บทที่ 57
บ๗ที่ 57
ด้านนอกมีเรื่องอื้อฉาวของบริษัทเจียเซิ่งแพร่ไปทั่ว ว่าบอสใหญ่ของบริษัทยอมเปิดเผยตัวตนแล้ว ข่าวลือถูกพูดกันไปต่างๆนานา ถูหนานเองก็ยุ่งจนหมุน
ภาพถ่ายของเฉฉิงรุ่ยถูกเผยแพร่ออกไป ในขณะที่โลกโซเชียลกำลังอยู่ในความโกลาหล แต่ก็ยังมีกลุ่มคนจำนวนมากโฟกัสไปที่จุดๆหนึ่ง —— OMG! บอสใหญ่บริษัทเจียเซิ่งทำไมถึงได้หล่อขนาดนี้! ความเบลอจากกล้องของพวกปาปารัสซี่ไม่สามารถทำให้ใบหน้าอันงดงามนั้นได้ขาดคะแนนเลยสักนิด!
การปกปิดตัวตนของเขานอกจากจะไม่ทำให้บริษัทเจียเซิ่งเสียชื่อเสียงแล้ว
กลับกัน รูปภาพของเฉิงรุ่ยยังทำให้เขามีแฟนคลับสาวๆเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย ต่างพากันไปเข้าไปเรียก “สามี” ในเพจของเจียเซิ่งกันเต็มไปหมด พร้อมพากันวิงวอนเรียกร้องให้เฉิงรุ่ยมาออกกล้อง ความนิยมพอๆกับซุปเปอร์สตาร์
ในเพจเวยป๋อของเจียเซิ่งที่เงียบมานานก็ได้อัพสเตตัสหนึ่งขึ้นมา
ขึ้นเป็นมีม : อย่าแม้แต่จะคิด
ในเวลาเดียวกันนั้น ก็มีคอมเมนต์บอกเกี่ยวกับว่าเฉิงรุ่ยแต่งงานมาหลายปีแล้ว ภรรยาก็คือนักวาดนกอ้วนปิ่นก่อน ทั้งคู่ถ่อมตัวกันมานานหลายปี ไม่มีใครเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง จากนั้นกลุ่มคนจำนวนหนึ่งก็ย้ายกันไปขอการยืนยันความจริงในเวยป๋อของนกอ้วนปิ่นก่อน วกไปวนมา เมื่อได้เห็นโพสต์ล่าสุดของเซี่ยหลิงหลิง ทุกคนก็ได้ตกหลุมรักจนกดติดตามเป็นแฟนคลับไปแล้ว
ดังนั้น ในขณะที่เซี่ยหลิงหลิงยังไม่รู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้น เธอก็ได้มีฉายาจากแฟนคลับที่รักใคร่เธอเพิ่มมาอีกอัน
“ภรรยาบอสจอมเผด็จการ”
เซี่ยหลิงหลิงที่เข้าเน็ตมาเจอฉายานี้ : “......”
พนักงานในบริษัทตกใจยิ่งกว่า พวกเขาคิดว่าเซี่ยหลิงหลิงเป็นเพียงแค่พนักงานที่ย้ายเข้ามาทำงานกลางคันเท่านั้น และมีความสัมพันธ์นิดๆกับถูหนาน แต่ใครจะไปคาดคิดว่าเธอคือภรรยาของบอสผู้ลึกลับในตำนานล่ะ???
นี่มันก็ใกล้ตัวมากเกินไปหน่อยมั้ย! ใกล้ตัวซะจนดูไม่ออกเลย!
พูดอีกอย่างก็คือ ภรรยาของบอสใหญ่อยู่ท่ามกลางพวกเขาแท้ๆ นอกจากพวกเขาจะไม่คว้าโอกาส แต่กลับหาเรื่องชวนดื่มเหล้าซะงั้น
นึกไปถึงวันที่พาเซี่ยหลิงหลิงกลับบ้านเฉิงรุ่ยดูมีสีหน้าไม่ค่อยดี เพื่อนร่วมงานที่เคยชวนกินเหล้าหน้าซีดกันไปตามๆกัน ต่างพากันร้องเรียนไปให้ถูหนานกันทั้งคืน
เมื่อเทียบกันแล้ว เจ้านายตัวจริงพักผ่อนอยู่ที่บ้าน......
กินโจ๊กไปสองถ้วยอย่างสบายอกสบายใจ
“......”
ฝีมือของเซี่ยหลิงหลิงนั้นดีมากจริงๆ ต่อให้มันจะเป็นโจ๊กข้าวธรรมดาๆ กินคู่กับกับข้าวเปรี้ยวๆเค็มๆก็สามารถกินได้เยอะพอสมควร แต่จะให้กินโจ๊กทุกวันๆแบบนี้ก็ไม่ไหว กินโจ๊กทุกวันทุกมื้อ กินจนเฉิงรุ่ยจะกลายเป็นโจ๊กถ้วยนั้นอยู่แล้ว
ส่วนเซี่ยหลิงหลิงน่ะเหรอ กินมันทุกอย่าง ดูดเส้นบะหมี่เข้าปากไปด้วยพร้อมกับหันมาบอกเฉิงรุ่ยอีกว่าห้ามกินกับข้าวเยอะเกิน มันเค็ม มันไม่ดีต่อแผล
ในวันเดียวกันเฉิงรุ่ยอ้อนวอนขอร้องเป็นครั้งที่ร้อย : “ไปโรงพยาบาลกันเถอะ เหมือนว่าแผลของฉันจะหายแล้ว”
เซี่ยหลิงหลิงตอบอย่างหงุดหงิด : “นี่พึ่งจะสองวันเองนะ นายเป็นเทพเจ้าหรือไง?”
เป็นเทพเจ้ามั้ยไม่รู้ แต่ที่รู้คือถ้ายังต้องกินแบบนี้ต่อไปอีก อาจจะกลายเป็นผีดิบได้
เฉิงรุ่ยถอนหายใจอย่างหมดหวัง
เซี่ยหลิงหลิงสังเกตเห็นสายตาที่เขาจ้องมา มือกุมถ้วยขึ้นมา แล้วพูดว่า : “รู้สึกว่าฉันรบกวนนายใช่มั้ย? งั้นฉันเอากลับเข้าไปกินในห้องแล้วกัน”
เฉิงรุ่ย : “ไม่ต้อง กินเสร็จเราไปโรงพยาบาลกันเถอะ”
เซี่ยหลิงหลิง : “......”
ตกลงหมอนี่เป็นอะไรกันแน่ สองวันก่อนคนที่โอดโอยว่าเจ็บนั่นปวดนี่ ก็คือเขาเองไม่ใช่หรือไง?
คนนึงนั่งกินโจ๊ก อีกคนนั่งดูดเส้นบะหมี่ เซี่ยหลิงหลิงคิดว่ามันก็ดูกลมกลืนกันดีนี่นา
มื้อค่ำเสร็จสิ้น เฉิงรุ่ยล้างถ้วยชาม ก่อนจะห้อยผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป แต่ก็ถูกเซี่ยหลิงหลิงคว้ามือเอาไว้ เซี่ยหลิงหลิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง : “รับปากไว้แล้วไม่ใช่หรอว่าช่วงนี้จะไม่อาบน้ำ แผลมันจะอักเสบได้”
ไม่อาบน้ำวันเดียวก็ยังพอทนได้ ไม่อาบสองวัน ก็จะเริ่มรู้สึกว่าร่างกายเริ่มมีกลิ่นอับๆโชยออกมาแล้ว
เฉิงรุ่ยบอกว่า : “ฉันจะเหม็นเอานะ”
เซี่ยหลิงหลิงตอบอย่างปกติ : “เหม็นก็เหม็นสิ แม้แต่กลิ่นตัวเองนายยังรังเกียจ ยังจะคาดหวังไม่ให้คนอื่นรังเกียจนายได้อีกเหรอ?”
เฉิงรุ่ยเงียบไป
นี่เขาแพ้เหรอเนี่ย???
ทั้งคู่หยุดสงครามชักเย่อกันลง ในที่สุด เฉิงรุ่ยก็ยอมอ่อนข้อ รับปากกับเซี่ยหลิงหลิงว่าจะอาบลวกๆ แต่สระผมเองไม่ได้ เลยขอร้องให้เซี่ยหลิงหลิงช่วยเป็นธุระสระให้หน่อย
สระผมง่ายๆแค่นี้ เซี่ยหลิงหลิงตอบตกลงไปอย่างไม่ลังเล
เฉิงรุ่ยอาบน้ำเสร็จ ร่างกายเปียกปอนไปหมด เขาสวมชุดนอน ยืนอยู่ในห้องน้ำพร้อมกับเซี่ยหลิงหลิงที่พยายามมองไปรอบๆ แม้พวกเขาจะรู้จักกันมานาน แต่เซี่ยหลิงหลิงก็ไม่เคยเข้ามาเห็นห้องน้ำของเฉิงรุ่ย มันดูสะอาดสะอ้านกว่าที่ตัวเองคิดไว้เยอะ กระเบื้องสีน้ำทะเล กระจกที่ใสสะอาดและชั้นวางของ ข้าวของไม่เยอะมาก แต่ก็ยังดูเป็นระเบียบ
“ว้าว ห้องน้ำสวยเหมือนกันนะเนี่ย”
เซี่ยหลิงหลิงถือฝักบัวไว้ ตบไปที่ท้ายทอยของเฉิงรุ่ยเบาๆ ให้เขาก้มหัวลง เฉิงรุ่ยก้มหัวลงมาอย่างว่าง่าย ตัวของเขาสูงมาก ทำให้อ่างล้างหน้าดูเตี้ยไปเกือบครึ่ง ดูๆไปแล้วก็ไม่ค่อยเข้ากับส่วนสูงของเขาสักเท่าไหร่
เซี่ยหลิงหลิงบ่นพึมพำ : “จะเกิดมาสูงขนาดนี้ทำไมเนี่ย”
“ก็เพื่อเติมเต็มส่วนสูงของเธอไง”
ได้ยินแบบนั้น เซี่ยหลิงหลิงก็ถึงกับอึ้ง ก่อนจะบีบคอเขาเอาไว้ : “เวลาแบบนี้ยังจะมากวนอีก ยืนดีๆเลย ฉันจะเปิดน้ำร้อนแล้ว!”
เซี่ยหลิงหลิงไม่ควรคาดหวังอะไรกับเฉิงรุ่ยเลยจริงๆ ตั้งแต่เริ่มสระผมจนถึงตอนสุดท้าย ก็ยังไม่หยุดพูดเลย
“น้ำร้อนเกินไป”
“มันเบาไป”
“มันเย็น ปรับให้ร้อนอีกนิด”
“ยาสระผม......”
“เงียบ!” เซี่ยหลิงหลิงเริ่มดุ
เฉิงรุ่ยที่ก้มหัวอยู่ก็เบาเสียงลง บ่เสียงอู้อี้ : “ยาสระผมเข้าตาแล้ว”
“เห้ยๆๆ ขอโทษๆ! โทษนายที่ไม่ยอมบอกตั้งแต่แรก!”
“......”