บทที่ 45
บ๗ที่ 45
หลังจากที่วางสายแล้วเฉิงรุ่ยก็รีบโทรหาเซี่ยหลิงหลิงทันที เมื่อโทรไป ก็ได้ยินเพียงแต่ว่า “ขออภัยค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”
เขาหยิบเสื้อคลุมแล้วออกจากบ้าน ก่อนจะรีบมุ่งหน้าไปที่สนามบิน ตรวจสอบเที่ยวบินที่เซี่ยหลิงหลิงนั่ง
......
เซี่ยหลิงหลิงเกือบเผลอหลับ
เธอรู้แค่เพียงว่าตัวเองหลับไปนานมาก แต่เครื่องก็ยังไม่เทคออฟสักที
ในขณะนั้นเอง ก็มีเสียงประกาศดังขึ้นมาในเครื่อง เสียงนุ่มนวลของผู้หญิงดังขึ้น : “ท่านผู้โดยสารคะ เนื่องด้วยขณะนี้เมืองปลายทางได้เกิดพายุหิมะขึ้นฉับพลัน สภาพอากาศอยู่ในระดับฉุกเฉินไม่สามารถขึ้นบินได้ จึงมีความจำเป็นต้องยกเลิกเที่ยวบินนี้ ต้องขออภัยในความไม่สะดวก......”
ทันทีที่เสียงประกาศหยุดลง ก็มีเสียงจากผู้โดยสารรอบข้างบ่นกันขึ้นมา เหมือนว่าไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
โดยปกติแล้วจะต้องมีการประกาศบอกก่อนล่วงหน้าหนึ่งวันโดยประมาณ แล้วตอนนี้จะทำยังไงดีล่ะ ไม่ต้องคิดเลย ไฟล์ทอื่นๆที่บินไปเมือง H ก็คงจะถูกยกเลิกเหมือนๆกัน
เซี่ยหลิงหลิงเองก็อึ้งไปเหมือนกัน
สิ่งแรกที่เธอคิดถึงก็คือ เฉิงรุ่ยเองก็คงจะต้องติดอยู่ที่เมืองนั้นจนออกมาไม่ได้เหมือนกันสินะ
พนักงานต้อนรับก็ยังคงพูดขออภัยผู้โดยสารบนเครื่อง เรื่องสภาพอากาศมันก็เป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ เซี่ยหลิงหลิงจึงต้องยอมจำนนกับสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วหยิบมือถือออกมา ตัดสินใจกลับบ้านไปนอนพักผ่อน
เซี่ยหลิงหลิงเปิดเครื่องมือถือ ก็เห็นข้อความที่เฉิงรุ่ยส่งมาให้
“ฉันไม่ได้บินไปดูงาน”
“เครื่องยังไม่ทันออกก็ต้องลงเครื่องแล้ว”
“ฉันเห็นว่าเที่ยวบินถูกยกเลิกแล้ว เธออยู่ที่ไหน?”
“ฉันถึงสนามบินแล้ว”
ข้อความที่ถูกส่งมารัวๆจากเฉิงรุ่ยทำให้เซี่ยหลิงหลิงถึงกับสะดุ้งตกใจ ขณะเดียวกันนั้น เธอก็รู้สึกตัวขึ้นมา —— เซี่ยหลิงหลิงกัดฟันกรอด นี่จริงๆแล้วเฉิงรุ่ยไม่ได้บินไปดูงานหรอกเหรอ? ตกลงหมอนี่ทำอะไรของเขากันแน่เนี่ย?
เซี่ยหลิงหลิงเดินลงจากเครื่องพร้อมกับผู้โดยสารคนอื่นๆ ก่อนจะโทรหาเฉิงรุ่ย
ทันทีที่ออกจากประตู เกล็ดหิมะก็เริ่มตกลงมาจากท้องฟ้า เซี่ยหลิงหลิงรู้สึกขนลุกซู่ แล้วเธอก็ได้เห็นหิมะสีขาวปกคลุมไปทั่วพื้นดิน
บนหน้าจอมือถือขึ้นบอกว่ากำลังโทรหาอีกฝ่าย แต่ยังไม่รับสาย จากนั้น เสียงโทรศัพท์ก็ตัดไป โทรศัพท์ถูกแช่แข็งจากความเย็นจนแบตเตอรี่หมด แล้วเครื่องก็ดับไปเองอัตโนมัติ
เซี่ยหลิงหลิง : “! ! !”
“อย่าพึ่งหมดตอนนี้สิ!”
แย่แล้ว! เธอไม่ได้พกสายชาร์จมาด้วย!
ในตอนนี้เซี่ยหลิงหลิงทำได้เพียงแค่รีบวิ่งกลับเข้าไปในสนามบิน ภาวนาขอให้ยิมสายชาร์จได้
จนเมื่อเธอกลับเข้ามาถึงภายในอาคาร ผู้คนมากมายเต็มไปหมด แต่กลับไม่พบเฉิงรุ่ย เซี่ยหลิงหลิงเปิดเครื่องใหม่อีกครั้งด้วยอาการปวดหัว โชคดีที่แบตยังมีเหลืออยู่ 5% และมันก็ทำให้เธอเปิดเครื่องได้สำเร็จ
เธอเห็นสายที่โทรเข้ามาเป็นจำนวนมากของเฉิงรุ่ย
เซี่ยหลิงหลิงจึงรีบยกมือถือขึ้นวีดิโอคอล
เสียงดังเพียงตู๊ดเดียว อีกฝ่ายก็กดรับสายทันที เซี่ยหลิงหลิงก็พูดขึ้นมา : “แบตฉันใกล้หมดแล้ว นายอยู่ที่ไหน?”
เฉิงรุ่ยที่อยู่ในวีดิโอเผยให้เห็นว่าเขาก็ยืนอยู่ในอาคารโดยสารเช่นกัน ด้านหลังมีคนเดินผ่านไปผ่านมา เซี่ยหลิงหลิงดูไม่ออกเลยว่าตำแหน่งที่เขายืนคือตรงไหน เฉิงรุ่ยก็พูดขึ้น : “เธอยืนอยู่ที่เดิมนั่นแหละ”
เซี่ยหลิงหลิง : “ฮะ อืม?”
มือถือดับไปอีกครั้ง
เซี่ยหลิงหลิง : “......” เซี่ยหลิงหลิงหมดแรงจะบ่นอะไรแล้ว
ในขณะที่เซี่ยหลิงหลิงกำลังมองซ้ายมองขวาอย่างรนๆอยู่นั้น ก็มีเสียงใสๆของเฉิงรุ่ยดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของเธอ : “เธอกำลังมองอะไรอยู่เหรอ?”
เซี่ยหลิงหลิงตกใจจนเกือบจะสะดุ้งโหยง