ตอนที่ 33 แมงมุมแม่ม่ายดำ VS นกยูง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 33 แมงมุมแม่ม่ายดำ VS นกยูง
ต๭นที่ 33 แมงมุมแม่ม่ายดำ VS นกยูง วันนี้เป็นวันศุกร์ที่น่าตื่นเต้นที่สุดสำหรับมนุษย์เงินเดือน แต่สำหรับนาราแล้วนั้นวันนี้เป็นวันที่ค่อนข้างสำคัญมาก เพราะตั้งแต่เธอเจรจากับทนายความของนีติมัตก็ผ่านมาแล้วสองวัน ทั้งสองฝ่ายนัดปรึกษาหารือปรับความเข้าใจกันที่สำนักงานกฎหมายยุติธรรม ก่อนถึงเวลานัดหมาย 15 นาที นาราตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าไม่มีอะไรผิดพลาด กำลังคิดที่จะโทรไปหาปณิดา เสียงโทรศัพท์กลับดังขึ้น มองดูหมายเลขโทรศัพท์นั้น หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็กดรับสาย “กำลังทำอะไรอยู่ครับ” เสียงของปลายสายที่ไพเราะและมีเสน่ห์ชวนให้น่าหลงใหล แต่นาราที่กำลังยุ่งอยู่กับงานก็ไม่ได้สนใจไปกับหลอกล่อของเขา “กำลังยุ่งอยู่ค่ะ คุณมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ” ความออดอ้อนน้อยลง ความจริงจังมากขึ้น “พรุ่งวันหยุดสุดสัปดาห์ ไปเที่ยวทะเลด้วยกันไหมครับ” นาราขมวดคิ้ว “ไม่สนใจค่ะ” “ทำไมไม่สนใจล่ะครับ” “ฉันรับเรื่องฟ้องเกี่ยวกับคดีข้อพิพาทมรดก ตอนนี้กำลังต้องรีบไปคุยปรับความเข้าใจ ถ้าเกิดว่าคุยเรียบร้อยแล้ว สุดสัปดาห์ก็ต้องทำงานนอกเวลาเพื่อจัดการเรื่องที่จะตามหลังมาต่างๆ ดังนั้นจึงไม่มีเวลาค่ะ” ธีมนต์ที่อยู่ปลายสายเหมือนรู้อยู่แล้วว่าเธอจะต้องพูดแบบนี้ เลยยื่นข้อเสนอมา: “แม่จิ้งจอกน้อย คุณไม่ต้องรีบด่วนปฏิเสธผมขนาดนี้ก็ได้ เพียงแค่คุณรับปากว่าจะไปเที่ยวทะเลเป็นเพื่อนผม ผมจะเอาเอกสารแผนโครงการของนาโนเบย์ในไตรมาสหน้ามาอยู่ในมือคุณเป็นอย่างไร?” เอกสารแผนโครงการของนาโนเบย์ในไตรมาสหน้า ! เรื่องนี้ทำให้ใจของนาราเต้นแรงขึ้น ถ้าเกิดว่าได้เอกสารแผนโครงการมา เธอก็จะสามารถ...... แสงแวววาวในดวงตาของนารากำลังกระโดดโลดเต้นด้วยความสนใจ “คำไหนคำนั้นนะคะ คุณห้ามกลับคำ” “ผมจะกล้าได้อย่างไรกัน อีกสักครู่ผมจะส่งเวลาและสถานที่ให้คุณนะ” หลังจากวางสายโทรศัพท์ นาราก็ได้รับข้อความจากธีมนต์อย่างรวดเร็ว “วันเสาร์ ท่าเรือบลูมูนตอนบ่ายโมง” มุมปากของนาราปรากฏร้อยยิ้มชั่วร้าย ข้อตกลงนี้เธอไม่ได้เสียหายอะไรเลย ข้างล่างอาคารเอลล่า รถยนต์มาเซราตีสีแดงเปล่งประกายละลานตาคันหนึ่ง และรถยนต์โรลส์รอยซ์ระดับสูงอีกคันหนึ่ง ถ้าเกิดว่าสัตว์ทั้งสองตัวนี้ต่อสู้กันคงไม่มีใครยอมใครเป็นแน่ และตอนนี้ก็กำลังแย่งชิงที่จะจอดรถอยู่ตรงหน้าประตูอาคาร “เอี๊ยด” เสียงเบรกรถทั้งสองเสียง ยิ่งกว่าแสบแก้วหูด้วยซ้ำไป รถทั้งสองคันห่างกันไม่ถึงสองเซนติเมตรก็จะชนกันอยู่แล้ว ปณิดาที่เดินออกมาจากมาเซราตี ย่ำเท้าลงมาด้วยรองเท้าสานเจ็ดนิ้วที่เลี่ยมเพชรอย่างพิถีพิถัน บนตัวสวมใส่ชุดเดรสยาวสีดำชาแนลรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นของช่วงฤดูร้อน สวมแว่นกันแดดขนาดใหญ่อย่างเปิดเผย ริมฝีปากที่ทาสีแดงเปล่งประกาย ทั้งตัวดูสดใสแวววาวเป็นพิเศษ มีรสนิยมที่สวยงาม นีติมัตที่เดินออกมาจากโรลส์รอยซ์ ทั้งตัวสวมใส่ชุดสูทระดับพรีเมี่ยมของอาร์มานี่ มีสีสันลวดลายสดใส และความไม่เข้ากันของผมของเขาที่ถูกฉาบเรียบอย่างมันเงา บวกกับขนาดเสื้อผ้าและความสูงของเขายังไม่สมส่วนกันอย่างมาก ดู ๆ แล้วค่อนข้างก๊องแก๊ง สร้อยทองอันหนาใหญ่ที่คอของเขา บรรยายถึงภาพลักษณ์โง่ ๆ ของการเป็นเศรษฐีใหม่ ทั้งตลกและน่าขัน นีติมัตมองปณิดา ลึกลงไปในดวงตาไม่พอใจอย่างชัดเจน “หึ พ่อฉันตายไปพึ่งจะครึ่งเดือน เธอแต่งตัวได้ฉูดฉาดหรูหราแบบนี้ ไม่เห็นแก่พ่อฉันเลยหรือไง?” คู่อริมาเจอกัน ก็จะต้องอิจฉาริษยากันเป็นพิเศษ เมื่อเปรียบเทียบความโกรธของนีติมัตแล้ว เธอไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลย ริมฝีปากของปณิดาเหยีดออก แล้วถอดแว่นกันแดดชำเลืองมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา “แล้วคุณล่ะ แต่งตัวอย่างกับนกยูง ไม่มีรสนิยม เหมือนกับลูกชายที่โง่เขลาของคนรวยข้างบ้านเลยนะ อย่ามาเดินใกล้ฉัน ฉันไม่อยากขายขี้หน้า” “เธอ...... เป็นเพราะเธอที่ทำให้พ่อฉันต้องตาย แถบยังจะมาอวดดีแบบนี้ เชื่อไหมว่าฉันจะฟ้องว่าเธอวางแผนเพื่อลอบฆ่าพ่อฉัน?” นีติมัตโมโหอย่างมาก จึงได้พูดอะไรที่เป็นไปไม่ได้แบบนี้ออกมา ปณิดาลำพองใจ น้ำเสียงไม่อยู่กับร่องกับรอย “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไปฟ้องเลยสิ ไม่มีใครเขาขวางคุณนิ” พูดจบ ก็เดินย่ำรองเท้าส้นสูงเข้าไปข้างใน “ถุ้ย....แมงมุมแม่ม่ายดำคนนี้ คิดว่าตัวเองเก่งมากนักหรือไงฮะ!” ท่าทางหยิ่งยโสของเธอ ทำให้นีติมัตหอบหายใจแรงฮึดฮัด แต่ก็ไม่มีวิธีจัดการการเธอได้ ทนายบุริศร์หยิบกระเป๋าเอกสารอย่างเป็นระเบียบ รูปลักษณ์สง่าผ่าเผย เดินจากอีกด้านหนึ่งของรถมาข้าง ๆ นีติมัต ถามอย่างมีมรรยาท “ประธานนีติครับ พวกเราไปกันได้หรือยังครับ” “เข้าไป!” นีติมัตมองเห็นแม่นกยูงตัวนั้นอยู่ด้านหน้าไกล ๆ ไม่อยากถูกพลังงานของเธอกดทับต่อไป จึงก้าวเท้าเข้าไปในอาคารอย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนเดินเข้าไปในอาคาร คนหนึ่งไปข้างหน้า อีกคนหนึ่งไปข้างหลัง ทำให้เกิดบรรยากาศที่เกินจริง ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่นของปณิดาหรือเป็นความหลากสีของนีติมัต ก็ล้วนแต่ดึงดูดสายตาผู้คนเป็นอย่างยิ่ง ปณิดาที่เดินอยู่ข้างหน้าหยุดอยู่ตรงหน้าลิฟต์ กดปุ่มเปิดอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ลิฟต์เปิดออกเธอก็ก้าวเข้ามาอย่างฉับไว กำลังคิดที่จะกดปิด แต่ทว่ากลับถูกนีติมัตแทรกตัวเข้ามาในลิฟต์ ภายในลิฟต์ สองคนอยู่ในลิฟต์เดียวกัน ประกายไฟที่เกิดจากการลับมีดเช็ดปืนในอากาศทำให้เกิดเสียงดัง “จิ๊ด จิ๊ด” ได้กลิ่นเขม่าดินปืนของสงครามที่กำลังเดือดพล่าน เสียงดังอย่างต่อเนื่อง นีติมัตยับยั้งความไม่พอใจในใจเอาไว้ไม่ไหว ถอนหายใจแล้วพูดไปประโยคหนึ่งว่า “ถ้าเกิดว่าพ่อของฉันรู้ว่าหลังจากที่เขาตายไปแล้ว เธอจะใช้ชีวิตอย่างหรูหรามีสีสันขนาดนี้ เธออาจจะถูกโกรธจนเขาต้องปีนออกมาจากโลงศพเลยก็ได้นะ?” ปณิดายิ้มอย่าเย็นชา ยิ้มบาง ๆ แล้วส่ายหัว น้ำเสียงเย็นชาและเข้าใจยาก “เกรงว่าคนที่จะทำให้พ่อของคุณโกรธและต้องปีนออกมาจากโลงศพก็คือคุณ พ่อของคุณตายได้ไม่ถึงเจ็ดวัน คุณก็พาผู้หญิงเข้าบ้านใช้ชีวิตสำมะเลเทเมา แบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน?” ทั้งหมดที่เธอพูดนั้นเป็นเรื่องจริง นีติมัตมีนิสัยนี้มาแต่เกิด อย่าว่าแต่พ่อเสียไม่ถึงเจ็ดวันเลย วันที่สามของการจากไปของพ่อ เขาก็อดใจไม่ได้ที่จะท่องเที่ยวไปในหมู่ดอกไม้ หางคิ้วของนีติมัติปรากฏออกมาว่าทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย เขาหมดแรงที่จะโต้แย้ง แต่ก็ไม่ได้ยินยอม เริ่มพูดเปรียบเปรยกระทบกระทั่งเข้าไปอีกว่า “เราสองคนก็เหมือนกันนั่นแหละ ใครจะไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะแนบชิดสนิทสนมกับครูฝึกตีกอล์ฟคนหนึ่ง ผีพ่อฉันช่างน่าสงสารเสียจริง ๆ เลยนะ ตายไปแล้วก็ยังถูกสวมเขา ระวังให้ดีวิญญาณของเขาอาจจะมาหาเธอตอนกลางดึก!” “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ฉันดวงแข็ง ตอนกลางดึกเงยหน้าขึ้นมาก็ไม่เห็นผีสักตัว ตรงกันข้ามกับตอนนี้ มีผีทะเลตัวหนึ่งกำลังแย่งชิงมรดกกับฉัน ยังไม่พิจารณาตัวเองว่าเป็นอย่างไร ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ” “ฉันเพียงแค่มาเอาของที่ควรจะเป็นของฉันคืน ไม่เหมือนเธอหรอกนะที่ชุบมือเปิบ ทรัพย์สินของครอบครัวเราหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของพ่อกับแม่ฉัน จะให้คนนอกอย่างเธอยึดเอาไปใช้คนเดียวได้อย่างไรกันล่ะ” นีติมัตรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก ในเรื่องนี้เขาจะไม่ยอมถอยให้เด็ดขาด เสียงดัง “ติง” ประตูลิฟต์เปิดออก ปณิดาไม่อยากที่จะเสียเวลาพูดกับเขาไปมากกว่านี้แล้ว จึงเดินนำไปถึงหน้าประตูลิฟต์ก่อน จากนั้นก็ผลักร่างอ้วนของเขาออก แล้วเดินออกจากลิฟต์ไป ร่างอ้วนท้วมของนีติมัตเกือบจะยืนไม่อยู่ ต้องจับข้างผนังเอาไว้ แถมยังรีบร้อนจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ หลังจากนั้นก็รีบก้าวตามไปอย่างรวดเร็ว พอมาถึงหน้าประตูของสำหนักงานปณิดาก็เชิดหน้ายืดอก โดยไม่แม้แต่จะหันไปมองเขา แล้วเดินมุ่งตรงเข้าไป หลังออกมาจากลิฟต์ นีติมัตถึงพบว่าทนายบุริศร์ไม่ได้เข้ามาในลิฟต์ด้วย เขาไม่ชอบหน้าที่มีความสุขอย่างนั้นของปณิดาเลย นีติมัตไม่มีทางเลือกจึงต้องยืนรอทนายบุริศร์อยู่ที่เดิม จังหวะการก้าวเท้าเร็วกว่าปณิดา และได้ผลักเธอออกไปให้พ้น แล้วเดินนำเข้าไปในห้องโถงใหญ่ของสำนักงาน “นีติมัต!” การกระทำแบบนี้ของเขายั่วให้ปณิดาโมโห “แกเป็นหมาหรือไง?” มีแต่หมาเท่านั้นแหละที่จะเปิดประตูเบียดคนอื่น นีติมัตหึเสียงเย็น ไม่ได้สนใจในคำพูดของเธอ หันกลับไปมองหญิงสาวที่อยู่โต๊ะด้านหน้า และเคาะแล้วเคาะอีกไปที่โต๊ะ “ไปบอกทนายนาราของพวกคุณหน่อย ว่าพวกเรามาแล้ว” หญิงที่อยู่โต๊ะด้านหน้ารู้ว่าพวกเขาได้นัดหมายกันเอาไว้ จึงนำทางพวกเขาตรงเข้าไปที่ห้องประชุม “ทนายนาราคะ พวกคุณปณิดาเขามากันแล้วค่ะ” นาราเดินออกไป ประหลาดใจเมื่อเห็นนีติมัตอยู่แค่คนเดียว “คุณนีติตัวแทนทนายของคุณล่ะคะ?” ปณิดาพูดแทรกขึ้นมาอย่างเยาะเย้ย “เมื่อกี้มีใครบางคนที่เหมือนกับหมาบ้าตัวหนึ่ง ดันทุรังที่จะแทรกเข้ามาในลิฟต์ อีกตัวหนึ่งก็เลยหล่นลงไปแล้ว” ในดวงตาลึก ๆ ของนีติมัตมีความเสียหน้า ทำสีหน้าหนักแน่น “ปณิดา อย่าคิดนะว่าฉันไม่กล้าทำร้ายผู้หญิง” พูดแล้วก็หันไปทางนารา แล้วพูดว่า: “ทนายบุริศร์น่าจะอยู่ในลิฟต์ตัวถัดไป” นาราพยักหน้า และไม่ได้สนใจในไฟสงครามของพวกเขา
已经是最新一章了
加载中