาตญาณ “ทำไมคะ”
เหล่าเมิ่งตอบว่า “เธอถามกลับได้อย่างมีความหมายมาก เพราะนี่มันเกี่ยวเนื่องไปถึงน่ายน่ายในการ์ตูนเรื่อง nana เล่มหนึ่ง ช่วงแรกเขาก็ฝันว่าแฟนสาวของตัวเองนอกใจ จากนั้นก็ถูก...
“อยากกินซูชิมั้ยคะ” เซี่ยหลิงหลิงเลือกที่จะพูดขัดขอเขาขึ้นมา
“เอาสิๆ”
เหล่าเมิ่งคีบซูชิปลาดิบมาสองสามชิ้น ทันใดนั้นก็เอ่ยถามออกมาอย่างลึกลับ “แล้วเธอรู้มั้ยตัวละครอนิเมชั่นตัวไหนที่ชอบกินซูชิ….”
เซี่ยหลิงหลิง “อ้ะ เหมือนจะมีคนเรียกฉัน!”
ไม่ง่ายเลยที่เธอจะปลีกตัวออกมาจากเหล่าเมิ่งได้ เซี่ยหลิงหลิงจึงถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง
ตาลุงนั่นก็นิสัยดีมากจริงๆ...แต่เหมือนจะบ้าอนิเมชั่นไปหน่อย ทุกครั้งไม่ว่าจะพูดเรื่องอะไร ก็ต้องมีเรื่องมังงะแทรกเข้ามา ได้ยินมาว่าเขากับภรรยาได้พบกันที่งานนิทรรศการมังงะ ทั้งสองหลงรักกันได้อย่างน่าแปลกใจ การทะเลาะเป็นครั้งคราวก็เพราะชีวิตไม่กลมกลืนกัน ซึ่งมันดูน่ารักมาก
ยังเหลือเวลาอีกประมาณสิบนาที ถูหนานก็ขึ้นเวทีในฐานะพิธีกรของงานเลี้ยงประจำปี พอเซี่ยหลิงหลิงนึกได้ว่าอีกสักพักต้องขึ้นเวที เธอก็รีบวางจานใส่อาหาร แล้วตัดสินใจที่จะไปเติมลิปสติก
เซี่ยหลิงหลิงเติมลิปสติกเสร็จ ตอนเดินออกจากห้องน้ำก็ชนเข้ากับกู้โหยว
ท่าทีของเขาดูแปลกๆ เสื้อเชิ้ตสีขาวเต็มไปด้วยรอยยับ ใบหน้าก็แดงก่ำ เขากำลังยืนปรับอุณหภูมิของน้ำขออ่างล่างหน้าพลางล้างหน้าพลางอยู่หน้าอ่างล้างหน้าในห้องน้ำชาย เขาลดอุณหภูมิน้ำให้เย็นลงซ้ำแล้วซ้ำอีก เพื่อที่จะให้ตัวเองใจเย็นลง
เซี่ยหลิงหลิงสตั้นไปสักพัก “กู้โหยว คุณเป็นอะไรรึเปล่า?”
กู้โหยวลุกลี้ลุกลนอย่างที่ไม่เคยเป็น เขาเช็ดน้ำบนใบหน้าอย่างรุนแรง และพูดด้วยเสียงแหบห้าง “อย่าเข้ามาใกล้ผม เหมือนว่าผมจะกินยาผิดตัว!”
มือข้างหนึ่งของเขาค้ำอ่างล้างหน้าไว้ ส่วนบนของร่างกายเปียกโชกไปหมด ผิวหนังของเขาเป็นสีแดงอย่างเห็นได้ชัด แม้กระทั่งดวงตาก็เป็นสีแดง
เซี่ยหลิงหลิงเคยอ่านมาเยอะแล้ว พอนึกถึงตัวละครที่ชื่อกู้โหยว เธอก็นึกถึงอีกเรื่องขึ้นมาได้ทันที
“คุณคงไม่ได้โดนยาปลุกเซ็กส์มาใช่มั้ย….”
“ฮึ่มมม!”
กู้โหยวพูดออกมา ตัวเองกำลังอดทนอย่างทุกข์ทรมาน “ผมเพิ่งพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ ตอนนี้ผมไปโรงพยาบาลไม่ได้ คุณถือซะว่าไม่ได้เห็นอะไรละกันนะ รีบไปซะ!”
ในสายตาที่งุนงงของเขา เขาเห็นเซี่ยหลิงหลิงหันซ้ายแลขวาอยู่
เซี่ยหลิงหลิงคิด ‘แปลก ตัวละครหญิงที่เป็นยาแก้พิษล่ะ คงไม่โผล่มารออยู่ที่ไหนซักแห่งหรอกนะ ’
เห็นสีหน้าที่ดูไม่ดีของกู้โหยว เซี่ยหลิงหลิงก็นึกถึงว่าวันนี้เขาก็จะต้องไปแสดงจุดยืนที่เจียเฉิง จะให้เกิดปัญหาอะไรขึ้นมาไม่ได้ สถานการณ์ในตอนนี้แน่นอนว่าซวยไปหน่อย
อยู่ดีๆเซี่ยหลิงหลิงก็คิดอะไรขึ้นมาได้
เธอพูดกับเขาอย่างใจเย็น “นี่!คุณรอฉันอยู่ตรงนี้ก่อนนะ!ฉันมีวิธี!”
กู้โหยว “???”