บทที่ 44
บ๗ที่ 44
เซี่ยหลิงหลิงยุ่งอยู่กับการไล่ส่งข้อความแคนเซิลแผนการต่างๆทั้งคืน เพราะเป็นช่วงเทศกาลวัน การวางแผนการจองจึงเป็นไปอย่างดุเดือด การจะยกเลิกการจองนั้นจึงทำให้เธอต้องเสียค่าปรับไม่น้อยเลย กระเป๋าเธอเบาเลยทีเดียว
มองเงินที่ลอยหายไปอย่างเจ็บปวดใจ จนแทบมองไม่เห็นสายตาที่เฉิงรุ่ยมองมาที่เธอหลายต่อหลายครั้ง
หนึ่งชั่วโมงต่อมา แล้วในที่สุดเฉิงรุ่ยก็รู้แล้วว่าตัวเองถูกเพิกเฉย
“......”
วันนี้เขาสวมเสื้อฮู้ดสีดำกับกางเกงขายาว ขอบเสื้อดูหลวมๆสบายๆ เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าเรียวสวยของเขา สีขาวของเขาค่อนข้างขาวนวลเหมือนนมสด ไม่ได้ซีดเซียวจนเหมือนผิวไม่เคยได้พบเจอกับแสงแดดมาก่อนเลย ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่มีรอยหรือรูขุมขนเลยแม้แต่น้อย ผิวเนียนสวยซะจนเซี่ยหลิงหลิงรู้สึกอิจฉา
เฉิงรุ่ยนั่งลงข้างๆเซี่ยหลิงหลิง แล้วกดไปที่จอมือถือสองสามที
ทีวีก็ถูกเปลี่ยนไปยังช่องที่กำลังมีการสัมภาษณ์กันอยู่ ผู้ที่กำลังถูกสัมภาษณ์ก็คือกู้โหยว
เซี่ยหลิงหลิงที่กำลังจดจ่ออยู่กับมือถือตัวเองอยู่ แต่เมื่อได้ยินเสียงกู้โหยว ก็ถึงกับเงยหน้าขึ้นอย่างลืมตัว : “หืม? กู้โหยวเหรอ?”
เมื่อสิ้นเสียงของเธอ หน้าจอทีวีก็ดับลง
เฉิงรุ่ยซ่อนรีโมตเอาไว้ด้วยท่าทีนิ่งๆ : “ดูเหมือนทีวีจะเสียนะ”
เซี่ยหลิงหลิง : “......นายเห็นฉันเป็นเด็กสามขวบเหรอ?”
แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยเข้าใจกับพฤติกรรมที่เฉิงรุ่ยทำ แต่ถึงอย่างนั้นกู้โหยวก็ได้เซ็นสัญญากับบริษัทเจียเฉิงแล้ว กลายเป็นพนักงานคนหนึ่งในบริษัทเจียเฉิง ช่วยเพิ่มคะแนนความสนใจจากแฟนๆรายการได้อย่างดีเลยทีเดียว การจะคอยติดตามดูว่าพนักงานของบริษัทจะเล่นอย่างไรมันก็ถือเป็นสิ่งที่เจ้านายควรทำไม่ใช่เหรอ?
แต่เซี่ยหลิงหลิงก็ขี้เกียจจะซักถามอะไรมากมาย
เฉิงรุ่ยมักจะชอบทำอะไรโดยไม่ค่อยมีเหตุผลตลอดอยู่แล้ว เธอชินแล้ว
เซี่ยหลิงหลิงกล่าว : “งั้นฉันกลับห้องละนะ ฝันดี!”
ยังต้องไปทำงานอีกหนึ่งวัน ก็จะมีวันหยุดและนอนพักอยู่บ้านสบายๆ เซี่ยหลิงหลิงเตรียมตัวกับการนอนข้ามวันข้ามคืนหมกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มสั่งอาหารเดลิเวอรี่มากินเอาไว้แล้ว
“แกร๊ก” นี่คือเสียงปิดประตู
เฉิงรุ่ยที่นั่งอยู่บนโซฟานิ่งเงียบไป
เขาหยิบห่อหมั่นฝรั่งทอดกรอบรสแตงกว่าขึ้นมาแกะกินเงียบๆ กรุบกรับกรุบกรับ พรางครุ่นคิดว่าควรจะเริ่มแผนการต่อไปยังไงดี
จริงๆแล้ววันนี้ควรจะพูดหลอกเซี่ยหลิงหลิง แต่มันกลับผิดพลาดไปแล้วครึ่งทาง แต่ก็ยังเหลือแผนต่อไปที่ต้องทำ
เขามีความมั่นใจมาก
เฉิงรุ่งทำอย่างที่เขาพูดไว้จริงๆ ตื่นมาเก็บกระเป๋าสัมภาระแต่เช้า ทำท่าทีเหมือนเตรียมจะเดินทางไกลจริงๆ
เซี่ยหลิงหลิงยุ่งอยู่กับการแต่งตัว แต่ก็ไม่ลืมเตือนให้เขาพกสิ่งที่จำเป็นไปด้วย ท่าทีที่ดูไม่เป็นเดือดเป็นร้อนของเฉิงรุ่ย เหมือนกับจะเตรียมตัวออกไปเที่ยวยังไงอย่างงั้น แบบนั้นมันทำให้เซี่ยหลิงหลิงอดที่จะเป็นห่วงเขาไม่ได้ หากมีเวลามากพอ เธอก็อยากจะไปยืนคุมตอนที่เฉิงรุ่ยเก็บของ สายตาจับจ้องไปยังของทุกชิ้นที่เขาหยิบใส่กระเป๋า
ก่อนเซี่ยหลิงหลิงจะออกบ้านก็ได้เอ่ยปากพูดว่า : “เดินทางปลอดภัยนะ ฉันส่งแค่นี้แหละ”
“อื้ม”
“แล้วก็อีกอย่าง......”
คำว่าสุขสันต์วันเกิดเกือบหลุดออกมาจากปากของเซี่ยหลิงหลิง เธอฉุกคิดเล็กน้อย ขยี้จมูก แล้วพูดต่อ : “ช่างเถอะ ไม่มีอะไร ดูแลตัวเองดีๆละกันนะ”
แม้เฉิงรุ่ยจะชอบทำตัวน่าเป็นห่วง แต่ตอนที่ไม่มีเธอเขาก็มีชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุข คงไม่ต้องกังวลอะไรหรอก
เขาใช้สายตาส่งเซี่ยหลิงหลิง เฉิงรุ่ยยังโบกมือบ๊ายบายให้เธอด้วยท่าทีเรียบร้อย
เมื่อประตูปิดลง เขาก็เริ่มแผนการทันที ตามที่คู่มือได้ระบุเอาไว้ ตั้งใจจะเตรียมดินเนอร์ใต้แสงเทียน แน่นอนว่าจะขาดเทียนกับไวน์แดงไปไม่ได้เลย
เซี่ยหลิงหลิงยังไม่รู้ว่าเฉิงรุ่ยกำลังพูดโกหก
เธอดูมีอาการเหม่อลอยใจลอยทั้งวัน
ในเมื่อเฉิงรุ่ยไม่อยู่ เธอก็ควรจะไปเข้าร่วมงานเลี้ยงของบริษัท ทุกคนมากินข้าวร้องเพลงด้วยกัน
จนเมื่อถึงเวลาเลิกงาน เธอก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปร่วมงานกินเลี้ยงของบริษัทดีมั้ย
เซี่ยหลิงหลิงนึกภาพว่าต้องกลับไปอยู่ในห้องที่มีแต่ความว่างเปล่าแล้ว เธอก็รู้สึกถึงความน่าเบื่อ แล้วเธอก็นึกอะไรบางอย่าง ————
หากเป็นแบบนั้น เธอรีบซื้อตั๋วแล้วบินไปฉลองปีใหม่กับเฉิงรุ่ยให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยดีกว่ามั้ย?
การคุยธุรกิจน่าจะใช้เวลาเฉพาะช่วงกลางวัน ตอนกลางคืนก็สามารถฉลองด้วยกัน การไปฉลองที่เมืองอื่นก็เป็นตัวเลือกที่ดีเหมือนกันนะ!
บางครั้งการเดินทางที่บอกว่าจะไปก็ไปเลยแบบนี้ มันก็ทำให้เซี่ยหลิงหลิงรู้สึกตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย เธอชอบทำกิจกรรม พูดแล้วทำเลย เธอบอกคนขับว่าตัวเองมีธุระต้องทำ แล้วรีบขึ้นแท็กซี่มุ่งหน้าไปที่สนามบิน
เซี่ยหลิงหลิงรีบจองตั๋วเครื่องบินของเธอ โชคดีที่เธอพกบัตรประชาชนติดตัวมาด้วย เพียงแต่ไม่ได้พกพวกเครื่องสำอางมาด้วย ถึงตอนนั้นค่อยไปหาซื้อเครื่องสำอางแบบพกพาใช้คั่นเวลาไปก่อน
ไฟล์ทที่เร็วที่สุดคือตอนสามทุ่มกว่า รีบบึ่งไปสนามบินตอนนี้ก็คงจะถึงเกือบๆสองทุ่ม หากไม่โหลดกระเป๋าก็คงจะประหยัดเวลาไปได้ไม่น้อย เซี่ยหลิงหลิงลงรถปุ๊ปก็รีบวิ่งอย่างบ้าคลั่ง เธอรีบเช็คอินแล้ววิ่งหาประตูทางเข้า ทุกอย่างดูคล่องแคล่วรวดเร็วไปหมด เธอถึงประตูทางออกขึ้นเครื่องก่อนเก้าโมง
เขากำลังเริ่มตรวจบัตรกันแล้ว เซียหลิงหลิงผ่านขั้นตอนนั้นมา แล้วนั่งลงบนที่นั่งของตัวเอง
เธอโชคดีได้ที่นั่งริมหน้าต่างพอดี เพียงแต่ว่ารอบนี้ไม่ได้นั่งอยู่หัวเครื่อง และข้างๆเธอก็ไม่ได้มีเฉิงรุ่ยอยู่ แต่มันกลับเป็นคู่รักคู่นึง ผู้ชายมีอาการแอบเหล่มองเซี่ยหลิงหลิงเป็นพักๆ จนถูกแฟนสาวจับได้ แล้วใช้มือดึงหูของเขาแล้วขอเปลี่ยนที่นั่ง แล้วทุกอย่างก็กลับสู่ปกติ
เครื่องบินกำลังจะเทคออฟในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ เซี่ยหลิงหลิงเปิดมือถือขึ้นมาดู ก่อนจะเปิดเข้าไปที่แชทสนทนาของเฉิงรุ่ย
เซี่ยหลิงหลิง : “ฉันกำลังไปหานายนะ เซอร์ไพรส์ใช่มั้ยล่ะ? เครื่องกำลังจะออกแล้ว อีกไม่กี่ชั่วโมงเจอกันนะ~”
เมื่อพิมพ์เสร็จ เซียหลิงหลิงก็ปิดเครื่อง รัดเข็มขัด หลับตาแล้วสงบจิตสงบใจ
เฉิงรุ่ยที่จัดเตรียมทุกอย่างจนเสร็จแล้วก็นั่งรอเซี่ยหลิงหลิงกลับจากงานเลี้ยงบริษัทอย่างใจจดใจจ่อ ก่อนจะได้รับข้อความจากเซี่ยหลิงหลิงที่บอกว่าจะไปหา
เฉิงรุ่ย : “......”
เธอจะไปไหน? ไปบนสวรรค์เหรอ?
เขาตอบสนองด้วยความรวดเร็ว รีบโทรหาถูหนาน เฉิงรุ่ยโทรหาถูหนานน้อยมาก ถูหนานเมื่อเห็นชื่อของผู้โทรเข้ามาก็ถึงกับสะดุ้งตกใจ เขารีบเดินออกไปรับโทรศัพท์โดยไม่สนใจปฏกิริยาของสาวที่นัดมาเดตเลยสักนิด
“มีอะไรหรือเปล่าบอส? คงไม่ได้โทรมาสั่งเพิ่มโอทีหรอกใช่มั้ยเนี่ย?”
เสียงของเฉิงรุ่ยเคร่งขรึม : “นายบอกเธอว่าฉันไปที่ไหน?”
ถูหนานเกิดอาการตกตะลึงก่อน ก่อนจะนึกออกว่าคนที่เฉิงรุ่ยหมายถึงคือใคร
“ฉันพูดไปส่งๆว่านายไปเมือง H ทำไมเหรอ? ......หรือว่า พี่สะใภ้บินตามไปหาบอสเหรอ?! ซวยแล้ว!”
ที่ตอบกลับมาให้คือเสียงตัดสายใส่
เขาทำหน้าเหมือนกำลังจะร้องไห้ ทันใดนั้นก็ลืมไปเลยว่าตัวเองกำลังมานัดเดต ซวยแล้วซวยแล้ว เรื่องใหญ่แล้ว!