ตอนที่ 63 ผีในรถ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 63 ผีในรถ
ต๭นที่ 63 ผีในรถ “ไม่หิว” ฉันก็แกล้งทำท่าทางเย็นชาเหมือนกัน เพิ่งจะสิ้นเสียงของฉันเท่านั้น ท้องก็ส่งเสียงร้องโครกครากสวนขึ้นมา แหกหน้าฉันอย่างที่สุด เซียวเหย่เห็นดังนั้นก็ยิ้มมุมปากแล้วเลิกทำหน้าตึง เปิดฝากระโปรงหลังออก ดึงฉันลงมาจากรถแล้วบอกว่า “คุณโกรธขนาดนี้ กำลังหึงอยู่ใช่ไหม? คุณชอบผมเหรอ?” “ไร้สาระ คุณบอกว่าฉันคือภรรยาของคุณอยู่ทุกวัน ชอบคุณก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ?” ฉันตอบอย่างหงุดหงิด ถ้าจะว่าตามนิสัยส่วนตัวของฉัน ฉันไม่มีทางยอมรับว่าชอบเขาแน่ อย่างน้อยก็ไม่ยอมรับว่าฉันหึงเขา แต่ว่าในตอนนี้ฉันโกรธมากจริงๆ โดยเฉพาะการที่เขายักคิ้วหลิ่วตากับเหวินเหวินต่อหน้าฉัน แบบนี้ฉันรับไม่ได้ แล้วยังจะกล้าพูดอยู่ทุกวันว่าฉันคือภรรยาของเขา ต้องการให้ฉันสนใจเขาแค่คนเดียว แต่เขาก็ไปข้องแวะกับผู้หญิงคนอื่น การกระทำแบบนี้ของเขา มันน่าจับใส่ตะกร้าถ่วงน้ำนัก! เมื่อเห็นฉันยอมรับแล้ว เซียวเหย่ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ต่อมาเขาก็มีท่าทางยินดี โอบกอดฉันเดินเข้าไปในร้านโจ๊ก แล้วก็สั่งโจ๊กให้ฉันโดยไม่พูดไม่จา แถมยังสั่งผักกับขนมอบเพิ่มอีกด้วย ฉันเองก็รู้สึกหิวจริงๆ เห็นโจ๊กร้อนๆ ถูกนำมาเสิร์ฟก็ไม่รีรออะไรอีกแล้ว รีบเอาช้อนตักโจ๊กเข้าปาก แต่ก็ยังไม่ลืมจ้องมองไปที่เซียวเหย่ รอเขาให้คำอธิบายแก่ฉัน มุมปากของเซียวเหย่ยังคงมีรอยยิ้มอยู่ พอเห็นฉันทำหน้าเป็นสาวน้อยแสนงอนก็ทนต่อไปไม่ไหว ยอมเปิดปากพูด "ความจริงเมื่อครู่ที่ผมจ้องมองผู้หญิงคนนั้นอยู่ตลอดเวลา ก็เพียงเพราะต้องการแน่ใจว่าในร่างกายของเธอถูกวิญญาณยึดครองไปมากน้อยแค่ไหนแล้ว วันนั้นที่เธอหายตัวไปก็เพราะวิญญาณที่อาศัยอยู่ในวิกผมเริ่มเข้าครอบครองร่างกายของเธอแล้ว พอผมพบตัวเธอก็ได้ลองพยายามดูดพลังหยินที่สิงอยู่ในร่างของเธอออกมา แต่ผีที่อยู่ในวิกผมได้ดูดเลือดเข้าไปแล้วจึงมีความโหดร้ายขึ้นมาก ได้อาศัยร่างของเธออย่างสมบูรณ์ ถ้าหากผมฝืนตัดความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับผีในวิกผม ก็จะมีแต่ทำให้เธอคลุ้มคลั่งและเสียสติมากขึ้น ดังนั้นหลังจากที่ผมได้ดูดพลังหยินมาจากตัวเธอแล้วก็ได้กักขังผีเอาไว้ในวิกผม ขอเพียงผู้หญิงคนนั้นเชื่อฟังคำพูดของผม เอาวิกผมไปเผาทิ้งเสีย เรื่องนี้ก็จะจบลง “แต่ว่าเธอไม่ได้เอาวิกผมไปเผาทิ้งแน่นอน ตอนนี้ถึงขนาดเอาวิกผมนั้นมาใส่ นอกจากนี้บาดแผลบนร่างกายของเธอก็ดูเหมือนจะหายดีแล้ว นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?" ฉันอดที่จะถามออกไปไม่ได้ เซียวเหย่ยิ้มเยาะที่มุมปากแล้วตอบว่า "ตอนนี้วิกผมอันนั้นไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นวิกผมอีกต่อไป เพราะตอนนี้วิกผมได้ถูกฝังเข้าไปกับหนังศีรษะของเธอจนกลายเป็นเส้นผมของเธอเองแล้ว และจากที่ผมคอยสังเกตการณ์อยู่ตลอดคืน ในขณะนี้ร่างกายของผู้หญิงคนนั้นได้ถูกพลังหยินเข้าครอบครองไปถึงแปดส่วนแล้ว ไม่มีทางที่จะรักษากลับมาได้อีก พูดจบเขาก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนหายใจออกมา เงยหน้าขึ้นมองฉันอย่างจริงจัง "น่าเสียดายนะ เรื่องนี้ผมไม่เพียงแต่ช่วยคุณหาเงินไม่ได้แถมยังเสียไปอีกจำนวนหนึ่งด้วย" ฉันได้ยินดังนั้นก็อึ้งไป เมื่อครู่ยังนึกว่าเขาถอนหายใจเพราะช่วยเหวินเหวินไม่ได้ ที่แท้เขาสนใจแค่เรื่องที่ช่วยฉันหาเงินไม่ได้เท่านั้นเองเหรอ? ตอนนี้ฉันยังไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี อยากตำหนิว่าเขาไม่มีหัวใจ แต่ในความเป็นจริง ในใจของฉันกลับมีความสุขราวกับเป็นบ้าไปแล้ว ผู้หญิงคนนั้น ช่วยคุณหาเงินไม่ได้แถมยังเสียไปอีกจำนวนหนึ่ง เพียงแค่คำที่ใช้เรียกชื่อกับประโยคท้ายสุดนั้นก็มองออกแล้ว เหวินเหวินไม่ได้มีพื้นที่อยู่ในใจของเซียวเหย่แม้แต่ครึ่งหนึ่ง เซียวเหย่ไม่มีแม้แต่ความเห็นใจให้เธอแม้แต่นิดเดียว ก็ใช่น่ะสิ เซียวเหย่เป็นผี แถมยังเป็นผีร้ายอีกด้วย มีความรู้สึกไม่เหมือนมนุษย์ทั่วไป แล้วจะถามหาความเห็นใจจากเขากับผู้หญิงที่ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรด้วยได้อย่างไร? ฉันแอบดีใจตามลำพัง ความรู้สึกอิจฉาเมื่อครู่ได้จางหายไปจนหมดสิ้น จากนั้นฉันก็ถามเซียวเหย่ว่าทำไมเหวินเหวินถึงไม่เอาวิกผมไปเผาทิ้ง หลังจากได้รับบาดเจ็บ เธอก็รู้ดีกว่าวิกผมนั้นชั่วร้ายแค่ไหน "อาจเพื่อความสวยงามก็ได้ พวกผู้หญิงอย่างเธอสามารถทำทุกอย่างได้เพื่อความสวยงาม" เซียวเหย่ตอบ พูดจบเขาก็มองนาฬิกาที่แขวนอยู่ในร้านอยู่เป็นระยะเหมือนกำลังจะรีบไปไหน ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่า ที่จริงมันก็ดึกมากแล้ว ฉันนึกว่าเซียวเหย่จะเหนื่อยจากการทำนู่นทำนี่ทั้งวัน จึงรีบเร่งความเร็ว กินอีกไม่กี่คำก็อิ่ม แล้วบอกกับเซียวเหย่ว่าฉันอิ่มแล้ว กลับบ้านได้เลย เซียวเหย่พยักหน้า จากนั้นก็พาฉันกลับไปขึ้นรถ ค่อยๆ ขับรถกลับไป ตอนนี้ฉันไม่เข้าใจอีกแล้ว ถามเซียวเหย่ว่ารีบไม่ใช่เหรอ เมื่อครู่ยังใจร้อนจะรีบกลับบ้าน แต่ตอนนี้ไม่รีบแล้วเหรอ พูดจบฉันก็ต้องชะงักไป รถที่ขับมาดีๆ อยู่ดีๆ ก็ถูกเหยียบเบรคอย่างกะทันหัน "คุณรออยู่บนรถดีๆ อย่าขยับ อย่าเปิดหน้าต่างและห้ามลงจากรถ ผมจะออกไปข้างนอกแป๊บเดียว" เซียวเหย่จอดรถแล้วพูดกับฉัน ฉันเพิ่งสังเกตเห็นว่าด้านหน้ารถของพวกเรามีรถสีดำคันหนึ่งประสบอุบัติเหตุอยู่ รถน่าจะชนเข้ากับต้นไม้ต้นหนึ่งด้วยความเร็วสูงจนพลิกคว่ำทั้งคัน หลังคารถอัดติดกับลำต้น ประตูและตัวรถถูกปกคลุมด้วยสิ่งของสีดำ ราวกับถูกของดำนั้นมัดรวมไว้กับลำต้น เส้นผม ของบริจาค ในใจฉันมีคำสองคำนี้ผุดขึ้นมา และหลังจากเกิดความคิดนี้ขึ้นมาแล้ว ฉันยิ่งมองรถสีดำคันนั้นก็ยิ่งคุ้นตา สุดท้ายพอมองไปที่ทะเบียนรถด้านหลัง ก็นึกออกทันทีว่ารถสีดำคันนั้นเป็นของผู้จัดการทั่วไป! ฉันใจหายวาบ เพิ่งกินข้าวกับพวกเขามาหยกๆ พวกเขาก็ประสบอุบัติเหตุเสียแล้วเหรอ? บนรถยังมีเหวินเหวิน ตอนนี้เซียวเหย่ก็ลงไปแล้ว ราวกับเขารู้ล่วงหน้าแล้วว่าผู้จัดการทั่วไปจะเกิดอุบัติเหตุ จึงตั้งใจขับรถให้ช้าแบบนั้น เพื่อรอปรากฏตัวหลังจากที่ผู้จัดการทั่วไปเกิดอุบัติเหตุแล้ว เมื่อตระหนักแล้วว่าเรื่องรถที่อยู่ข้างหน้าไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ ฉันก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็นเหลือเกิน อยากจะลงจากรถไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ก่อนที่เซียวเหย่จะลงจากรถได้สั่งห้ามฉันลงจากรถอย่างหนักแน่น เลยทำให้ฉันได้แต่นั่งร้อนใจอยู่บนรถ ขณะที่ฉันกำลังใจจดใจจ่อกับเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า จู่ๆ รถของฉันก็เกิดเสียงประหลาดขึ้นดัง ’ปัง’ ราวกับมีคนจงใจเอามือตบฝากระโปรงหลังรถของฉันเลย ฉันสะดุ้งตกใจ หันไปมองทันที แต่เพราะในตอนนี้เป็นตอนกลางดึก ริมถนนก็ไม่มีแม้ไฟสักดวง ข้างหลังมืดตื๋อไปหมด มองไม่เห็นร่างคนใดๆ ฉันรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย หันกลับมาทันทีเพื่อหาตัวเซียวเหย่ แต่ในขณะที่ฉันกำลังหันกลับมานั้น จู่ๆ ฉันก็มองเห็นเส้นผมสีดำปกคลุมอยู่บนหน้าต่างรถที่อยู่ข้างฉัน บนกระจกยังมีใบหน้าคนที่เขียวคล้ำน่าสยดสยองทาบอยู่ด้วย! ในตอนนี้ใบหน้าของคนคนนั้นทาบอยู่บนกระจก ดวงตาที่ไร้ชีวิตชีวาจ้องมองมาที่ตัวฉัน มีกระจกคั่นระหว่างตัวฉันในระยะที่ประชิดมาก! "อา! ผีหลอก!" ฉันตกใจจนแทบจะขย้อนน้ำย่อยออกมา กระโดดพรวดไปยังที่นั่งคนขับเพื่อให้ใบหน้าออกห่างอีกหน่อย แต่พอฉันย้ายไปยังที่นั่งคนขับแล้ว ก็พบว่าใบหน้านั้นก็มาทาบติดกับหน้าต่างเช่นกัน ขยับตัวเช็ดถูเหมือนผ้าเช็ดทำความสะอาด แล้วก็ปรากฏขึ้นข้างๆ ฉันอีกแล้ว มองฉันอย่างไร้วิญญาณเช่นเคย ลามไปจนถึงหัวเราะเยาะใส่ฉัน ต้องเป็นผีวิกผมตัวนั้นแน่นอน! ฉันแทบจะเป็นบ้า ตะโกนเรียกเซียวเหย่อย่างบ้าคลั่ง แต่ในตอนนี้ฉันถูกขังอยู่ในรถ รถทั้งคันยังถูกผมยาวของผีวิกผมนั่นห่อหุ้มเอาไว้ ไม่มีทางที่เสียงจะเล็ดรอดออกไปได้เลย เมื่อเธอเห็นฉันหวาดกลัว ก็เกิดรอยยิ้มแสนเศร้าที่มุมปาก เส้นผมบนศีรษะงอกยาวขึ้นราวกับงูสีดำ เผยความชั่วร้ายเลื้อยไปตามตามตะเข็บหน้าต่าง เหมือนต้องการจะลอดเข้ามาตามช่องหน้าต่าง นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นผีอย่างจริงจัง ในตอนนี้บนรถมีแค่ฉันคนเดียว มันน่าเขย่าขวัญยิ่งกว่าตอนถูกผีโชกเลือดรายล้อมเสียอีก ท่ามกลางความสับสนอลหม่าน ฉันดึงป้ายหยกที่แขวนอยู่บนคอออกมาแล้ววางทาบบนหน้าต่าง พูดเสียงสั่น "เธออย่าเข้ามานะ ฉันมีเครื่องรางสำหรับฆ่าผีโดยเฉพาะ เธอรีบไปให้พ้น!" ป้ายหยกสำแดงอิทธิฤทธิ์อย่างรวดเร็ว ผีเส้นผมตัวนั้นเห็นป้ายหยกก็รีบอันตรธานหายตัวไปทันที เส้นผมที่กำลังจะลอดเข้ามาตามตะเข็บหน้าต่างก็หดกลับไปเช่นกัน ฉันรู้สึกโล่งอก แต่ยังไม่ทันจะได้ภาคภูมิใจกับมันเลย ผีเส้นผมตัวนั้นก็แผดเสียงคำราม เข้ามาแนบกับกระจกอีกครั้ง นอกจากนี้ป้ายหยกนั้นเหมือนจะทำให้เธอเกรี้ยวกราดมากขึ้นอีกด้วย เส้นผมทั้งหมดพัวพันยุ่งเหยิงอย่างบ้าคลั่ง พุ่งเข้าชนกระจกหน้าต่างจนเกิดเสียงดัง ไม่นานนัก กระจกหน้ารถยนต์ของฉันก็เกิดเสียงปริแตก ปรากฎรอยแตกร้าวขึ้น เมื่อเกิดรอยแตก เส้นผมทั้งหมดแผ่ขยายออกมาราวกับค้นพบจุดศูนย์กลาง เริ่มบุกรุกเข้ามาตามรอยปริแตกนั้น ด้านนอกก็มีเสียงหัวเราะโหยหวนของผีเส้นผมดังขึ้น ราวกับว่ากระจกบานนั้นจะถูกชนแตกได้ทุกเมื่อ ในใจของฉันรู้สึกตึงเครียดจนถึงที่สุด ดวงตาจ้องมองอยู่กระจกบานนั้น มือกุมป้ายหยกเอาไว้แน่น ในใจสวดบริกรรมคาถาให้ป้ายหยกสำแดงฤทธิ์ แต่ว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จิตใจของฉันไม่สามารถรวบรวมให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้เลย ลืมคำบริกรรมคาถาไปเสียหมดสิ้น ฉันกระวนกระวายขึ้นเรื่อยๆ ในหัวมีแต่ความว่างเปล่า ผีเส้นผมนั้นก็เห็นว่าฉันไม่สามารถสวดคาถาปลุกป้ายหยกได้ เสียงหัวเราะอันหม่นหมองยิ่งดังโหยหวนขึ้นทุกที เส้นผมก็ยิ่งกระแทกรุนแรงขึ้นด้วย “ออกมาสิ เรามาเจรจาแลกเปลี่ยนกัน เธอชอบเส้นผมของฉันไม่ใช่เหรอ? เส้นผมเหล่านี้จะยกให้เธอหมดเลย แค่เธอออกมาเท่านั้น" ผีสาวตนนั้นแทบจะเอาใบหน้าทั้งหมดแนบกับกระจก หัวเราะออกมา ฉันจับเข็มขัดนิรภัยทันทีแล้วล็อคตัวเองให้ติดอยู่กับเก้าอี้ ก่อนไปเซียวเหย่บอกไว้ว่าไม่ให้ฉันลงจากรถและไม่ให้ฉันเปิดหน้าต่าง ตอนนี้ผีสาวตัวนี้กำลังล่อลวงให้ฉันลงจากรถเพื่อต้องการฆ่าฉันแน่นอน! เมื่อเห็นฉันไม่เคลื่อนไหวใดๆ ผีสาวตนนั้นก็ออกอาการคลุ้มคลั่ง ตอนแรกก็ยังล่อลวงฉัน ต่อมาก็ข่มขู่ฉันด้วยเสียงของเธอ ฉันกลัวจนแทบจะช็อคตายแล้ว แต่พอคิดว่าเซียวเหย่น่าจะยังอยู่แถวๆ นี้ ฉันพยายามปิดหูปิดตา ไม่ฟังไม่คิดในสิ่งที่เธอพูด ให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าเซียวเหย่จะเห็นถึงความเคลื่อนไหวทางนี้ ฉันก็จะปลอดภัยแล้ว! ในใจของฉันพยายามร้องเรียกชื่อของเซียวเหย่ ตอนนี้เสียงไม่สามารถทะลุออกไปยังโลกภายนอกได้ ฉันได้แต่หวังว่าฉันกับเซียวเหย่จะมีโทรจิตสื่อสารถึงกัน แต่ความหวังเช่นนี้มันช่างเลือนรางเหลือเกิน ขนาดตัวฉันเองยังไม่เชื่อว่ามีเรื่องโทรจิตสื่อสารถึงกันได้จริงๆ โชคดีที่คำว่าเซียวเหย่สองคำนี้มีพลังวิเศษจริงๆ หลังจากที่ฉันตะโกนออกไป เสียงเคาะหน้าต่างก็หยุดลงทันที! “เซียวเหย่!” ในใจของฉันเกิดความยินดี รีบลืมตาทันทีเพื่อดูว่าเซียวเหย่มาแล้วจริงๆ หรือเปล่า แต่ในขณะที่ฉันลืมตาขึ้นมานั้น ฉันมองเห็นใบหน้าอันเขียวคล้ำอยู่ตรงหน้าฉันพอดี ระยะห่างไม่ถึงฝ่ามือด้วยซ้ำ กำลังมองแล้วหัวเราะเยาะใส่ฉัน! “ว้าย!” ฉันตกใจจนหวีดร้องและไม่สนใจมองหาเซียวเหย่อีกแล้ว ฝ่ามือที่กุมป้ายหยกอยู่นั้นเหวี่ยงไปทางผีเส้นผม! สิ้นเสียง ‘ผลัวะ’ เบาๆ ผีเส้นผมนั้นก็กระอักเลือดออกมา จากนั้นตรงหน้าฉันก็มืดสนิท หลังจากการมองเห็นกลับมา ใบหน้าตรงหน้าฉันได้กลายเป็นเซียวเหย่! สีหน้าของเขาในตอนนี้ค่อนข้างซีดเผือก มุมปากยังมีรอยเลือดสีดำ มองฉันด้วยความตื่นเต้นแล้วถามว่า "เซวียนเซวียน คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?" “ผี! ผีหลอก!” ฉันผลักเซียวเหย่ออกไป หวาดกลัวจนเอาป้ายหยกกุมไว้ที่หน้าอก เมื่อครู่ฉันตบหน้าผีเส้นผมชัดๆ ทำไมตอนนี้ถึงได้กลายเป็นเซียวเหย่ไปได้? ฉันจ้องมองเซียวเหย่อย่างระแวดระวัง กลัวว่าเขาจะเป็นผีเส้นผมกลายร่างมา "คุณออกห่างจากฉันหน่อย เมื่อครู่คุณไปทำอะไรมา?" “ผมไปดูสถานการณ์รถชนกันข้างหน้ามาแล้ว เมื่อครู่คุณตกใจอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงตบผมล่ะ?” พูดจบเขาก็โน้มเข้ามากอดฉัน เอามือปาดรอยเลือดที่มุมปาก “ในรถนี้มีผี!” ฉันตอบด้วยความหวาดกลัว พูดไปก็กุมป้ายหยกในฝ่ามือแน่น "โชคดีที่คุณมาเซียวเหย่ รีบพาฉันกลับบ้านเถอะ ฉันกลัว" “อืม เราจะไปกันเดี๋ยวนี้แหละ" เซียวเหย่พยักหน้า จากนั้นก็เปิดประตูบอกให้ฉันลงจากรถ "ในรถนี้มีผี ไม่ปลอดภัยแล้ว ผมจะอุ้มคุณบินกลับไป" 
已经是最新一章了
加载中