ตอนที่ 46 คุณชนรถคนอื่นได้ยังไง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 46 คุณชนรถคนอื่นได้ยังไง
ต๭นที่ 46 คุณชนรถคนอื่นได้ยังไง ไวทยุตกลับถึงสำนักงานก็เดินยิ้มอย่างมีเลศนัยไปยังห้องทำงานของนารา นาราวางงานในมือลงแล้วเอ่ยถามเขาด้วยรอยยิ้ม “มีเรื่องอะไรดีๆเกิดขึ้นหรือ?” ไวทยุตนั่งลงแล้วตอบอย่างเป็นปริศนา “ก็เป็นเรื่องดีนั่นแหละ ไม่ใช่เกิดเรื่องดีๆแต่เป็นเจอเรื่องดีๆต่างหาก” นาราเอนหลังพิงเก้าอี้แล้วคิดวิเคราะห์คำพูดของเขาแต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี “คุณหมายความว่าอะไรกันแน่?” “เมื่อกี้ผมไปเก็บข้อมูลคดี คุณลองเดาสิว่าผมไปเจอใครมา?” “ใครเหรอ?” คำถามที่เขาให้เธอนั้นกว้างเกินไป เธอคาดเดาไม่ถูก “คุณนิรุทธ์” นาราได้ยินคำตอบแบบนี้จึงรู้ทันทีว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่จึงเอ่ยถามเพิ่มเติม “คุณไปเห็นอะไรมา?” “เขาซุกเมียน้อยไว้ที่คอนโดโพลี ผู้หญิงคนนั้นท้องโตแล้วด้วยผมเดาว่าอายุครรภ์น่าจะสักหกเจ็ดเดือนแล้ว” ไวทยุตมีสีหน้าจริงจัง “เรื่องที่ผมไปเจอมาไม่มีประโยชน์สำหรับคุณเหรอ?” นาราแสดงความเจ้าเล่ห์ออกมาทางสายตา มือก็เคาะโต๊ะไปด้วย “แน่นอนว่ามีประโยชน์ เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องดีแต่ยังไม่ถึงเวลาต้องใช้” “ยังไงเหรอ?” “คนไม่มีมโนธรรมอย่างพ่อฉัน เขาต้องการลูกชายมาสานต่อกิจการของเขามาโดยตลอด แต่ณัฐนิชก็อายุปูนนี้ไม่สามารถมีลูกได้แล้ว หาเมียน้อยสักคนเพื่อคลอดลูกชายเป็นเรื่องที่ฉันคาดเดาไว้อยู่แล้ว” คนรอบคอบอย่างนาราคิดถึงข้อนี้ได้นานแล้ว “ไม่จัดการตอนนี้ คุณจะรอเมียน้อยคนนั้นคลอดก่อนค่อยจัดการเหรอ?” เขาลองคาดเดาในมุมมองของเธอ “ฉลาด!ฉันจะรอจนกว่าเด็กคนนั้นจะคลอดและจะดีที่สุดถ้าเป็นเด็กผู้ชาย แบบนี้ฉันถึงจะมีเครื่องมือในการต่อรองพอที่จะให้นิรุทธ์ตัดขาดจากณัฐนิชอย่างไร้เยื่อใย” ไวทยุตมองใบหน้าแสนเจ้าเล่ห์ของเธอ ในแววตาของเธอมีความฉลาดหลักแหลมสะท้อนออกมาให้เห็น ถึงแม้ว่าเรื่องที่เธอวางแผนเหล่านี้จะไม่ใช่เรื่องดีแต่เมื่อลองยืนอยู่ในมุมมองของเธอก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแผนการของเธอนั้นสวยงามไร้ที่ติ “พอถึงตอนนั้นฉันก็แค่สร้างข่าวลือขึ้นมาให้มันแพร่สะพัดไปเอง คนที่มีนิสัยขี้ระแวงอย่างณัฐนิชเราแค่นั่งดูเรื่องสนุกอยู่เฉยๆก็พอ” หลายวันต่อมา แผลบริเวณศีรษะของคุณหญิงเพ็ญรดีก็หายดีสามารถกลับบ้านได้แล้ว คุณหญิงเพ็ญรดีสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วบ่นออกมา “อยู่บ้านดีที่สุดแล้ว กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื่อในโรงพยาบาลช่างทรมานฉันเหลือเกิน” ธีมนต์ที่เดินตามหลังมาเอ่ยขึ้น “ช่วงนี้คุณแม่กินของบำรุงเยอะหน่อยนะครับเพื่อทดแทนเลือดที่เสียไป” พี่ไฉไลรับสัมภาระไปจากเขาแล้วเอ่ยกับคุณหญิงเพ็ญรดี “คุณหญิงคะวันนี้ดิฉันทำซุปไก่ดูกดำตุ๋นยาจีนไว้ให้คุณหญิงบำรุงเลือดนะคะ” “ก็ดี” คุณหญิงพยักหน้ารับแล้วหันไปมองธีมนต์ “ยัยจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ล่ะ?” ธีมนต์รู้ว่าเธอเริ่มสอบปากคำแล้วจึงยิ้มแห้งๆ “ไม่ทราบครับ!” พูดจบก็เดินไปนั่งลงบนขอบโซฟา คุณหญิงตามไปนั่งด้วยแล้วเอ่ยขึ้นอย่างโมโห “ฉันอยู่โรงพยาบาลตั้งหลายวันไม่เห็นแม่นั่นมาเยี่ยมฉันเลย เธอตั้งใจไม่มาใช่ไหม?” ธีมนต์เทชาให้ตัวเองแก้วหนึ่งแล้วค่อยๆจิบช้าๆ “อันนี้ผมก็ไม่ได้ถามเธอครับแต่ตอนนี้คุณแม่ก็หายดีแล้วนี่ครับ” “ฉันน่ะหายดีแล้วแต่ฉันแปลกใจที่เธอไม่มาเยี่ยมฉันเลย เธอก็รู้ไม่ใช่หรือว่าฉันนอนโรงพยาบาล?” สีหน้าคุณหญิงเพ็ญรดีไม่ดีนักคิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากัน ธีมนต์ก็คิดขึ้นได้ว่าตัวเองก็ไม่ได้เจอยัยปีศาจนั่นมาหลายวันแล้วจึงเอ่ยตัดปัญหา “พอเถอะครับ คืนนี้ผมจะพาเธอมาที่บ้านเอง!” พอได้ยินคำตอบที่อยากได้ยินคุณหญิงเพ็ญรดีถึงยอมปล่อยเขาไป “จำไว้เลยนะ คืนนี้ไม่ว่ายังไงก็ต้องพาเธอมาให้ได้” เธอเหลือบดูเวลาตอนนี้ก็บ่ายสองแล้วจึงเอ่ยขึ้น “แกรีบเข้าบริษัทเถอะ คืนนี้อย่าลืมกลับมาบ้านด้วย” ที่บอกว่าผู้หญิงเปลี่ยนสีหน้าเร็วกว่าเปลี่ยนหน้าหนังสือนั้นมันคือนิยามที่อธิบายแม่ของเขาชัดๆ “ครับคุณแม่!” พอลูกชายเธอออกจากบ้านไป คุณหญิงเพ็ญรดีก็กลับมาที่ห้องรับแขกแล้วเรียกพี่ไฉไลเข้ามา “ไฉไล เดี๋ยวตอนไปซื้อกับข้าวซื้อวัตถุดิบที่ใช้ทำเมนูหมูตุ๋นน้ำแดง ผัดเปรี้ยวหวานซี่โครงและไก่ต้มซีอิ๊วมาด้วยนะ เย็นนี้ฉันจะเข้าครัวทำอาหารเอง” เมื่อกี้ไฉไลได้ยินเธอตะโกนบอกให้นายน้อยพายัยจิ้งจอกกลับมาด้วย เธอจึงคาดเดาเอาเอง “คุณหญิงคะ เมนูพวกนี้เป็นเมนูที่ผู้หญิงคนนั้นชอบกินหรือคะ?” คุณหญิงจึงพยักหน้ารับ “ใช่แล้วล่ะ อีกอย่างยัยนั่นชอบกินอาหารที่ฉันทำ” ปกติแล้วคุณหญิงเพ็ญรดีจะไม่เข้าครัวทำอาหารเอง จะมีเฉพาะเวลาที่ธีมนต์กลับมาบ้านหรือมีแขกมาเธอจึงจะเข้าครัวทำอาหารด้วยตัวเอง พี่ไฉไลหัวเราะ “คุณหญิงไม่ชอบเธอไม่ใช่หรือคะ? ทำไมถึงทำอาหารให้เธอกินล่ะคะ?” คุณหญิงเพ็ญรดีกระแอมสองสามที เธอรู้สึกอึดอัดกับคำถามจึงแกล้งหาข้ออ้าง “ใช่ ฉันไม่ชอบแม่นั่นแต่แม่นั่นเป็นคนช่วยฉันไว้ครั้งก่อน ที่ฉันทำอยู่ถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณต่างหากจะได้ไม่ถูกว่าได้ว่าฉันไม่รู้จักตอบแทนบุญคุณ” เหตุผลนี้ฟังดูสมเหตุสมผล พี่ไฉไลจึงไม่ได้จี้ถามต่อ “เข้าใจแล้วค่ะ คุณหญิงวางใจได้เลยค่ะ วัตถุดิบที่สั่งดิฉันจะจัดเตรียมให้เรียบร้อย!” “อืม ไปเถอะ!” บทสนทนาจบลงแค่นี้ คุณหญิงเพ็ญรดีจึงรีบขึ้นห้องไปอาบน้ำล้างเอากลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อจากที่โรงพยาบาลออกจากร่างกาย อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ธีมนต์ได้รับภารกิจมา พอเขากลับถึงบริษัทก็โทรหานาราเลยทันที ยามบ่ายที่เงียบสงบ อากาศเย็นสบาย แสงแดดส่องผ่านกระจกสะท้อนอยู่บนตัวธีมนต์ เขากำลังฟังเสียง ‘ตู๊ด ตู๊ด’ที่ดังมาตามสายมันช่างมีผลในการกล่อมนอนนัก โทรไปหลายสายก็ไม่มีคนรับ ธีมนต์จึงเริ่มร้อนรนคิ้วขมวดกันแน่น ยัยปีศาจทำอะไรอยู่นะทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์? ธีมนต์ใบหน้าเคร่งขรึมแววตาดุร้าย นา-รา! มุมปากของเขายกยิ้มขึ้น ทันใดนั้นก็มีอะไรสนุกๆแวบขึ้นมาในหัว ช่วงเย็น รถหรูยี่ห้อไมบัคก็ขับฝ่าแสงแดดยามเย็นมุ่งตรงไปสู่ตึกใหญ่ใจกลางเมือง ตัวรถขับเข้าไปยังลานจอดรถของตึกแต่กลับไม่หาที่จอดรถ ใช้แววตาราวกับกำลังล่าเหยื่อในการมองหาเหยื่อของตน รถยี่ห้อออดี้สีดำรุ่นเอหกใหม่เอี่ยม……และเพราะว่าเป็นรถใหม่จึงยังไม่ได้ติดแผ่นป้ายทะเบียน เขาวนอยู่ในลานจอดรถสักพักก็หารถคันนี้เจอ ธีมนต์ลดความเร็วของรถลงแล้วหาองศาที่เหมาะสม ควบคุมความเร็วของรถให้คงที่แล้วค่อยๆขับเข้าใกล้รถออดี้ทีละนิด เมื่อได้ระยะห่างที่เหมาะสมระหว่างรถสองคันทันใดนั้นเขาก็เหยียบคันเร่งพุ่งเข้าชนรถออดี้คันใหม่เอี่ยม “โครม” รถออดี้ถูกชนท้ายจนพุ่งไปชนกำแพงด้านหน้า แรงกระแทกจากการชนทำให้รถทั้งคันเคลื่อนออกจากจุดจอด ท้ายรถและหน้ารถยุบเป็นวงกว้าง ดูแล้วเสียหายพอสมควร “ยอดเยี่ยมไปเลย” ธีมนต์ลงจากรถมาชื่นชมฝีมือของตัวเองแล้วเอ่ยชมด้วยน้ำเสียงสบายๆขาดก็แต่การปรบมือแสดงความยินดีเท่านั้น เนื่องจากทุกมุมของลานจอดรถล้วนมีกล้องวงจรปิด เมื่อพนักงานรักษาความปลอดภัยเห็นเหตุการณ์จึงรีบเข้ามาดู เขาตะลึงเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เห็นคู่กรณีชนรถคนอื่นแล้วไม่หนี แถมยังมีท่าทางดีใจราวกับว่าคู่กรณีกำลังชื่นชมผลงานชิ้นเอกของตัวเอง “คุณผู้ชายครับ ทำไมคุณตั้งใจชนรถคนอื่นล่ะครับ?” พนักงานรักษาความปลอดภัยเอ่ยปากถามอย่างทึ่งๆ “พอเถอะอย่าพูดมาก นี่เป็นรถของทนายนาราจากแผนกทนายความข้างบน รีบแจ้งให้เธอลงมาสิ” เขายืนพิงรถตัวเองด้วยท่าทางสบายๆไม่มีท่าทีวิตกกังวลเลยสักนิด จะว่าไปราคาที่ต่างกันได้ก็คุณภาพที่ต่างกันจริงๆ รถยี่ห้องไมบัคที่พุ่งชนออดี้ไม่มีส่วนไหนเสียหายเลย นี่เป็นการเปรียบเทียบความรวยที่เห็นได้อย่างชัดเจน “ผม……ผมจะรีบไปแจ้งครับ” พนักงานรักษาความปลอดภัยไปค้นหาช่องทางการติดต่อของเจ้าของรถแล้วโทรขึ้นไปยังโทรศัพท์สำนักงานภายในห้องทำงานของนารา ทั้งช่วงบ่ายนารายุ่งจนไม่สามารถปลีกตัวได้เลย หลังจากที่รับสายจากสำนักงานเมื่อตอนบ่ายก็ยุ่งมากจนเพิ่งส่งลูกค้าคนสุดท้ายกลับไปเมื่อสักครู่ บนใบหน้าเธอปรากฏความเหนื่อยล้าอย่างชัดเจน “สวัสดีค่ะ!” “กำลังเรียนสายกับคุณนารารึเปล่าครับ? รถของคุณที่จอดอยู่บริเวณลายจอดรถถูกชนครับ ตอนนี้คู่กรณีกำลังรอคุณอยู่” “อะไรนะ?” 
已经是最新一章了
加载中