ตอนที่ 41
ตนที่ 41
ร่างกายไม่ฟังคำสั่งเลย นี่เป็นครั้งแรกที่กู้โหยวนึกถึงไป๋เซวียนเซวียน
ไป๋เซวียนเซวียนรินน้ำให้เขา พูดโน้มน้าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนให้เขาอยู่ต่อสักหน่อย กู้โหยวรู้จักกับเธอมานาน ถึงทั้งสองคนจะไม่ได้กลายเป็นคู่สามีภรรยากัน แต่ก็เล่นด้วยกันมาตั้งแต่วัยเด็ก ยังไงก็ไม่อยากที่จะโหดใส่ไป๋เซวียนเซวียน จนในที่สุดจึงกลายเป็นรากเหง้าแห่งความหายนะในวันนี้
ไป๋เซวียนเซวียนนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนโซฟา พร่ำกล่าวคำขอโทษ พูดแต่ว่าตัวเธอผิดไปแล้ว
บรรยากาศที่อบอุ่นในห้องก็เริ่มร้อนขึ้น แต่ไม่นานก็ทำให้คนเริ่มคอแห้งกระหายน้ำ กู้โหยวดื่มน้ำไปครึ่งแก้ว แล้วเหลือบมองเวลา จากนั้นเขาก็ตัดสินใจที่จะออกไปข้างนอก ไป๋เซวียนเซวียนพูดเบาๆที่ข้างหูของเขา “พี่กู้” ไม่รู้ว่าเธอเข้ามานั่งใกล้แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าเธอตั้งใจทำแบบนี้หรือไม่ ปกคอเสื้อของเธอเผยอออก เผยให้เห็นผิวขาวนวลที่อยู่ภายใน
ไป๋เซวียนเซวียน้ำตาไหลออกมาอย่างเศร้าสลด ทำให้เกิดความรู้สึกอยากปกป้องขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
เหมือนไฟที่ลุกขึ้นมาจากทรวงอก
มือของไป๋เซวียนเซวียนจับไปที่หัวเข่าของเขา กู้โหยวรู้สึกแปลกๆขึ้นมา เพราะว่าจู่ๆในสมองของเขาก็ปรากฏใบหน้าของคนอื่นคนหนึ่งขึ้นมา นี่ทำให้เธอรู้สึกอับอาย เขาก็ลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน ไม่ได้สนใจที่จะหยิบเสื้อกันหนาว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชามากกว่าวันปกติ “ฉันไปก่อนนะ”
“จะไปไหนเหรอ”
“ขอโทษนะ ฉันมีธุระ…”
“พี่ไปไม่ได้นะ!”
ไป๋เซวียนเซวียนกอดเขาไว้จากด้านหลัง แต่กลับถูกเขาผลักออกอย่างไร้เยื่อใย แรงของเขาเยอะมากซะจนทำให้เธอล้มไปนั่งกองบนพื้น กู้โหยวก้าวเท้าเดินออกไป จากนั้นก็มีเสียงประตูปิด
ไป๋เซวียนเซวียนสบถออกมาเบาๆ จากนั้นก็รีบตามออกไป ทว่ากู้โหยวขับรถจากไปนานแล้ว
ไป๋เซวียนเซวียนตกใจจนหน้าซีด
แว๊ปแรกสิ่งที่ไป๋เซวียนเซวียนคิดคือกู้โหยวแปลกไปจากเดิมรึเปล่า คิดว่าถูกผู้หญิงคนอื่นหลอกรึเปล่า ผู้หญิงคนอื่นคิดว่าเขาเป็นผู้ชายที่ง่ายรึเปล่า
กู้โหยวรีบขับรถไปที่โรงแรม โรงแรมที่จัดงานอยู่ห่างออกไปไม่ถึงสิบนาที ผ่านไปไม่นานเขาก็ถึงแล้ว ตามตารางเวลาที่ถูหนานส่งให้ ใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมงในการแนะนำสมาชิกใหม่ ฉะนั้นถึงเขาไปสายก็ไม่กระทบใคร
เขารู้สึกว่าในรถแคบและร้อน กู้โหยวจึงเปิดหน้าต่างให้ลมเย็นพัดเข้ามา เลือดในตัวเขาสูบฉีด หัวใจของเขาเต้นรัวราวกับจะระเบิดออกมา มันทำให้เขารู้สึกว่ามีลางไม่ค่อยดี
ลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีได้เกิดขึ้นจริงๆหลังจากที่เขาถึงชั้นบนสุดของโรงแรม
กู้โหยวรีบร้อนเข้าไปหลบอยู่ในห้องน้ำด้วยความอับอาย เขาใช้น้ำเย็นล้างหน้าตัวเอง เพื่อให้สติเขาฟื้นคืนกลับมา
ร่างกายของเขาร้อนแรงจนทนไม่ไหว มันเกิดปฏิกิริยาที่เห็นได้ชัดบางอย่างที่ทำให้เขารู้ตัวว่าเขาถูกวางยา แต่ว่าใครทำกันล่ะ ทันใดนั้นในใจของเขาก็คิดถึงคนคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อว่าจะทำแบบนี้กับเขาได้
เขาไม่นึกเลยว่า...ไป๋เซวียนเซวียนจะทำแบบนี้กับเขา
เธอเอายาแบบนี้มาจากไหน เธอมีความคิดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาไม่เคยรู้เลยจริงๆ ในตอนนี้ตัวเขาเองยังเอาตัวไม่รอด แล้วเขาก็ไม่สามารถให้คนอื่นพบเขาในสภาพแบบนี้ได้ และเขาก็ต้องยอมที่จะละทิ้งโอกาสที่จะได้เฉิดฉายในวงการ กู้โหยวไม่มีความหวังแล้ว
ทำไมเวลาสำคัญแบบนี้จะต้องเกิดความผิดพลาดที่ไม่คาดคิดขึ้นมาทุกทีเลย
กู้โหยวพยายามที่จะควบคุมตัวเองให้ได้อย่างสุดชีวิต เขาอดทนรอไม่ไหวที่จะอาบน้ำเย็นๆ แต่ทว่า….คนที่เขาไม่อยากให้เห็นช่วงเวลาที่น่าอับอายที่สุดในชีวิตกลับมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของเขา
คือเซี่ยหลิงหลิง
เซี่ยหลิงหลิงบอกกับกู้โหยวว่าไม่ต้องรีบร้อนหนีเตลิด หลบอยู่ในห้องน้ำก่อนก็ได้ เธอวิ่งเหยาะๆกลับไปดูที่ห้องโถงชั้นสอง พบว่าถูหนานยืนพูดอยู่บนเวทีแล้ว อีกไม่นานเธอก็ต้องขึ้นไปพูดบนเวทีด้วยแล้ว
เซี่ยหลิงหลิง “....แย่แล้ว!”
เซี่ยหลิงหลิงต้องรีบเข้าแล้ว
เธอฉวยโอกาสตอนที่คนอื่นไม่สนใจ เรียกพนักงานเสิร์ฟมาคนหนึ่ง เขาเป็นเด็กผู้ชายวัยรุ่น เธอดึงเขามาอีกฟาก ใบหน้าและใบหูของเด็กหนุ่มแดงไปหมด เขาพยายามจะถามอะไรบางอย่างอย่างตะกุกตะกัก เซี่ยหลิงหลิงพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า “มีน้ำแข็งมั้ย”
“มีครับๆ” พนักงานเสิร์ฟคิดว่าเธออยากจะได้เครื่องดื่มแช่เย็น “เดี๋ยวผมไปหยิบมาให้นะครับ”
“ดี ฉันขอถังนึง”
“ถังนึง?” พนักงานเสิร์ฟตกใจกับคำพูดของเซี่ยหลิงหลิง
เซี่ยหลิงหลิงเอามือของตนมาประสานกัน แล้วพูดด้วน้ำเสียงที่นุ่มนวลว่า “แล้วก็ถังเปล่าอีกอันนึง ถาดใส่น้ำก็ได้ ขอร้องล่ะ ฉันต้องการใช้ด่วนมาก”
“อ่า ใช้น้ำแข็งที่แช่เย็นแล้วได้มั้ยครับ?”
“ได้ๆๆ!รบกวนขอด่วนๆเลย ขอบคุณมากนะ!”
...
เธอไม่รู้ว่านางเอกวิ่งไปถึงไหนแล้ว ทำแบบนี้ทำให้เซี่ยหลิงหลิงรู้สึกแปลกใจ แต่ในเวลาสำคัญแบบนี้ ไม่เหมาะกับการที่จะวางยาพิษตัวเองแน่นอน สำหรับกู้โหยวแล้ว การได้เฉิดฉายในค่ำคืนนี้สำคัญมาก เขาไม่อยากที่จะพลาดมันอย่างแน่นอน กู้โหยวเป็นคนหนึ่งที่รักการเอางานมาก
ดังนั้น เซี่ยหลิงหลิงจึงต้องวางยาหนักๆเอาซะแล้ว
น้องพนักงานผู้ชายแกร่งมาก ไม่นานเขาก็ถือถังน้ำแข็งมา เซี่ยหลิงหลิงก็ออกแรงรับถังมา
“สวัสดีครับ อยากให้ผมช่วยอะไรมั้ยครับ” เขาอดที่จะไม่ถามไม่ได้
“รบกวนช่วยไปหาชุดสูทมาหนึ่งชุด ในโรงแรมมีสูทสำรองมั้ยคะ สำหรับคนสูงร้อยแปดสิบ ไซส์ไม่เล็ก อ้อ แล้วก็ขอผ้าขนหนูหนึ่งผืนด้วยค่ะ
เวลากระชั้นชิดมาก ไม่มีเวลาที่จะไปเปิดห้อง ก็เลยทำให้กู้โหยวไม่สะดวกนิดหน่อย ไปเปลี่ยนในห้องน้ำแทน
สายตากู้โหยวมองตามเซี่ยหลิงหลิงหิ้วถังน้ำแข็งมาหนึ่งถัง และยังมีถังเปล่าหนึ่งใบมา เขาจึงตกใจ
เซี่ยหลิงหลิงสีหน้าซ่อนลึก ไม่ได้แสดงออกอะไร “นายเคยได้ยินไอซ์บัคเก็ตชาเลนจ์มั้ย”
“……”
“...”
กู้โหยวเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อที่จะคิดอย่างรอบคอบ เซี่ยหลิงหลิงหน้าด้านเดินไปรอที่หน้าห้องน้ำชาย
ในตอนนั้นก็มีคนไม่มากที่เข้าห้องน้ำ เซี่ยหลิงหลิงเฝ้าหน้าประตูอยู่ไม่นาน ได้ยินเสียงน้ำไหลออกมาจากในห้องน้ำ ก็ค่อยๆรู้สึกวางใจ
และในตอนนั้ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาจากทางเดินในดูเหมือนจะเป็นพนักงานของบริษัท เขาเห็นเซี่ยหลิงหลิง แว๊ปแรกคือตกใจ แล้วจากนั้นก็รีบชี้ไปที่ห้องน้ำชาย “...”
เซี่ยหลิงหลิงถามออกมาอย่างจริงใจ "คุณยังไหวมั้ยคะ"
“ไหวจนไม่รู้จะไหวยังละครับ…”
"ห้องน้ำชายพังแล้วคุณไปที่อื่นเถอะ"
“……”
ทั้งสองจ้องกันอยู่นาน บรรยากาศก็ดูอึดอัดผิดปกติ
ฝ่ายตรงข้ามหัวร้อนเป็นไฟ ไม่กล้าถามเซี่ยหลิงหลิงว่ารู้ได้ยังไงว่าห้องน้ำชายตรงนี้พัง จึงพูดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ “งั้นผมไปดูห้องน้ำด้านข้างนี่ก่อนละกัน”
เซี่ยหลิงหลิงยังคงมีสีหน้าที่จริงใจซื่อตรงอย่างเดิม "ขอให้คุณเข้าห้องน้ำอย่างมีความสุขนะคะ”
“……”
เมื่อเห็นฝ่ายตรงข้ามเดินไปไกล เซี่ยหลิงหลิงก็เช็ดเหงื่อที่เยือกเย็นบนหน้าผาก รู้สึกได้ถึงวันนี้ขายหน้าจนไม่รู้จะขายยังไงแล้ว เกรงว่าวันที่สองทั้งบริษัทจะมีข่าวเล่าปากต่อปาก เกี่ยวกับว่าทำไมเซี่ยหลิงหลิงจะต้องไปยืนเฝ้าหน้าห้องน้ำผู้ชายอย่างโรคจิต
……
กู้โหยวไม่มีทางลืมเรื่องนี้ไปตลอดชีวิต
ถังน้ำแข็งถูกเปิดน้ำใส่ แล้วก็เทไปบนร่างกาย ทำแบบนี้ซ้ำไปสองสามครั้ง
ในแต่ละครั้งเขารู้สึกความเย็นแทรกซึมเข้าไปถึงกระดูก เย็นจนกล้ามเนื้อแข็งไปหมด สีหน้าซีดเซียว ทั้งตัวสั่นไปหมด แต่เขาก็กัดฟันอดทนต่อไป เขาทั้งกัดฟันและเอาน้ำในถังราดตัว ในสมองคิดถึงเกี่ยวกับอนาคต เกี่ยวกับอดีต เขาคิดถึงเรื่องราวอันมากมาย
ตั้งแต่เล็ก พ่อแม่ก็สอนให้เขาเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ แต่นับตั้งแต่วินาทีนี้ไป เขาจะรับผิดชอบในฐานะพี่ชายคนหนึ่งไม่ไหวแล้ว ความอบอุ่นสุดท้ายที่รู้สึกต่อป๋เซวียนเซวียน ถูกน้ำเย็นราดจนใจแข็ง แข็งชนรู้สึกหัวสมองชาไปหมด
จนถึงตอนนี้ เขายังคงไม่รู้สึกถึงอารมณ์ที่ร้อนระอุใดๆ
เขาเช็ดตัว แล้วเปลี่ยนเป็นชุดสูทสีดำทั้งตัว ถึงไหล่เขาจะแคบไปหน่อย แต่ก็ถือว่าไซส์เหมาะสม
กู้โหยวหิ้วถังออกไป สีหน้ายังคงนิ่งและเรียบเฉย ถ้าไม่ใช่ผมที่เปียกและผิวที่ขาวซีดแข็ง เขาก็คงดูดีกว่านี้
เซี่ยหลิงหลิงเอ่ย “วางไว้นี่เถอะ เดี๋ยวก็มีคนมาเก็บ นายอยู่ที่นี่ดูหน้าเผ้าผมให้ดี เดี๋ยวฉันจะไปก่อน เพื่อที่จะไม่ถูกน่าสงสัย”
“หลิงหลิง!”
เซี่ยหลิงหลิงหันมาด้วยความสงสัย “ห้ะ?”
นิ้วมือที่ยื่นออกมาก็หดเก็บเข้าไป เขาเม้มปากเป็นเส้นตรง แล้วมองไปที่ใบหน้าที่สวยงามใบนั้น เขาพยายามควบคุมอารมณ์ น้ำเสียงและอารมณ์แสดงถึงความขอบคุณ “...เซี่ยหลิงหลิง ขอบคุณนะ บุญคุณวันนี้ฉันจะจารึกไว้บนหัวใจเลย”
เซี่ยหลิงหลิงถูกท่าทางที่จริงจังของเขาทำให้เธอขำ
ฝ่ามือของเธอไปตบอยู่บนไหล่ของกู้โหยว ยิ้มตาหยี่แล้วพูดว่า “โหยย ไม่ต้องเกรงใจเหรอ เดี๋ยวทำให้ดีแล้ว”
กู้โหยวมองเธอ แล้วก็ยิ้ม
เขาพูด “อืม” ออกมาทีหนึ่ง
อีกด้าน ถูหนานยืนอยู่บนเวที ไม่เห็นเซี่ยหลิงหลิงกับกู้โหยวทั้งสองคน ใจร้อนรนราวกับเปลวไฟ เขาใช้สายตาส่งสัญญาณส่งหาเจียวฝันให้ไปตามหาพวกเขา เดี๋ยวถึงช่วงแนะนำคนใหม่ ทั้งสองคนไม่อยู่ จะให้แก้ไขสถานการณ์ยังไง
ในขณะที่พูด เซี่ยหลิงหลิงก็เดินออกมาจากด้านข้าง
เจียวฝันถอนหายใจอย่างโลกออก เขาวิ่งเหยาะๆไปตรงหน้าเซี่ยหลิงหลิง แล้วถามด้วยเสียงเบาๆว่า “พี่สะใภ้ ไปไหนมาครับเนี่ย”
เซี่ยหลิงหลิงจัดผม และพูดว่า “ฉันไปห้องน้ำมาน่ะ ขอโทษทีนะ ท้องฉันไม่ค่อยดี”
“งั้นคุณรีบไปเตรียมตัวเถอะครับ”
เซี่ยหลิงหลิงรีบไล่อย่างทันเวลา ในท่ามกลางผู้คนมากมาย ถูหนานแค่มองแวบเดียวก็หาเธอเจอ เขาเปลี่ยนหัวข้อในส่วนของการแนะนำพนักงานใหม่ได้อย่างเป็นธรรมชาติและยิ่งใหญ่ ประเด็นแรกคือเซี่ยหลิงหลิงจะต้องออกมา ถูหนานถอยไปก้าวหนึ่ง และอยู่ท่ามกลางเสียงพูดคุยของผู้คนมากมาย เซี่ยหลิงหลิงเดินขึ้นเวที แล้วไปยืนตรงกลาง
ถูหนานกระแอม แล้วพูดว่า “ก่อนหน้านี้ มีคนไม่น้อยที่สงสัยในความสามารถของคุณเซี่ยหลิงหลิงของเราที่ยืนอยู่ตรงนี้ เดี๋ยวผมจะพูดสองประเด็นในที่นี่ให้ทุกคนได้แจ่มแจ้ง
ประเด็นแรก การคัดเลือกบุคคลของพวกเรามีความยุติธรรมมาก เซี่ยหลิงหลิงเข้าเจียเฉิงได้ ก็เป็นเพราะว่าเธอได้คะแนนโหวตเยอะมากที่สุด ในจุดนี้ ทุกคนสามารถเห็นได้ ไม่ได้มีการแอบยัดคนเข้ามาในแผนก
ประเด็นต่อมาเป็นประเด็นสำคัญที่สุด ในเกม Legend of knight ที่เป็นเกมใหม่ของบริษัทเรานั้น คุณเซี่ยหลิงหลิงเป็นคนคิดความสร้างสรรค์เป็นหลัก ทั้งเกมเธอใส่แรงบันดาลใจของเธอลงไปทั้งหมด ทำให้พวกเราทุกคนรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ความสำเร็จในครั้งนี้ขาดเธอไม่ได้ ผมขอให้ทุกคนปรบมือให้เธอ ณ ที่นี้ด้วยครับ
คำพูดของถูหนานดึงดูดความสนใจของผู้คน นึกไม่ถึงเลยว่าแกนนำหลักก็คือเซี่ยหลิงหลิง
คนส่วนใหญ่นั้นมองด้วยความยินดี แต่ก็มีบางส่วนที่มองด้วยสายตาดูถูกก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นนับถือและเห็นพ้องต้องกัน ตอนแรกที่มีเสียงปรบมือเบาๆต้อนรับเซี่ยหลิงหลิงเป็นเพราะว่าทุกคนคิดว่าเซี่ยหลิงหลิงใช้หน้าตาตัวเองทำมาหากิน แต่ครั้งนี้ จำนวนคนส่วนใหญ่คือปรบมือให้เธอด้วยความจริงใจ
เสียงปรบมือได้หยุดลง เซี่ยหลิงหลิงถูกอารมณ์ของพวกเขาพาเคลิ้มไปด้วย จึงรู้สึกชอบขึ้นมานิดหน่อย เธอถือไมค์มือสั่นเล็กน้อย แสดงอาการออกมาหน่อยๆ แต่เธอก็พูดออกมาได้อย่างเรียบนิ่ง แม้แต่แนะนำตัวเองและพูดขอบคุณก็ไม่มีติดขัด เธอพูดคล่องแคล่วได้จนจบ
เดิมทีถูหนานเตรียมรับมือที่จะแก้สถานการณ์เฉพาะหน้า คิดไว้แล้วควรจะต่อคำจากเซี่ยหลิงหลิงยังไง แต่เธอก็กลับพูดได้ดีและดูใจกว้าง ทำให้ถูหนานแอบยกนิ้วโป้งให้
เซี่ยหลิงหลิงโค้งหนึ่งที ตอนที่เตรียมจะลงจากเวที ถูหนานก็ยิ้มและพูดว่า “ทำได้ไม่เลวเลยนะครับ”
“ฉันล่ะตกใจหมดเลย” เซี่ยหลิงหลิงตัวแข็งทื่อไปสักพัก เกือบจะยั่วเย้าให้ถูหนานขำซะแล้ว
ถ้าไม่ได้เป็นเพราะสถานการณ์แปลกไป เขาอดไม่ได้ที่จะแกล้งพี่สะใภ้ตัวน้อยๆคนนี้ตั้งนานแล้ว
เซี่ยหลิงหลิงเดินลงจากเวที และเดินผ่านกู้โหยวที่สวมเสื้อสูทกับรองเท้าหนัง ทั้งสองมองหน้ากันแล้วยิ้มสักพัก หลังจากนั้นเซี่ยหลิงหลิงก็พูดออกมาเบาๆ “สู้ๆนะคะ”
“ขอบคุณครับ”
พอกู้โหยวขึ้นไปแนะนำบนเวที เซี่ยหลิงหลิงก็เตรียมที่จะออกจากงานเลี้ยงนี่ทันที
เธอบอกให้เหล่าเมิ่งรู้ว่าจะกลับ จากนั้นเธอก็ถือเสื้อโค้ตเดินจากหายไป พร้อมกับอาหารชุดใหญ่ที่เธอได้รบกวนให้พนักงานเสิร์ฟที่อัธยาศัยดีคนนั้นห่อกลับบ้านให้ เซี่ยหลิงหลิงคิด ‘งานเลี้ยงประจำปีของบริษัท แต่ท่านประธานใหญ่ตัวจริงกลับไม่ได้กินอะไรเลย ไม่ใช่ว่าเขายังเหงาหงอยอยู่บ้านคนเดียวหรอกนะ’
ท่ามกลางบรรยากาศที่คึกคัก ไม่มีใครพบเห็นเธออีกเลย
ประตูถูกเปิดออก
ห้องนั่งเล่นมีเพียงไฟดวงเล็กๆ ทั้งดูมืดมัวและเหงาหงอย เฉิงรุ่ยนั่งเอามือประสานไว้ท้ายทอยอยู่บนโซฟา เหมือนว่ากำลังเหม่อลอยอยู่ พอได้ยินเสียงประตู เขาก็ไม่ได้หันไป เพียงแต่เหล่ไปมองเซี่ยหลิงหลิงด้วยความสงสัย
เขาถามออกมาอย่างเชื่องช้า “ทำไมถึงกลับมาเร็วแบบนี้ล่ะ”
เซี่ยหลิงหลิงแกว่งถุงกับข้าวในมือที่เธอห่อกลับมาอย่างหนักหน่วง แล้วแสยะยิ้มมุมปาก
“กลับมาจากงานเลี้ยงประจำปี บอสอย่างนายไม่มีอะไรจะพูดเหรอ”
“……”
เขานิ่งไปสักพัก แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เชื่องช้า แต่กลับบมีความอบอุ่นอยู่ในนั้น “อื้ม”