ตอนที่46 ผมเกิดที่นั่น
1/
ตอนที่46 ผมเกิดที่นั่น
รักแค้นหรือรักแท้ คำถามจากหัวใจ
(
)
已经是第一章了
ตอนที่46 ผมเกิดที่นั่น
ตนที่46 ผมเกิดที่นั่น ดุสิดาจ้องไปยังลูกเลี้ยงปากร้ายของเธอ กัดริมฝีปากแน่น ก่อนจะบีบรอยยิ้มออกมา “เรื่องล้อเล่นควรจะพูดแต่พอดีเท่านั้นนะ!” “ปัง” เธอวางตะเกียบเสียงดัง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว เศวยายิ้มออกมาอย่างมีความสุข ห้องกินข้าวกลับมาเงียบสงบ ก็สามารถกินข้าวเช้าได้อย่างสบายใจ พอหันไป ก็เห็นว่านินัทธ์กำลังจ้องมาที่เธออย่างตั้งใจทีเดียว เธอจับหน้าตัวเองก่อนจะพูด “หน้าฉันมีอะไรหรอ?” เขาเผยรอยยิ้มออกมา “ผมชอบท่าทางที่คุณทะเลาะจัง” เศวยาทำเป็นไม่ได้ยิน คีบเอาซาลาเปาไส้หมูเข้าปากเขา “รีบกินเร็วเข้า ต้องไปทำเรื่องนู้นเรื่องนี้อีก” เขาเคี้ยวอย่างไม่มีทางเลือก แม้ว่าเขาจะไม่ชอบกินซาลาเปาไส้หมูนี่เลย แต่หากเป็นเธอที่ให้เขากิน เขาก็จะรีบกลืนมันเข้าไปเลย พอกินข้าวเช้าเสร็จ ทั้งสองก็เดินออกมาจากบ้านตระกูลศิริวัชรภัทร พอเดินออกมาหน้าหมู่บ้าน ก็เห็นรถสีดำคันหนึ่ง แล้วก็ยังมีเอฟที่กำลังรออยู่ตรงนั้น เศวยารีบโบกมือให้ทันที “เอฟ?” เอฟพยักหน้าเล็กน้อย “เช้าขนาดนี้ กินข้าวมาแล้วรึยังเนี่ย?” เศวยาถามอย่างเป็นห่วง นินัทธ์ขมวดคิ้วหน้ายุ่ง จับไหล่ของเธอ ด้วยใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ “เขากินแล้ว” ก่อนจะพาเธอขึ้นรถ รอให้นายน้อยของเขาขึ้นรถเสร็จ เอฟก็ไม่พูดอะไร นั่งที่คนขับก่อนจะออกรถ “เอฟ ไปสํานักพิมพ์นะ ” เศวยาเอ่ยขึ้น เอฟรับฟัง และก็มุ่งหน้าไปที่สำนักพิมพ์ทันที พอถึงสำนักพิมพ์ เศวยาก็บอกก่อนที่เธอจะลงจากรถ “พวกคุณรออยู่ที่นี่แหล่ะ เดี๋ยวฉันขอไปหาเพื่อนก่อน” พอเธอไปแล้ว บนรถก็อยู่ในความเงียบ ผ่านไปนานทีเดียวก่อนที่อยู่ๆนินัทธ์ก็เอ่ยปากขึ้น “เอฟ จริงๆแล้ว ซาลาเปาไส้หมูก็ไม่ได้รสชาติแย่ขนาดนั้นนะ” เอฟหายใจเข้าลึกอย่างสนเท่ห์ ก่อนจะพูดด้วยเสียงปกติธรรมดา “.......นายน้อย ผมสามารถบอกได้มั้ยว่าผมยังไม่กินข้าวเช้า?” เศวยาเข้าไปหาจันทรชา แล้วดึงตัวเธอออกมาจากสำนักพิมพ์ จันทรชาขมวดคิ้วอย่างสงสัย “นี่คุณผู้หญิงมีเรื่องอะไรอีกหล่ะจ้ะ?” โดยที่ไม่รอให้เศวยาได้ตอบกลับมา เธอยกมือขึ้น “นอกจากจะนัดสัมภาษณ์พิเศษธนเทพให้ฉัน เรื่องอื่นไม่ให้” เศวยาอดไม่ได้ที่จะมองอย่างดูถูก “ของแท้ๆดีๆไม่อยากได้ อยากได้แต่ของปลอมเปลือก!” จันทรชายักไหล่ “ไม่มีทางเลือกนี่หน่า ของปลอมเปลือกที่เธอว่าเนี่ยมีอิทธิพลมากทีเดียว แค่เพียงได้นัดกับเขานะ ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็อยากจะอุทิศตัวให้แล้ว ” เศวยายิ้มออกมาอย่างแน่วแน่ “ให้ฉันชี้ทางให้เธอมั้ย?” จันทรชาเงยหน้าขึ้น “ว่ามา” “แต่ว่าเป็นอีกทางนึงนะ” จันทรชาขมวดคิ้วขึ้น “เธอคงจะไม่ใช่ให้ฉันไปสัมภาษณ์นินัทธ์อีกใช่มั้ย?” พอเห็นเศวยาพยักหน้าลง จันทรชาก็มองเธออย่างพินิจพิเคราะห์ “เธอไม่ใช่ทำให้ผู้ชายคนนั้นมากไปหรอ?” “ช่วยฉันหน่อยเถอะนะ” เศวยาหนุดลงก่อนจะพูด “ข่าวที่บอกว่าชนิดพจะได้ครองบริษัทหยกทองฟู้ดส์ฉันก็ไม่ได้พูดผิดไม่ใช่หรอ?” จันทรชามองที่เธอก่อนจะหันหน้าไป “งั้นรอแปปนึง เดี๋ยวฉันไปขอออกนอกพื้นที่ก่อน” เศวยายิ้มขึ้นมา เธอรู้ดีว่าจันทรชาเป็นคนปากแข็งไปอย่างนั้นเอง ไม่นานนัก จันทรชาก็เดินออกมาพร้อมกับกล้องในของเธอ และกระเป๋าที่ดูเหมือนจะซื้อมาจากตลาดมือสองก็ไม่ปาน “ป่ะ ไปหาของแท้ที่เธอว่า” เศวยากอดเธออย่างตื้นตัน เอาหัวของเธอซบที่ไหล่ของหล่อน “เศวยา ฉันรู้ว่าเธอหน่ะเก่งที่สุดแล้ว” จันทรชาทำหน้าสะอิดสะเอียน “ถ้าหากว่าจะใช้การสัมภาษณ์นี้ทำลายธนเทพ ฉันจะจบการสัมภาษณ์ทันที” เศวยายักคิ้วขึ้น “ฉันสัญญาเลยหล่ะ ว่าการสัมภาษณ์ครั้งนี้จะทำให้เธอดังเป็นพลุแตกแน่” จันทรชาทำเสียงจิ๊ขึ้นมาก่อนจะกวาดตาไปทางเธอ “ถ้ามันไม่ดังนะฉันจะโทษแกเลย” เศวยายิ้มพลางพาเธอลงจากตึกสำนักพิมพ์ ตรงหน้าต่างที่เปิดแยกออกมา ก็เห็นนินัทธ์กำลังโบกมือให้อยู่ จันทรชามองแวบนึง ก็รู้ทันทีว่าเป็นนายน้อยผู้สูงศักดิ์ จิตวิญญาณในการเป็นนักข่าวโลดแล่นทันที “ไม่เลวนี่ พาคนมาแล้วด้วย” “ฮ่าๆๆ ไม่งั้นจะกล้ามาหาเธอได้ยังไงหล่ะ! ไปเถอะ ขึ้นรถก่อนค่อยว่ากัน” จันทรชาเข้าไปนั่งตรงที่ข้างคนขับ ก็หันไปทักทายนินัทธ์ที่นั่งอยู่ข้างหลังทันที “นายน้อย เจอกันอีกแล้วนะ ” พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตอบ เธอก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะครั้งที่แล้วที่สัมภาษณ์ครั้งแรกก็เคยเจอความเย็นชาเฉยเมยของเขามาก่อนอยู่แล้ว เลยหันหน้าไปหาเอฟ พลางทักทายอย่างมืออาชีพ “สวัสดีค่ะ” แม้แต่หัวเอฟก็ไม่หันมาหา เพียงแค่พูดคำว่า ‘อื้อ’ คำเดียวแล้วก็สตาร์ทรถทันที จันทรชาเก็บปากทันที รู้เลยว่าเหมือนใคร แม้แต่คนขับรถก็ไม่เว้น ทันใดนั้นเศวยาก็แนะนำตัวแทนทั้งสองฝ่ายทันที “จันทรชา นี่คือเอฟนะ เอฟ นี่เป็นเพื่อนสมัยเรียนของฉัน จันทรชา” เอฟก็ยังคงตอบมาคำเดียวคือ ‘อื้อ’ ไม่รู้ว่าได้ฟังที่เศวยาพูดรึเปล่า จันทรชาทิ้งมือลง “ไม่สนิท ก็ไม่ต้องแนะนำกันก็ได้” เอฟขับรถต่อไป ชำเลืองกวาดสายตาไปที่มองผู้หญิงท่ีนั่งประดับข้างๆตัวเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ยังคงขับรถต่อไปเรื่อย เศวยาแทบอยากจะกัดลิ้นตัวเอง จันทรชาก็เป็นคนค่อนข้างถือตัวจะไม่ค่อยเข้าหาใครก่อนซักเท่าไหร่ ส่วนเอฟก็ราวกับกลัวว่าดอกพิกุลจะร่วงออกจากปาก นั่นอาจจะทำให้เธอโกรธได้โดยที่ไม่รู้ตัว สองคนนี้จะดีกว่าถ้าหากให้สองคนคุยกันให้น้อยที่สุด กลับมาที่คนนั่งข้างๆ นินัทธ์ยื่นมือมากุมเธอเอาไว้ มือหนากุมมือน้อย แล้วยังใช้นิ้วยาวลูบไปมาที่มือของเธอ เศวยาจักจี้ไปหมด อยากจะดึงมือกลับแต่เขาก็ไม่ยอม เธอมองเขาอย่างเคืองๆ แจ่นินัทธ์ก็มองกลับมาอย่างอ่อนโยน ทุกๆการกระทำเขาอยากจะอยู่ใกล้ๆเธอ เขาล้วนมีความสุข แต่ก็ดื้อรั้นไม่น้อย ตามที่เศวยาต้องการ เอฟก็ขับรถมาที่ร้านชาเงียบๆลับตาคน เอฟรออยู่ด้านนอก ส่วนอีกสามคนก็เดินเข้าไปในร้าน พอถึงห้องที่มีที่กั้น ก็สั่งน้ำชากับของขบเคี้ยวเล็กน้อย เศวยาก็พูดสิ่งที่เธอคิดเอาไว้ออกมา “จันทรชา ที่ฉันให้เธอมาสัมภาษณ์นินัทธ์อีกครั้งนี่ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับเขา” จันทรชาเบอกตาไปทางนินัทธ์ “ไอ้เรื่องสัมภาษณ์หน่ะสัมได้ แต่ว่านายน้อยหน่ะต้องร่วมมือกับเราด้วย” เธอพูดอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมา ถ้ามันเป็นแบบคราวที่แล้ว ที่ถามไปสามคำถามก็ไม่ตอบมาแม้แต่คำเดียว เธอก็คงจะไม่ไว้หน้าเศวยาอีกต่อไปแล้ว เศวยายิ้มพราย “ครั้งนี้ร่วมมือแน่นอน” พอพูดจบก็หันไปหานินัทธ์ “ใช่มั้ยนินัทธ์?” นินัทธ์พยักหน้า สยตามองไปที่เธอแบบไม่หันเหไปทางไหน จันทรชาเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็ตกตะลึงไป เธอไม่ปล่อยให้เสียเวลาไปฟรีๆรีบหยิบไมค์ขึ้นมาก่อนจะถาม “นายน้อยคะ ได้ยินมาว่าเมื่อตอนยังเด็กๆคุณไม่ได้อยู่ที่บ้านตระกูลวรวงศ์คุณากร คุณช่วยเล่าเรื่องราวในชีวิตตอนนั้นให้ฟังหน่อยได้มั้ยคะ?” เศวยาสตั้นไปในทันที เธอไม่คิดว่าจันทรชาจะหลักแหลมขนาดนี้ เริ่มถามก็ถามเรื่องส่วนตัวของนินัทธ์ที่เป็นข้อห้ามทันทีเธอรีบตัดบททันที “จันทรชา ถามคำถามอื่นได้มั้ย?” จันทรชามองเธอด้วยสายตาที่เย็นชา “จะให้เป็นจุดสนใจ แต่ไม่จุดไฟซักหน่อยเลยงั้นหรอ? มาหาฉัน ก็อย่ากลัวว่าฉันจะตั้งเล่ห์” พูดจบเธอก็หันไปหานินัทธ์ “นายน้อยคะ ในวันครบรอบที่ผ่านมาก็โดนวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานา เรื่องบ้างเรื่องเป็นไปไม่ได้ที่จะซ่อนยิ่งคุณพยายามที่จะซ่อนยิ่งมีคนพยายามที่จะขุดมันขึ้นมาทำไมไม่เปิดเผยความจริงในที่สาธารณะโดยสมัครใจหล่ะคะ? ” เศวยายังไม่รู้จะตอบไปยังไงดี นินัทธ์ก็หัวเราะออกมาต่ำๆ ช้อนตาขึ้นไปมองจันทรชา "พูดต่อสิ" เศวยาชะงักกึก ก่อนจะหันไปมองที่เขาด้วยความเจ๋บปวดในหัวใจ เธอรู้ดีว่าเรื่องที่พูดนั้นมันจะทำให้นินัทธ์เจ็บปวดมากแค่ไหนมันเป็นแผลที่ไม่มีวันหาย แต่เพียงแค่คำพูดของเธอประโยคเดียวเขาก็เลือกจะเปิดเผยบาดแผลนั้นออกมา จันทรชาช้อนตาขึ้น ก็เห็นนินัทธ์มองกลับมาด้วยสายตาที่ดี แตาพอหันไปเห็นปฏิกิริยาของเศวยาเธอจึงพูดออกมาอย่างมีเหตุผล "ไม่ช้าก็เร็วยังไงก็ต้องเผชิญหน้าอยู่ดี ช้าไปก็ยิ่งทำให้คนไปขุดคุ้ย เศวยาคืนสติ คิดทบทวนในสิ่งที่เธอพูดก่อนจะยิ้มออกมา" ฉันเข้าใจละ" เงียบไปชั่วอึดใจ เธอจับมือนินัทธ์ข้างใต้โต๊ะก่อนจะพูดเสียงแผ่วเบา "ถ้าคุณไม่อยากพูด เราหยุดได้ตลอดเลยนะ" เขาไม่สนใจ คลอแก้มเธอเบาๆก่อนจะพูด" ผมเกิดที่นั่น" จันทราถึงกับตกใจในสิ่งที่ได้ยิน แหงสิเพราะคำว่าที่นั่นที่เขาพูดมันหมายถึงโรงพยาบาลจิตเวช เธอยังคงเงียบฟังรอให้เขาเล่าต่อไป เขาค่อยๆพริ้มตาลง นึกถึงเรื่องราว ที่ๆไกลออกไป เหมือนกับกลับไปที่ที่เขาเคยเก็บซ่อนมันเอาไว้อีกครั้ง ทุกๆวันก็จะได้ยินแต่เสียงก่นด่า สาปแช่ง ทุกๆวันจะต้องมีสายตาที่เกลียดชังมองมาเต็มไปหมด ต้องหวาดผวาเวลาจะนอนหลับเพราะกลัวว่าจะโดนทำร้าย เขาฉีกริมฝีปากออกมาหัวเราะกับตัวเอง "จนกระทั่งอายุ11" เขากำมือเอาไว้แน่น ก้มหัวต่ำลง มองไปยังมือของเศวยาที่กำมือเขาเอาไว้ มือเล็กๆที่ห่อหุ้มมือหนาเอาไว้ ทำให้ความเย็นชาในใจของเขา ค่อยๆอบอุ่นขึ้นมา จันทราชาขมวดคิ้ว ถือปากกาอัดเสียง ครั้งแรก ก็ไม่รู้ว่าจะถามเขาอีกยังไงดี จะบอกว่าเขาเป็นประสาทก็ดี เป็นบ้าก็ดี ลองคิดดูสิ แม้ว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ตามถึงไปอยู่ในที่แบบนั้นถึง11ปีก็ไม่มีใครรับไหวหรอก ยิ่งไปกว่านั้นนินัทธ์ก็อยู่มาตั้งแต่เด็กอีก เงียบไปซักพัก จู่ๆเธอก็เก็บของก่อนจะลุกขึ้น "เดี๋ยวรอฉันร่างมาออกมาก่อนนะ" พอพูดจบก็เปิดประตูเดินออกไป เธอเคยสัมภาษณ์เคยมานักต่อนัก นี่เป็นบทสัมภาษณ์ที่สั้นที่สุด เพียงแค่คำถามเดียว กลับทำให้เธอประทับใจอย่างสุดซึ้ง หลังจากจันทรชาออกไปแล้ว ห้องนั้นก็ตกอยู่ในความเงียบ เศวยาบีบมือที่กุมนินัทธ์เอาไว้ เขาชั่งน่าสงสารจริงๆ เมื่อคิดถึงตอนนั้น 11ปีนั่นเขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง "ขอโทษนะ" อยู่ๆเธอก็พูดขึ้น ก้มหน้าลงพร้อมๆกับตาที่เปียกชื้น "ฉันไม่ควรให้คุณสัมภาษณ์… ถ้าไม่ใช่เพราะฉันคุณก็อาจไม่ต้องพูดเรื่องที่ทำให้เจ็บปวดแบบนี้ออกไป ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ……" เขามองไปที่เธอก่อนจะส่ายหน้า "มีคุณอยู่ด้วย ไม่เจ็บปวดเลย" เศวยากัดริมฝีปากลง แม้ว่าเขาจะพูดแบบนั้น แต่หัวใจของเธอก็เจ็บเจียนตาย น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ เธอพบว่า เวลาที่เธออยู่ต่อหน้านินัทธ์เธอจะกลายเป็นคนขี้แย ซึ่งเธอไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้เลยซักนิด เหมือนกับผู้กญิงบอบบางคนหนึ่งแล้วแบบนี้เธอจะปกป้องนินัทธ์ได้ยังไง? เขาใช้นิ้วยาวๆของเขาเกลี่ยที่ใบหน้าของเธอและเช็ดน้ำตาออกอย่างแผ่วเบาๆ จับใบหน้าของเธอไว้ และพรมจูบไปที่เปลือกตาที่เปียกชุ่มของเธอเบาๆ "ไม่ว่ามันจะมืดมนแค่ไหน แต่ตอนนี้ คุณเป็นแสงสว่างของผมนะ" อยู่ๆหัวใจก็เต้นรุนแรง ราวกับเอาเครื่องปั๊มหัวใจมาปั๊ม แค่เพื่อให้เขาประทับใจ เพื่อให้เขาร้องไห้ และเพื่อให้เขาเจ็ขปวด พอเอฟขับรถมาส่งที่เขตตะวันตกเสร็จเขาก็จากไป เศวยาและนินัทธ์จับมือกันเดินไปบนทางลาด มุมปากของเขาก็ยังคงแย้มอย่างมีความสุขราวกับแค่ว่าได้จับมือเธอเอาไว้ก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่เกิดกับเขา “นินัทธ์” เศวยาหันหน้าไปหาเขา มองด้วยสายตาที่หนักแน่น “คุณเคยบอกว่า คุณเป็นของฉันใช่มั้ย?” นินัทธ์พยักหน้าอย่างไม่ลังเล “งั้นร่างกายของคุณเป็นของฉันใช่มั้ย?” พอเห็นเขาพยักหน้าอีกครั้ง เธอก็พูดเน้นไปทีละคำ “ถ้าหากว่าร่างกายของคุณเป็นของฉัน อย่างนั้นตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ฉันไม่อนุญาตให้ใครหน้าไหนมาแตะต้องมัน!และไม่อนุญาตให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายมัน นิดนึงก็ไม่ได้ คุณจำไว้เลยนะ!”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่46 ผมเกิดที่นั่น
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A