ตอนที่ 39 เล่นละครคนเดียว   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 39 เล่นละครคนเดียว
ต๭นที่ 39 เล่นละครคนเดียว มะนาวที่ถูกลืมอยู่ด้านข้างก็ไม่ยอมยืนอย่างเหงา ๆ จึงพูดขึ้นว่า “คุณชายทัศ ฉันอยากไปจังเลยค่ะ” ทัศสัยมองเธอแล้วขึ้นว่า “เธอว่ายน้ำไม่เป็นอย่าไปเลยดีกว่า” นารามองมะนาวอย่างมีเลศนัย ถ้ามะนาวจะไปดำน้ำละก็…ฮึ สายตาที่แหลมคมนั้นกำลังลุกวาวเป็นประกาย “คุณชายทัศคะ คุณชายจะดูแลมะนาวใช่ไหมคะ” มะนาวทำตาเล็กตาน้อยใส่เขา แต่ทัศสัยกลับไม่ได้รู้สึกอะไร “อย่างนั้นก็แล้วแต่เธอก็แล้วกัน” “ขอบคุณค่ะ คุณชายทัศ” มะนาวดีใจมาก จากนั้นก็รีบฉีกเนื้อปลาเตรียมที่จะป้อนเขา แต่ทัศสัยกลับใช้แขนผลักเธอออไป “ฉันเองก็มีแขน” ถึงแม้ว่ามะนาวจะถูกปฏิเสธแต่เธอก็ไม่ย่อท้อ พร้อมทั้งยังยิ้มและพยักหน้ารับ “คุณชายทัศคะ อย่างนั้นคุณชายต้องระวังนะคะ ปลาตัวนี้ก้างเยอะมาก” “อือ ฉันไม่ใช่เด็กสามขวบสักหน่อย” เขาแสดงท่าทีที่เย็นชาใส่มะนาวตลอด ในสายตาของกลุ่มคนที่มองมะนาว เธอก็แค่กำลังร้องละครลำคนเดียวเท่านั้น เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ แสงสายัณห์ค่อย ๆ เข้าปกคลุมพื้นน้ำทะเล ท้องฟ้าหลากสีผสมผสานกัน เมื่อมองไปยามใดก็ไม่รู้สึกว่ามันยุ่งเหยิง แต่กลับมองว่าแสงที่ปรากฏนั้นได้เกิดการลดหลั่นต่างกันได้อย่างสวยงาม นารายืนรับลมทะเลอยู่ราวกั้น สายตามองไปที่ปลายขอบฟ้า เพื่อมองพระอาทิตย์ที่มีรูปร่างคล้ายกับไข่แดงดวงนั้นพร้อมกับความคิดที่ล่องลอยไปในอากาศ เธอเชื่อมาโดยตลอดว่าพลังงานจากธรรมชาติคือสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุด ทะเลที่กว้างใหญ่ไพศาลบางครั้งก็นิ่งสงบเหมือนกระจกเงา และบางครั้งก็ปั่นป่วนไปด้วยคลื่นที่ขรุขระ เมื่อเธอยืนอยู่ในนั้น จิตใจของเธอก็สงบลงด้วยพลังงานจากท้องทะเลที่เงียบสงบ “การไม่ไปดำน้ำ เป็นการเลือกที่ไม่เลว” ธีมนต์เดินเข้ามาพลางกับใช้มือจับราวกั้น “เรื่องบางเรื่อง เมื่อเราเลือกแล้วก็ไม่สามารถที่จะหันหลังกลับได้ ก็เหมือนกับที่เธอได้มองเห็นพระอาทิตย์ตกที่สวยงามเมื่อสักครู่ บางทีก็อยากที่จะไปว่ายน้ำดูปะการังหลากสี แต่ว่าคนเราไม่สามารถที่จะจับปลาสองมือได้” ธีมนต์มองมาทางเธอ ใบหน้าที่เรียบเฉย แต่กลับเต็มไปด้วยความรู้สึก ที่ทำให้ผู้คนนั้นยากที่จะเข้าใจ .“ว้าว ซึ้งกินใจอะไรขนาดนั้น”ธีมนต์รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาอย่างแน่นอน นารายิ้มเล็ก ๆ พร้อมกับมองไปที่แสงที่กำลังจะลับหายไปอยู่ไกล ๆ โดยที่เธอไม่พูดอะไรต่อ ทั้งสามคนที่พึ่งเดินออกมาจากห้องโดยสาร ก็รีบเดินตรงมายังฝั่งของพวกเขาต่อ ทั้งสามคนนั้นได้เปลี่ยนชุดเป็นชุดดำน้ำเรียบร้อยแล้วพร้อมกับมือที่ถืออุปกรณ์ดำน้ำต่างๆไว้ ทัศสัยมองนาราอย่างเสียดาย “นางฟ้าไม่ไปดำน้ำจริง ๆ ใช่ไหมครับ” “ไม่ค่ะ”สิ่งที่เธออยากทำในวันนี้ต่างก็ได้ทำมันหมดแล้ว มะนาวเข้ามาโอบแขนของทัศสัยไว้ “คุณชายทัศคะ เธอไม่ค่อยอยากไปด้วย ก็หยุดรบเร้าเธอเถอะค่ะ” นรัตว์เริ่มลงมือใส่อุปกรณ์ต่างๆ พร้อมกับเอ่ยเตือนขึ้นมาว่า “ถ้ายังไม่รีบลงไปในน้ำเนี่ย ฟ้าจะมืดหมดแล้วนะ” ทัศสัยมองนาราที่ยืนยันว่าจะไม่ไปก็ตีตัวออกห่างจากมะนาวพร้อมกับเริ่มติดอุปกรณ์ต่างๆ ทางด้านมะนาวนั้นเดิมทีทำไม่เป็นอยู่แล้วก็อ้อยอิ่งและเสียเวลาในการติดอุปกรณ์นานมาก นาราได้โอกาสเข้ามาช่วย “ฉันเห็นว่าเธอทำไม่เป็น มาฉันช่วย” “ขอบใจ” มะนาวไม่เคยเล่นและใส่ชุดอะไรแบบนี้มาก่อนเลยใช้เวลานานมาก ถึงขั้นกลัวว่าจะเสียเวลาในการลงดำน้ำของพวกเขา นาราช่วยมะนาวจัดแจงเรื่องตำแหน่งของถังอากาศ ในขณะที่กำลังช่วยมะนาวดูสายท่ออากาศอยู่นั้น เธอก็ใช้เข็มที่เธอแอบซ่อนไว้รีบแทงเข้าไปในสายท่ออากาศหายใจอย่างรวดเร็ว “เสร็จแล้ว!” นารายิ้มเบาๆ เพราะเธอช่วยมะนาวปรับสายรัดข้างหลังเสร็จเรียบร้อยแล้ว “งั้นพวกเราลงน้ำกันเถอะ” ทัศสัยโบกมือมาทางพวกเขาทั้งสอง ธีมนต์พูดกลับพวกเขาว่า “ขอให้สนุกนะ” สามคนนั้นได้ลงไปในน้ำเรียบร้อยแล้ว เป็นเพราะว่ามีชุดดำน้ำคอยช่วยมะนาวเลยทำให้เธอว่ายทันพวกเขาทั้งสองอย่างทุลักทุเล ถ้าจะพูดถึงท้องทะเลละก็ โลกใต้น้ำนั้นยิ่งเงียบสงบ เมื่อคุณได้ดำลงไปในน้ำทะเลลึกก็เหมือนกับว่าคุณได้หลุดเข้าไปยังอีกโลกใบหนึ่งซึ่งแยกจากความกังวลจากผืนดินโดยสิ้นเชิง เมื่อพวกเขาดำลงไปในน้ำทะเลลึก ก็พบว่าทัศนียภาพใต้น้ำนั้นงดงามมาก ปะการังที่สวยงาม เหล่าปลาเล็กๆที่ซุกซน พร้อมทั้งแมงกะพรุนทีมีสีสันสดใสมากมาย ทำให้พวกเขาเพลิดเพลินเป็นอย่างมาก น่านน้ำที่ไม่ได้รับผลจากมลพิษก็ทำให้ปลาแต่ละประเภทต่างก็มีขนาดอ้วนพี ปลาบางกลุ่มก็มีลักษณะดูดีแข็งแรง ซึ่งพวกเขาจะไม่ทำอันตรายต่อใคร เมื่อคุณว่ายไปใกล้ ๆ พวกมัน พวกมันก็จะไม่มีการโจมตีกลับอย่างแน่นอน ตอนแรกเธอบังคับตัวเองให้ดำให้ทันพวกเขาแต่กลับพบว่ายิ่งดำเท่าไหร่ก็ยิ่งช้าอย่างมะนาว เริ่มรู้สึกหนักหน่วง เมื่อมองเห็นว่าพวกเขาได้ดำออกห่างจากเธอไปสามเมตรแล้วก็ทำให้เธอไม่สามารถตามทันพวกเขาได้ ในขณะที่เพิ่มแรงในการดำน้ำ เธอก็รู้ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล ความกลัวเริ่มออกมาจากดวงตาที่อยู่ภายใต้แว่นตาดำน้ำ เมื่อเธอรู้ว่ามีน้ำเข้าไปในท่ออากาศหายใจเธอก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัว คนที่ไม่เคยรู้เรื่องการว่ายน้ำเลยอย่างเธอทำให้เธอต้องดิ้นรนเอาตัวรอดพร้อมกับใช้แรงทั้งหมดที่มีส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ แต่ทว่าเธอและพวกเขาทั้งสองอยู่ห่างกันมากเลยทำให้พวกเขาไม่ได้สังเกตทางด้านหลัง ทำให้มะนาวไม่มีทางที่จะร้องขอความช่วยเหลือได้ การหายใจที่ยากลำบาก เมื่อมองเห็นว่าตัวเองกำลังจะจบดิ่งลงไป เธอไม่เคยหวาดกลัวอย่านี้มาก่อน ราวกับว่าเธอได้กลิ่นแห่งความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามา นรัตว์ที่ดำอยู่ไกลก็หันหลังเหลียวมองแบบไม่ได้ตั้งใจ เดิมทีที่ดำมาติด ๆ อย่างมะนาวตอนนี้ไม่มีแม้แต่เงาของเธอ นรัตว์รีบเข้าไปบอกให้ทัศสัยรับรู้ พร้อมกับตั้งใจให้เขามองหันกลับไปทางด้านหลัง ทั้งสองคนมองเห็นในสิ่งเดียวกันก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลจึงได้รีบว่ายน้ำกลับไป จิตใต้สำนึกของมะนาวกำลังบอกเธอว่าเธอกำลังลอยห่างออกไป ร่างกายของเธออ่อนล้า ในขณะที่ดิ้นรนที่จะเอาชีวิตรอดในตอนสุดท้ายนั้นก็พบว่าร่างกายของตัวเธอเองได้จมดิ่งลงไปแล้ว นรัตว์รีบว่ายไปดึงเธอขึ้นมาไว้ก่อน จากนั้นทัศสัยก็เข้ามาพยุงด้านข้างของเธออีกด้านหนึ่งไว้ ทั้งสองคนส่งสัญญาณมือ หลังจากนั้นก็ดึงเธอขึ้นมาแล้วว่ายต่อไปเรื่อยๆ พวกเขาได้พาร่างของมะนาวโผล่พ้นผืนน้ำแล้วจากนั้นก็รีบพาเธอว่ายไปทางเรือ ในขณะที่พวกเขากำลังว่ายน้ำอยู่นั้น นาราก็เหลือบไปเห็นพวกเขาทั้งสาม เมื่อเธอเห็นว่ามะนาวหมดสติ เธอก็ยิ้มขึ้นมาอย่างเลือดเย็น พวกเขาทั้งสองใช้แรงไปเยอะมากถึงสามารถนำตัวมะนาวขึ้นมาอยู่บนเรือได้ พวกธีมนต์รีบเข้ามาดูก็พบว่าใบหน้าของมะนาวซีดขาวมาก โดยเฉพาะริมฝีปากของเธอที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วง ทัศสัยรีบปั๊มหัวใจให้เธอ เมื่อเห็นว่าเธอไม่มีการตอบสนองใดๆ จึงรีบผายปอดให้กับเธอ ทัศสัยทั้งปั๊มหัวใจและผายปอดให้เธออยู่หลายครั้ง จนในที่สุดร่างกายของเธอก็มีอาการตอบสนอง “อึอึ….อึก!”เธอสำลักน้ำออกมาอย่างมาก พร้อม ๆ กับค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา ความรู้สึกนึกคิดยังไม่หวนกลับคืนมาทั้งหมดเท่าไหร่นัก สายตาที่มองเห็นท้องฟ้าที่มีสีฟ้าปนดำ พร้อมกับสายลมที่โปร่งสบายเล็กน้อยและใบหน้าของกลุ่มคน ทำให้เธอได้รู้ว่า ที่แท้แล้วเธอยังไม่ตาย นาราที่ยืนดูข้างๆก็ยิ้มอย่างเย็นชา “ถ้าว่ายน้ำไม่เป็นก็อย่าลงไปดำน้ำ ถ้าจะไปตายก็อย่าให้เป็นภาระของคนอื่น” เธอพูดกระแทกแดกดันมะนาว มะนาวที่กำลังเหมือนฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่นั้นเรียกได้ว่าไม่มีเรี่ยวแรงที่จะมาต่อล้อต่อเถียงกับนาราเลย เธอทำได้แค่นอนราบกับพื้นและสูดลมหายใจเข้าออกอยู่อย่างนั้น แต่มะนาวก็ยังคงรู้สึกสงสัยว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับ ป๊อปปี้ ท่อหายใจของเธอจะมีน้ำเข้ามาได้ยังไง นรัตว์ขมวดคิ้วอย่างหนัก พร้อมกับคิดว่าเรื่องนี้ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ ธีมนต์มีสีหน้าที่เรียบเฉย ไม่ทุกข์ไม่ร้อนและยืนอยู่ข้างๆอย่างไม่พูดอะไรเลย เมื่อรอมะนาวนั่งพักเสร็จ ทัศสัยจึงได้พาเธอกลับเดินกลับห้องของเธอ แต่นารากลับพูดในสิ่งที่แปลกมากออกมา “มะนาวเป็นผู้หญิง พวกนายก็ไม่สะดวกที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับเธอหรอก ให้ฉันช่วยดีกว่า” นารายึดเอาเหตุผลนี้เป็นข้ออ้างที่จะได้ตามเข้าไป และธีมนต์ก็เดินมาข้าง ๆ เธออย่างอัตโนมัติ พวกเขาทั้งห้าได้เดินเข้าไปในห้องโดยสาร พอถึงนาราเธอก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเล็ก ๆ เมื่อเปิดประตูตู้เสื้อผ้าออกมาก็พบว่ามีเสื้อผ้าของตัวเธอเองรวมอยู่ด้วย พร้อมทั้งแกล้งทำเป็นเสียงตกใจ “ว๊าย ที่แท้แล้วเสื้อผ้าของฉันก็มีขาถึงได้วิ่งมาอยู่ที่ห้องของเธอได้” มะนาวที่นั่งอยู่บนเตียงสะดุ้งตกใจ ตัวเองทำไมถึงได้ลืมเรื่องสำคัญนี้ไปโดยสนิทนะ ทุกคนต่างก็มองตามนาราที่หยิบเอาเสื้อผ้าของตัวเธอเองออกมา ซึ่งทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเสื้อผ้านี้ไม่มีทางที่จะหยิบผิดแน่นอน มะนาวหน้าเสียพร้อมกับรีบแก้ต่างให้ตัวเอง “ฉัน เอ่อ.. คือฉันหยิบผิดน่ะ” “ไม่เป็นไร ฉันก็แค่หวังว่าเสื้อผ้าพวกนี้จะไม่ต้องมีขายาว ๆ อีก” นาราหัวเราะพร้อมกับวางเสื้อผ้าเอาไว้ข้างๆ จากนั้นค่อยหยิบเสื้อผ้าของมะนาวออกมา “เชิญผู้ชายออกไปข้างนอกได้ค่ะ ฉันจะช่วยสาวสวยเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว” แต่มะนาวกลับแย่งเสื้อผ้าของตัวเธอเองกลับคืนไป “เธอ เธอออกไป ฉันเปลี่ยนของฉันเองได้” เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด มะนาวรู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้น่ากลัวขนาดไหน จะสู้ก็ไม่ได้ จะหนีก็ไม่พ้น เพราะตอนนี้เธอกลัวอย่างมากที่อยู่กับนาราตามลำพัง คนอย่างนาราไม่ทำเรื่องอะไรที่มันไม่สนุกหรอก เธอสะบัดมือ “งั้นก็ดี ฉันไปแล้ว ” นาราหยิบเสื้อผ้าของตัวเองขึ้นมา พร้อมกับออกมาจากห้องของมะนาว เมื่อมาถึงดาดฟ้าของเรือ นาราก็ออกมายืนรับลม พร้อมกับมองไปที่ดวงดาวที่กลาดเกลื่อนบนท้องฟ้าที่กำลังส่องแสงประกายอยู่นั้น แสงของดวงดาวนับหมื่น กำลังส่องแสงระยิบระยับอย่างไม่รู้จักจบ ซึ่งทั้งหมดนี้ต่างก็เป็นของขวัญจากธรรมชาติที่ดีที่สุดที่มีให้เธอ
已经是最新一章了
加载中