ตอนที่21วางแผน
ตนที่21วางแผน
“เปล่า”ธนเทพยังไม่ได้คิดอะไรมันเหมือนเป็นคำตอบที่ลบล้างออกมาจากจิตใต้สำนึกเขามองซ้ายขวาจากนั้นก็จูงเธอเข้าไปนั่งในรถของเขาชวนีพยายามที่จะขัดขืนเขาจ้องเขม็งเธอด้านข้างและพูดด้วยน้ำเสียงที่ลึกซึ้งอย่างหาสิ่งใดเปรียบไม่ได้“นีให้โอกาสเทพอธิบายก่อนนะ”
ชวนีมองธนเทพแล้วก้มหน้าราวกับว่าในที่สุดก็ต้องยอมรับโดยปริยาย
ธนเทพยิ้มแล้วก็ขับรถออกไปทันที
เมื่อขับรถไปถึงจุดที่ไกลออกไปหน่อยเขาก็หยุดรถลงตรงริมถนนพอหันไปเห็นชวนีร้องไห้จนตาทั้งสองข้างแดงไปหมดก็รู้สึกปวดใจเลยเอามือทั้งสองข้างไปกุมใบหน้าที่ขาวซีดของเธอและจูบลงไปที่ริมฝีปากของเธอ
ชวนีตัวสั่นคิดอยากที่จะปฏิเสธแต่ความรู้สึกของเธอนั้นกลับไม่รู้สึกตอบสนองต่อจูบของเขา
ผ่านไปเป็นเวลานานเขาก็ปล่อยเธอเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเธออย่างนุ่มนวลและพูดว่า“นี่นีก็รู้หนิว่าเทพทนเห็นนีเสียใจไม่ได้น่ะ”
ชวนีกัดริมฝีปากล่างของตัวเองจนบวมแดงแล้วก็เบิกตาขึ้นมามอง“เมื่อกี้เทพกับเค้า…”
“จุ๊ๆ…”ธนเทพเอานิ้วมาปิดริมฝีปากเธอ“นีนั่นมันก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของแผนเราผมเคยบอกคุณแล้วหนิผมจะไม่รักผู้หญิงคนอื่นนอกจากคุณ”
เมื่อเห็นเขาพูดอย่างแน่วแน่เช่นนั้นลึกๆแล้วชวนีก็รู้ว่าจะได้ยินคำรับประกันจากปากของเขาเธอควรที่จะเชื่อเขาแต่ว่า...
ธนเทพดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอด“ไม่อนุญาตให้นีคิดมากอีกแล้วนะตอนนี้เทพก็แค่ทำให้เธอไปขอและพูดโน้มน้าวให้นายอำเภอเซ็นอนุมัติเงินก้อนนั้นเทพก็จะไม่ต้องเสียเวลาไปกับเธออีก”
ชวนีเงยหน้าขึ้นมา“จริงเหรอ”ท่าทางที่ดูกลัวของเธอนั้นทำให้ธนเทพใจอ่อนเขายิ้มแล้วพูดว่า“ยัยโง่ฉันเคยหลอกเธอรึยังล่ะ”
เธออิงแอบเข้าไปในอ้อมกอดของเขาอีกครั้งแล้วพูดเบาๆ“เทพฉันรักคุณมากจริงๆนะฉันอยู่โดยไม่มีคุณไม่ได้นะ
เขาพูดด้วยเสียงอย่างลึกซึ้ง“เทพรู้น่า”
เขารักผู้หญิงคนนี้...ธนเทพบอกตัวเองไว้แบบนี้
ชวนีหลับตาลงเสวยความสุขในอ้อมกอดของเขาอย่างรู้สึกปลอดภัยเธอรู้สึกได้ถึงเขาโอบกอดเธอไว้แน่นเหมือนอยากจะตอบเธอในที่สุดเธอก็ยิ้มออกมา
เมื่อเห็นรอยยิ้มชวนีธนเทพก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกเบาๆและอารมณ์ดีขึ้นมาทันทีเขาพูดข้างๆหูเธอด้วยเสียงที่แหบแห้ง“นีพวกเราไม่ได้ทำกันมานานแล้วนะ…”
ธนเทพอุ้มชวนีออกไปเศวยารู้อยู่แล้วบางทีอาจเป็นเพราะหัวใจชามานานแล้วเธอก็เลยไม่ได้รู้สึกอะไร
เป็นเรื่องที่ดี
ขณะที่เดินไปที่บ้านก็เห็นคนสองคนอยู่ข้างหน้าที่กำลังลากดึงกันไปมาอยู่หน้าบ้านโดดๆของตัวเองอยู่
“แม่แม่อย่าไปเลยกลับไปกับผมเถอะ!”เด็กผู้ชายวัยรุ่นใส่แว่นคนหนึ่งขมวดคิ้วเข้มและกำลังดึงแม่ของตัวเอง
“ไม่ใช่เรื่องของแก!แกรีบกลับไปซะ”
เด็กหนุ่มลนลาน“แม่!เรื่องที่พ่อก่อในตอนนั้นแม่ยังจะมาขอความช่วยเหลือจากคนอื่นตอนนี้อีกแม่ไม่อายบ้างเหรอ”
"พนิต!คิดว่าแม่ไม่รู้จักคำว่าขายหน้าเหรอแต่เพื่องานของลูกถึงจะต้องขายหน้ายังไงแม่ก็ยอม!"
เศวยาค่อยๆเดินเข้ามาใกล้มองปราดเดียวเธอก็ดูออกในทันที
ใช่นั่นคือพนิต...ปีสองปีต่อมาเป็นนักธุรกิจที่มีอำนาจมากทั่วประเทศ
ในปีนั้นก็เป็นเพราะธนเทพอยากจะเชิญคนนี้มาช่วยเหลือตัวเองเศวยาถึงได้รู้ข้อมูลบางอย่างของเขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะได้มาเจอเขาหน้าบ้านเขาผู้ที่เริ่มมีชื่อเสียงในตอนนั้นพนิตในตอนนี้ก็ยังคงมีกลิ่นอายของคนที่มีความรู้เขาแต่งตัวธรรมดามาก
เมื่อรู้สึกตัวว่าข้างๆมีคนกำลังจ้องมองพนิตหันไปก็เห็นสายตาที่งงงวยของเศวยาทันใดนั้นแก้มที่ขาวซีดก็แดงขึ้นมาทันทีโดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงหน้านั้นเป็นเด็กผู้หญิงที่สวยก็ยิ่งรู้สึกไม่อยากที่จะปรากฏตัวอยู่ตรงนี้
เขารีบก้มหน้า“แม่!พวกเราไปกันเถอะ”
"ไม่ได้ไม่ว่ายังไงวันนี้แม่ต้องได้พบนายอำเภอชิตวร”แม่ของพนิตเห็นเศวยาเข้าก็รีบเข้าไปถามและยิ้มให้“นี่แม่หนูหนูรู้มั้ยว่าท่านชิตวรอยู่ชั้นไหนน่ะ”
เศวยามองพนิตความแดงบนใบหน้าของเขาได้ลามไปถึงช่วงคอเขากำลังก้มหน้ามิน่าล่ะที่แท้ก็กำลังจะหาเส้นสายเธอยิ้มอ่อน“คุณป้ามาหานายอำเภอชิตวรไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรเหรอคะ”
"อ้อพวกเราเป็นคนในครอบครัวของเพื่อนท่านชิตวรจ่ะอยากจะมาพบเขาสักหน่อย”หล่อนพูดพลางส่ายถุงผลไม้ในมือที่ซื้อมาเป็นผลไม้ตามฤดูหิ้วถุงพลาสติกสีแดงธรรมดา
“แม่!”พนิตทั้งโกรธทั้งลนลานไม่กล้าที่จะเอาสายตามองไปที่เศวยา
เศวยายิ้ม"อ๋อค่ะถ้างั้นคุณป้าตามหนูมาเลยค่ะ”
"ตายจริงขอบคุณมากเลยนะแม่หนู!"
เห็นแม่กับเศวยาเดินเข้าไปในตัวบ้านพนิตก็กัดฟันเดินตามเข้าไป
เมื่อถึงตอนที่เศวยาควักกุญแจออกมาจะเปิดประตูบ้านสองแม่ลูกถึงจะตกใจขึ้นมาที่แท้เธอก็เป็นทายาทของนายอำเภอผู้ร่ำรวยมหาศาล!
แม่และลูกชายนั่งอยู่ในห้องรับแขกเศวยาให้น้าลดาวัลย์ชงชายกผลไม้และขนมมาเสิร์ฟพวกเขา
เมื่อเห็นสิ่งของเหล่านั้นบนโต๊ะแล้วกลับมองผลไม้ราคาถูกที่ตัวเองเอามาใบหน้าของพนิตเหมือนกับถูกแผดเผาด้วยเปลวไฟนั่งอยู่ตรงนั้นอยู่นานโดยไม่ได้พูดอะไรแต่แม่ของเขากลับเอามือจารวีมากุมไว้แล้วถามเรื่องโน้นเรื่องนี้“ไอ๋หยาที่แท้หนูคือเศวยาหรอกเหรอโตถึงขนาดนี้แล้วป้ายังจำตอนที่เพิ่งเจอหนูได้อยู่เลยตอนนั้นหนูยังถูกแม่อุ้มอยู่ในอ้อมกอดเลย!
เศวยายิ้มและถามว่า“คุณป้ารู้จักแม่ของหนูด้วยเหรอคะ”
“แน่สิจ้ะ!ที่พ่อกับแม่ของหนูแต่งงานกันได้ก็เพราะป้าเป็นแม่สื่อนี่แหละตอนนั้นฉันกับแม่ของหนูคุยหยอกล้อกันว่าถ้าป้ามีลูกชายก็จะจับเป็นคู่หมั้นคู่หมายกัน!”เขมิกายิ่งพูดก็ยิ่งมีความสุขแล้วดึงพนิตเข้ามาและพูดว่า“นี่ลูกชายป้าเองชื่อพนิตอ่อนกว่าหนูยาปีเดียวเอง”
พนิตหลบตาเศวยามือทั้งสองบีบกันอย่างไม่เป็นธรรมชาติพูดเสียงต่ำ“แม่หยุดพูดได้แล้ว”
ในตอนที่รอดุสิดากลับมาพอเห็นเศวยาเชิญสองคนนั้นเข้ามาในบ้านก็มองพวกเขาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะสบายใจ"ยาสองคนนั่นใครน่ะ”
เศวยาตอบกลับอย่างเย็นชา"เป็นคนในครอบครัวของเพื่อนคุณพ่อน่ะ"
ดุสิดามองผ่านๆก็รู้ว่าพวกเขามาหาถึงบ้านเพราะมีเรื่องหลังจากที่เธอทักทายด้วยสีหน้าที่ยิ้มเหมือนไม่ยิ้มแล้วก็นั่งลงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต้อนรับแขกสักเท่าไหร่“ช่วงนี้ท่านชิตวรงานยุ่งมากต้องกลับบ้านช้าทุกวันเหอะๆพวกคุณก็รู้นี่ว่าเขาเป็นายอำเภอภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบก็มากมายยุ่งเรื่องงานมันก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่หรอกแต่ก็ยังมีคนมากมายที่เอาเรื่องนอกมาให้เขาทำทำให้คนอื่นลำบากซะจริง”
เขมิกาได้ฟังคำพูดที่เหน็บแนมของดุสิดาก็ยิ้มออกมาอย่างเจื่อนๆ“นั่นสิคะคุณชิตวรเนี่ยน่าจะลำบากมากจริงๆ”
พนิตยังคงเด็กไม่เข้าใจสิ่งที่พวกหล่อนพูดเขาจึงกระโดดลุกขึ้นมาสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วหันไปหาดุสิดาเพื่อกล่าวขอโทษ“ขอโทษครับที่มารบกวน”เขาหันตัวกำลังจะเดินออกไป
เขมิการีบลุกขึ้น“พนิตรอก่อนสิพนิต...”
สีหน้าท่าทางบนใบหน้าของเศวยาเย็นชาไปพักหนึ่งหันไปมองดุสิดาแวบหนึ่งหันตัวแล้วเดินไปตาม
ดุสิดาตามพนิตไปถึงหน้าบันไดแล้วพูดโน้มน้าวเขา“ลูกพวกเรามาขอให้เขาช่วยช่วยทนหน่อยไม่ได้เหรอไง!”
"แม่!ผมไม่ได้อยากจะเข้าองค์กรอะไรอยู่แล้ว…”เมื่อเห็นเศวยาเดินมาเขาก็หยุดที่จะพูดต่อ
เศวยามาอยู่ตรงหน้า“คุณป้าเขมิกาคะหนูขอคุยกับเขาเป็นการส่วนตัวได้มั้ยคะ”
เขมิกาตกใจจากนั้นแววตาก็เป็นประกายคิดว่าเศวยาไม่ทันไรก็ติดใจลูกชายทั้งตกใจทั้งดีใจถ้ามีลูกสะใภ้เป็นเศวยาแบบนี้ก็คงไม่ต้องกลัวแล้วว่าพนิตจะหางานทำไม่ได้คิดไปคิดมาพนิตลูกชายของตัวเองนี่แหละที่ดีเลิศแม้แต่ลูกของนายอำเภอผู้ร่ำรวยก็ยังหวั่นใจ
เธอรีบพยักหน้าหลายครั้ง“จ่ะๆๆวัยรุ่นอย่างพวกหนูก็ควรที่จะคุยกันเยอะๆพนิตแม่ไปรอลูกที่หน้าป้ายรถประจำทางนะอ้อไม่ต้องดีกว่าเดี๋ยวแม่กลับก่อนดีกว่าลูกอยู่คุยกับหนูยาไปเถอะไม่ต้องรีบไม่ต้องรีบ”
ความหมายในใจของแม่ชัดเจนขนาดนี้ทำให้พนิตทำตัวไม่ถูกและไม่มีทางเลือกเขาหลบตาตอนแรกจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่มองเศวยาเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เข้มงวด“คุณเศวยาครับเรื่องวันนี้ผมขอโทษแทนแม่ผมด้วยนะครับพวกเราพรวดพราดเกินไปผมรับประกันว่าต่อไปจะไม่มาวุ่นวายและรบกวนอีกครับ”
ตอนที่เขากำลังจะเดินไปเธอก็รั้งไว้และพูดว่า“เรื่องงานน่ะบางทีฉันอาจช่วยได้นะ”
พนิตยืนนิ่งไม่ไหวติงไม่แม้แต่จะหันกลับมา“ขอบคุณในความหวังดีครับแต่ไม่เป็นไรครับ”
“ฮะๆ”เศวยาหัวเราะกลับไม่ได้โมโหท่าทางที่โกรธและเย็นชาของเขาเธอเดินอ้อมรอบเขามาอยู่ตรงหน้าของเขาแววตาที่เหมือนดั่งตาหงส์ก็เปลี่ยนเป็นจันทร์เสี้ยวที่สวยงามสายตาที่แวววาวจ้องมองไปที่เขา“พนิตฉันรู้ว่านายไม่ชอบทำงานตำแหน่งข้าราชการ”
พนิตตกใจนิ่งไปสักพัก"คุณ…"
เศวยายังคงหัวเราะอยู่เหมือนเก่าเป็นรอยยิ้มที่ใสสะอาดเหมือนกับหยดน้ำที่อยู่บนใบบัวเธอค่อยๆมองต่ำลงแล้วเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆพนิตเดินตามไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ
เธอพูดเบาๆว่า“มีคนนึงตอนนี้เขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากฉันอยากช่วยเขาและข้างๆเขายังขาดคนที่เก่งแบบนาย”เธอหยุดฝีเท้าลงแล้วหันไปมองเขา“แทนที่จะพูดว่าช่วยนายหางานไม่สู้เท่ากับพูดว่าช่วยนายทำให้ความฝันสำเร็จเพราะฉันเชื่อว่าเขาจะเป็นคนที่ทำให้นายประสบความสำเร็จดังนั้นนายสามารถช่วยเขาได้มั้ย”
พนิตมองไปที่เธออย่างพินิจพิเคราะห์ถึงแม้ว่าจะเจอกับบุคคลนายอำเภอผู้ร่ำรวยแบบนี้ครั้งแรกแต่ความรู้สึกที่ผู้หญิงคนนี้ให้เธอเหมือนกับว่าเธอคุ้นเคยเขาเป็นอย่างดี
บางทีความซื่อสัตย์ของเธออาจทำให้เขาสนใจบางทีเป็นชีวิตที่กำลังตกอับในตอนนี้อดไม่ได้ที่จะไม่ชอบโน่นไม่เลือกนี่เขาคิดไตร่ตรองพนิตก็ตอบรับเพิ่มขึ้นมาหนึ่งตัวเลือกเพิ่มขึ้นมาหนึ่งความหวังคงไม่ถึงกับเป็นเรื่องที่แย่หรอก
หลังจากที่ทิ้งข้อมูลการติดต่อของตัวเองแล้วเขาก็ถามขึ้นมาอย่างสงสัย“คนคนนี้คือใครเหรอครับ”
สายตาเศวยามองไปที่อื่นและยิ้มมุมปากกว้างอย่างเงียบๆ“เร็วๆนี้เดี๋ยวนายก็รู้เองแหละ”
ชวนีกลับมาค่อนข้างดึกใบหน้าของเธอแดงและดูเหมือนจะมีความสุข
น้าลดาวัลย์ออกมาจากห้องครัวเห็นว่าลุกสาวกลับมาดึกจึงขมวดคิ้วอย่างห้ามไม่ได้"ทำไมเพิ่งกลับมาตอนนี้ล่ะนีนี่พวกเราอยู่บ้านของท่านนายอำเภอนะไม่ใช่บ้านตัวเองรู้จักปฏิบัติตัวให้ดีหน่อยสิ”
ชวนีไม่สนใจ“แม่อย่าจู้จี้ได้มั้ยนีรู้แล้วน่า”
น้าลดาวัลย์มองลูกของตนเหมือนอยากจะถามอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ถามออกไปเพียงแต่พูดออกมาเบาๆ“แม่เก็บอาหารมื้อเย็นไว้ให้ลูกด้วยนะ”
“ไม่เอาละค่ะนีกินมาจากข้างนอกแล้ว”เธอมองตรงไปที่ห้องนอน“นีไปหายานะ”
ชวนีเคาะประตูห้องของเศวยาจากนั้นก็ผลักประตูเข้าไป“ยา..”
เศวยาปิดหน้าข่าวที่อยู่บนโน๊ตบุ้คแล้วหันตัวไป“มีเรื่องอะไรเหรอ”
ชวนีเดินเข้ามาด้วยแก้มที่แดงฉ่ำทั้งสองข้างแววตาแฝงความปิติยินดีท่าทางออดอ้อนเหมือนมีคำพูดที่อยากจะพูดออกมาแต่ก็ไม่พูด“ยา…ฉันกับเทพแยกกันกลับเธออย่าคิดมากล่ะ”
ริมฝีปากสีแดงสวยสดของเศวยาค่อยๆยิ้มขึ้นอย่างช้าๆแก้มที่ดูงามแสดงออกถึงความมีชีวิตชีวาขนตาที่หนาแน่นกระพริบอย่างเป็นธรรมชาติไปสองสามทีแล้วค่อยๆปิดลงตามราวกับจบสิ้นตามประเพณี
คำพูดที่ชวนีเตรียมไว้จะพูดกับเธอกลับถูกทำลายไปหมดสิ้นด้วยสายตาที่เย็นชาของเธอ