ตอนที่ 47 ผมปลอมหลุดแล้ว
1/
ตอนที่ 47 ผมปลอมหลุดแล้ว
Hello คุณผีพรายของฉัน
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 47 ผมปลอมหลุดแล้ว
ตนที่ 47 ผมปลอมหลุดแล้ว ตายแล้ว! ทำไหมมันถึงตีกับลิ่วเออร์แล้วล่ะ ภายในใจฉันรู้สึกขัดใจ แต่งูดำแทบจะไม่ฟังฉันเลย ชั่วพริบตาก็รัดตัวลิ่วเออร์แล้ว หลังจากงูดำออกจากข้อมือฉัน ดวงวิญญาณของเสิ่นเหม่ยฉินก็ไม่มายุ่งกับฉันอีก เธอปล่อยมือของฉัน ฉันรีบถอยหลังอย่างรวดเร็ว เพื่ออยู่ให้ไกลจากเสิ่นเหม่ยฉิน จากนั้นในใจของฉันก็รู้สึกไม่สบายใจ ถึงแม้ว่าลิ่วเออร์จะบำเพ็ญเพียรมากว่าสองร้อยปี แต่เทียบกับงูดำแล้ว ความแตกต่างเหมือนกับผู้ใหญ่กับเด็กน้อย ไม่กี่ยกผ่านไป บนตัวลิ่วเออร์ก็มีเลือดท่วมตัว "จี๊ก!" ส่งเสียงร้องน่าเวทน่า ลิ่วเออร์แสดงสีหน้าดุร้าย มันถูกงูดำกัดจนระบม แต่มันก็ยังกระโจนบนตัวของงูดำ จากนั้นกัดเข้าอย่างแรงโดยไม่สนใจอะไร แต่ตามเนื้อตัวของงูดำเต็มไปด้วยเกล็ดที่ทั้งแข็ง และทนทาน ไม่ว่าลิ่วเออร์จะข่วนยังไง ล้วนไม่สามารถทำร้ายงูดำได้เลยแม้แต่น้อย ฉันร้อนใจแทบไม่ทัน ลิ่วเออร์น่ารักขนาดนี้ แถมเมื่อกี้มันก็กัดเสิ่นเหม่ยฉินเพื่อช่วยฉันด้วย ตอนนี้มันถูกงูกัดจนน่าเวทนาขนาดนั้น ฉันจะนั่งดูโดยไม่ช่วยได้ยังไง? แต่ฉันแทบไม่กล้าเข้าไปขัด ถ้าหากเข้าไปตอนนี้ แม้แต่ชีวิตตัวเองก็คงไม่รอดแน่ ขณะที่ฉันกำลังลังเลอยู่นั่น งูดำก็หมดความอดทนพอดี มันเผยเขี้ยวงูที่แหลมคมออกมา "หยุดนะ!" สถานการณ์อันตรายขนาดนี้ ฉันกลับตะโกนร้องทีหนึ่ง กระโจนเข้าไปกอดลิ่วเออร์โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเอง แล้วโอบกอดมันไว้ในอ้อมอกเพื่อปกป้องมัน "จี๊กจี๊ก" ลิ่วเออร์ส่งเสียงร้องอ่อนแรงเสียงหนึ่ง และดวงตากลมโตของมันมองฉันด้วยความประหลาดใจ สายตาเหมือนกับยังมีความกังวลอยู่ เสียงดัง "ตูม" ฉันถูกหางงูปัดจากข้างหลัง หลังของฉันรู้สึกเจ็บแสบ ทั้งตัวฉันถูกปัดบินลอย และร่วงลงพื้นอย่างแรง หลังจากที่งูดำปัดฉันด้วยหางเสร็จ มันก็โกรธอย่างพลุ่งพล่าน มันส่งกระแสจิตด่าฉันว่า : "เลวทราม เจ้ามีฐานะเป็นข้าบริวารของข้า ทำไหมถึงไปปกป้องสัตว์เดรัจฉานนั้นด้วย เมื่อกี้นับว่าข้าตอบสนองเร็ว หากสิ่งที่ปัดเจ้าไม่ใช่หางข้า ถึงแม้เจ้าจะฉลาดบ้าง แต่ถ้าถูกข้ากัดทีหนึ่ง คงตายโดยไม่ต้องมีคำถามแน่" ขณะพูดงูดำก็ยังจ้องมองฉันอย่างโกรธเดือดดาล ในดวงตาสีดำเต็มไปด้วยความเคืองโกรธ ฉันตกใจจนเหงื่อไหลท่วมตัว แต่ก็ยังโอบกอดลิ่วเออร์ไว้ในอ้อมอก สิ่งที่ฉันรู้คือฉันเป็นข้าบริวารของงูดำ ถึงแม้จะถูกปัดฉันด้วยหางทีหนึ่ง แต่อย่าน้อยก็สามารถยุติการต่อสู้ได้ และมันก็ไม่กล้าลงมืออีก "อย่าสู้กันเลย มันไม่ได้อยากแย่งดวงวิญญาณของเสิ่นเหม่ยฉินสักหน่อย เมื่อกี้มันเข้ามาปกป้องฉันต่างหาก" ฉันตัวสั่นเทาพร้อมพูดขึ้น แต่งูดำกลับไม่ซาบซึ้งต่อบุญคุณของลิ่วเออร์เลย แต่พูดว่า : "มีข้าอยู่ทั้งคน เจ้ายังต้องการให้มันปกป้องอีกหรอ? การกระทำนี้บ่งบอกว่าในสายตาเจ้าไม่มีข้าเลย อีกอย่างเสิ่นเหม่ยฉินแค่มาทำตามคำสัญญา เพื่อให้ข้ากลืนกินดวงวิญญาณของเธอเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายเจ้าเลย" ถึงแม้จะพูดอย่างนี้ แต่ความอาฆาตในสายตาของงูดำนับว่ามีไม่น้อย มันจ้องมองฉันและพูดว่า : "วันนี้เจ้าสัตว์เดรัจฉานกล้ากัดเทพของเจ้า แต่เจ้ายังกล้าโต้เถียงกับข้าอีก เจ้ารู้ตัวบ้างไหมว่าเจ้าผิด?" ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่างูเทพเข้าใจความผิดถูกของมนุษย์ด้วย มันเอาแต่เรียกตัวเองเป็นเทพ เดี๋ยวก็เรียกข้า เรียกตัวเองจนมั่วซั่ว แต่การเผชิญหน้ากับสายตาที่เย็นชาของมัน ทำให้ฉันแทบไม่กล้าจับผิดแล้ว นอกจากผงกหัวยอมรับสิ่งที่มันพูดถึง : "ข้ารู้ว่าข้าผิดไปแล้ว ต่อไปข้าน้อยไม่กล้าแล้ว" "ว่าไงนะ เจ้าเด็กโง่คนนี้รู้จักเอาตัวรอดเหมือนกัน" อาจจะเป็นเพราะงูดำเห็นฉันเชื่อฟังมากขึ้น เลยทำให้มันเริ่มเย็นลงมากขึ้น มันยิ้มและพูดว่า : "เห็นว่าเจ้าเป็นข้าบริวารของข้า ครั้งนี้ข้าจะยกโทษเจ้าให้ แต่เจ้าต้องสัญญากับข้าข้อหนึ่ง" "ค่ะ" ฉันผงกหัวสองสามครั้งติดต่อกัน โดยไม่สนใจว่ามันจะขออะไร แต่สิ่งสำคัญตอนนี้คือต้องทำให้มันสงบลงก่อน หากเกิดอะไรขึ้นค่อยบอกเซียวเหย่ตอนกลับมา "การบำเพ็ญเพียรของข้าตอนนี้เจอกับวิกฤติ เจ้ามีฐานะเป็นข้าบริวารของข้า ข้าขอให้เจ้าไปหาดวงวิญญาณหลายดวงมาให้ข้ากลืนกิน ขอเพียงเจ้าจัดหาดวงวิญญาณครบ ข้าจะปล่อยเจ้าสัตย์เดรัจฉานนี้ให้ และเรื่องวันนี้จะถือว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!" อึก... ฉันนิ่งอึ้งไป คิดไม่ถึงว่ามันจะเสนอข้อเรียกร้องนี้กับฉัน มันพึ่งการกลืนกินดวงวิญญาณเพื่อบำเพ็ญเพียรหรอ? มิน่ามันถึงเลือกให้ฉันเป็นข้าบริวาร เพราะฉันอยู่เคียงข้างกับภูตผีตัวหนึ่งนี่เอง! เมื่อคิดถึงตรงนี้ ใบหน้าของฉันก็แสดงสีหน้าขอเตือนพร้อมจ้องมองมัน ถ้าหากมันติดตามฉันเพราะต้องการกลืนกินดวงวิญญาณของเซียวเหย่ละก็ ฉันจะไม่ตอบรับข้อเสนอนี้อย่างเด็ดขาดทันที "ฮะฮะ ดูไม่ออกจริงๆว่าเจ้าเด็กโง่คนนี้จะมีความสัมพันธ์กับภูตผีตัวนั้นลึกซึ้งมากขนาดนี้ เจ้ากล้าไม่ตอบรับข้อเสนอของข้าเพราะเจ้านั่น แต่ไม่กลัวว่าข้าจะกลืนกินเจ้ากับเจ้าสัตว์เดรัจฉานนี้พร้อมกันหรอ?" งูดำรับรู้ถึงความคิดในใจฉัน มันฉีกยิ้มมุกปากอย่างเย็นชา และถามอย่างน่าเกรงขามขึ้น ฉันสั่นเทาทั้งตัว จนทำให้มีความรู้สึกเหมือนฉี่จะราดกางเกง ฉันกลัวงูตั้งแต่เกิด และงูขนาดใหญ่ตัวนี้ก็เป็นถึงงูที่บำเพ็ญเพียรหนึ่งพันปี หากพูดถึงพลังอำนาจ คงจะพอกับนางพญางูขาวแน่เลย? ถ้าฉันบอกว่าไม่กลัวก็คงดูโกหกเกินไป แต่พอนึกถึงเซียวเหย่ ก็ไม่รู้ว่าฉันไปเอาความกล้าหาญมาจากไหน ฉันยืนขึ้นและพูดว่า : "งั้นตอนนี้ท่านก็กินฉันเลย ถ้าหากท่านติดตามฉันเพราะต้องการกลืนกินดวงวิญญาณของเซียวเหย่ ก็อย่าแม้แต่จะคิด" "ฮ่าฮ่า มีความกล้าหาญบ้างแล้วหรอ" หลังจากงูดำฟังคำตอบของฉันคิดไม่ถึงว่ามันจะไม่โกรธ "เจ้าวางใจเถอะ ด้วยพลังอำนาจของข้างูเทพตอนนี้ ไม่ต้องการกลืนกินภูตผีหรอก แค่ต้องการให้เจ้าจัดหาผีใหม่หนึ่งตัวให้ข้ากลืนกินทุกๆเดือนก็เพียงพอแล้ว" งูดำพูดขึ้น ผีใหม่ก็ใช่ว่าจะหาง่าย อีกทั้งฉันก็ไม่กล้าด้วย แล้วจะให้ฉันไปจับผีใหม่ให้มันทุกเดือนได้ยังไง ฉันลังเลอยู่สักพัก พอคิดอยากจะปฏิเสธ ใครจะไปรู้ว่าข้างหลังมีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น : "ได้!" ในใจฉันรู้สึกดีใจมาก เป็นเซียวเหย่นี่เอง! เมื่อหันหน้าไปมอง เห็นเพียงรอยยิ้มที่ยินดีของเซียวเหย่กำลังยืนอยู่หน้าประตู ดวงตาทั้งสองดวงของเขามองมาที่ฉัน ทันใดนั้นฉันก็รีบวิ่งไปหาเซียวเหย่ โดยที่โอบกอดลิ่วเออร์ในอ้อมอกด้วย แล้วพูดด้วยความดีใจว่า : "กลับมาได้สักที คุณไปไหนมา?" "ฉันไปจัดการเรื่องงานศพของตระกูลโฉ้ว คิดไม่ถึงว่าฉันจากไม่นาน คุณจะคิดถึงผมมากขนาดนี้" รอยยิ้มของเซียวเหย่ยิ่งดีใจ และมองฉันด้วยใบหน้าเอ็นดู หน้าฉันเริ่มแดงระเรื่อ ในเมื่อเซียวเหย่กลับมาแล้ว ฉันก็ไม่กลัวงูดำแล้ว เลยถามเซียวเหย่ว่าทำไหมถึงรับปากข้อเสนอของมันที่จะจัดหาผีใหม่ให้มันทุกเดือนด้วย เพราะใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ "ฉันมีวิธีของฉัน" เซียวเหย่ยิ้ม เหมือนไม่อยากคุยเรื่องนี้ หลังจากงูดำได้ยินคำสัญญาของเซียวเหย่ ก็ยิ้มดั่งดอกไม้บาน ไม่รู้ว่าเพราะฉันเป็นข้าบริวารของมันหรือเปล่า เลยสามารถรับรู้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงของมันได้ และยังเข้าใจความหมายของการกระทำของมันด้วย มันปัดหางทีหนึ่ง และอ้าปากงับเสิ่นเหม่นฉินเข้าไป เสิ่นเหม่ยฉินเตรียมใจถูกงูดำกลืนกินวิญญาณแล้ว เธอยืนหลับตาอยู่ที่เดิมนิ่งๆ เพียงชั่วพริบตา เสิ่นเหม่ยฉินก็ถูกงูดำงับกินเข้าไปในท้อง หลังจากกลืนกินเสิ่นเหม่ยฉินเสร็จ ร่างของงูที่บำเพ็ญเพียรก็หนาขึ้นมาก มันเร่ออย่างสบายใจ จากนั้นก็หายตัวกลับมาอยู่บนข้อมือของฉัน และกลายร่างเป็นลายงู ลายงูในตอนนี้ ดูตัวหนาใหญ่กว่าเมื่อกี้เยอะมาก งูดำไปแล้ว ฉันก็ถอนหายใจ และลูบขนของลิ่วเออร์ที่กอดในอ้อมอกอย่างแน่น แล้วเล่าเหตุการณ์อันตรายเมื่อกี้ให้เซียวเหย่ฟัง เซียวเหย่ตั้งใจฟัง หลังจากรู้ว่าฉันเข้าไปช่วยลิ่วเออร์โดยไม่คำนึงถึงชีวิต คิ้วเรียวงามก็ติดชิดกัน "ต่อไปอย่าทำอะไรโง่ๆอีก ชีวิตคุณมีเพียงชีวิตเดียว หากเผชิญหน้ากับเรื่องอันตรายอีก สิ่งแรกที่ต้องทำคือหนีเอาชีวิตรอดก่อน ไม่ว่าจะช่วยลิ่วเออร์หรือว่าช่วยฉันก็ตาม" รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวหายไป และพูดอย่างจริงจังขึ้น เมื่อมองใบหน้าหล่อเหลาที่แสดงสีหน้าจริงจังของเซียวเหย่ ในใจฉันก็รู้สึกเคลิ้ม และถามเขาว่า : "เมื่อกี้คุณได้ยินสิ่งที่ฉันกับงูดำคุยกันแล้วใช่ไหม?" "อืม" เซียวเหย่ตอบรับ "รู้สึกประทับใจมากเลยสิ? คิดไม่ถึงว่าฉันจะกล้าพูดออกมา? ตอนที่พูดเมื่อกี้ ฉันดูเท่ไหม ดูสง่าเลยใช่ไหม?" ฉันพูดอย่างภาคภูมิใจ ตอนแรกนึกว่าการเสียสละของฉันจะไม่มีใครเห็น คิดไม่ถึงว่าเซียวเหย่จะเห็นด้วย มิน่าแววตาที่เขามองฉันเมื่อกี้อ่อนโยนถึงขนาดนั้น "โง่มากกว่า" เซียวเหย่ยิ้ม เมื่อเห็นแววตาฉันอบอุ่นขึ้นมาก เขาก็ถามฉันว่านอนหรือยัง หิวไหม?" ฉันเพิ่งสังเกตเห็นว่า ในมือของเขาถือถุงหนึ่งไว้ ข้างในมีข้าวกล่องไม่กี่กล่อง ทันใดนั้นกลิ่นหอมเย้ายวนของอาหารก็ลอยฟุ้ง "หิวแล้ว คุณรู้ใจฉันจริงๆ" ฉันรีบรับอาหาร และเริ่มกินอย่างมีความสุข ส่วนเซียวเหย่ก็เดินมาข้างตัวของถางเหย่ว และมองเด็กน้อยที่ถูกหลวมด้วยสาตาเคร่งขรึม หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป นอกจากเวลากินข้าว นอน เข้าห้องน้ำถางเหย่วล้วนใช้เวลาส่วนใหญ่หลวมเด็กน้อยคนนี้อย่างใจจดใจจ่อ ส่วนโถงโถงก็ทำหน้าที่ปกป้องอยู่ข้างๆอย่างเต็มที่ หลังจากผ่านเหตุการณ์การต่อสู้ของลิงกับงู ความสัมพันธ์ระหว่างลิ่วเออร์กับฉันก็ยิ่งลึกซึ้งขึ้นมาก ตอนนี้ในมือฉันกุมเงินหนึ่งล้านบาทอยู่ ฉันรู้สึกดีใจจนจะบินแล้ว และมีความรู้สึกเหมือนรวยอย่างกระทันหันด้วย และถามเซียวเหย่ว่าฉันสามารถใช้เงินเขาได้ไหม? อยากไปช็อปปิ้ง อยากมีอารมณ์แบบมีเงินเยอะแต่ไม่ได้ใช้ คงสนุกน่าดู เซียวเหย่ผงกหัวรับอย่างเบิกบานใจ และพูดว่าตอนนี้เขาเป็นผี เงินของมนุษย์ไม่มีความหมายสำหรับฉัน ดังนั้นเงินเหล่านี้มอบให้ฉันหมดเลย ความสุขมาเร็วแทบไม่ทันตั้งตัว ต่อให้ฉันพยายามควบคุมความโลภ แต่ปากของฉันไวกว่าความคิดซะอีก ทำให้เซียวเหย่มองฉันอย่างไม่พอใจ และพูดว่า : "ไม่ต้องยิ้มแล้ว ผมปลอมคุณจะหลุดแล้ว" …… พอฉันสะดุ้ง ถึงจะนึกออกว่าตัวเองโกนหัวล้านแล้ว และใส่ผมปลอมของคนอื่นอยู่ เมื่อปรับผมปลอมเข้าที่ ฉันก็หุบปาก และพูดว่า : "ฉวยโอกาสตอนที่พวกเขาหลวมผีเด็ก "ไปเดินห้างกันไหม? ฉันว่าจะซื้อผมปลอมอีกสักอัน เพราะผมปลอมอันนี้เป็นผมของคนอื่น ใส่ไม่พอดีหัวสักเท่าไหร่ "ผมปลอมซื้อที่ห้างก็ไม่ใช่เอาผมจากคนอื่นหรอ?" เซียวถามอย่างมึนงง เขาไม่เข้าใจความหมายของฉันแน่นอน ไม่ชอบกลิ่นของคนอื่นก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ที่สำคัญคือผมปลอมนี้ไม่สวย ใส่แล้วไม่เหมาะกับฉันสักเท่าไหร่ อีกอย่างตอนที่ถักผมปลอมนี้เซียวยุ่ก็ได้ท่องคาถาตลอด เพื่อเก็บกลิ่นของคนอื่นเเล้ว ผีแยกแยะคนด้วยกลิ่นตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ต่อให้เซียวเหย่จะร้ายกาจ สามารถใช้ตาแยกแยะฉันได้ แต่ในใจของเขากลับได้กลิ่นของคนอื่นอยู่ดี อยู่กับฉัน คงจะรู้สึกเหมือนอยู่กับสาวสองคนหรือเปล่า? ยิ่งคิดยิ่งไม่สบายใจ ฉันจับแขนทั้งสองข้างของเขา มือหนึ่งก็ออดอ้อน อีกมือหนึ่งก็จับเพื่อให้เขาไปห้างเป็นเพื่อนฉัน แต่เขาบอกว่าตอนนี้ฉันยังไม่ปลอดภัย เพื่อป้องกันหวางกว้าฟู่กลับมารังควาน ฉันไม่ควรจากบริษัทไปคนเดียว ฉันขอร้องเขาสักพักใหญ่ ในที่สุดเขาก็ถูกฉันรบกวนจนรำคาญ และตอบรับไปห้างเป็นเพื่อนฉัน ฉันดีใจสุดชีวิต แล้วรีบพาเขาไปธนาคารก่อน เอาเงินในเช็คธนาคารใส่ในบัตรธนาคาร จากนั้นก็รีบไปห้าง ระหว่างเดินไปห้างสักพัก ฉันพบว่าฉันกับเซียวเหย่กลายเป็นจุดสนใจของผู้คน สายตาของทุกคนมองที่พวกเราอย่างประหลาดใจ สายตาส่วนใหญ่มาจากหญิงสาว พูดตามตรงคือ พวกเธอไม่ได้มองฉัน แต่เป็นเซียวเหย่ "ตายแล้ว หล่อเหลาอะไรขนาดนี้ หล่อมาก! น่าจะเป็นดาราหรือเปล่า? หน้าตาดีขนาดนี้ทำไหมยังไม่มีชื่อเสียง คุณรู้ไหมเขาเป็นใคร?" ไม่รู้ว่าจะเป็นอปป่าของเกาหลีสักคนไหม?" "น่าจะใช่ เพียงแต่ผู้หญิงที่อยู่ข้างเขา ทำไหมทั้งผอมทั้งเตี้ย แถมยังแต่งตัวเฉยอีกด้วยล่ะ
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 47 ผมปลอมหลุดแล้ว
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A