ตอนที่ 49 จูบกันแล้วจูบกันแล้ว
1/
ตอนที่ 49 จูบกันแล้วจูบกันแล้ว
เกมรักลวงใจ
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 49 จูบกันแล้วจูบกันแล้ว
ตนที่ 49 จูบกันแล้วจูบกันแล้ว ณัฐนิชทนดูต่อไม่ไหวจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ถือว่าตนอาวุโสกว่า “ยัยจรรย์เป็นแฟนคุณนะคะ สิ่งที่แกทำไปทั้งหมดนั้นก็เพราะเป็นห่วงคุณ คุณต้องเข้าใจแกด้วยนะคะ” ธีมนต์ตอบกลับอย่างไม่ไว้หน้าแล้วตวัดสายตามองจรรย์ธรแวบหนึ่ง “เธอเป็นแฟนผมงั้นเหรอ?” เขาใช้แววตาเย็นชาในการมองเธอราวกับกำลังสอบสวนความผิด “ผมไปเป็นแฟนคุณตอนไหน? ไปแตะต้องคุณ ไปนอนกับคุณตอนไหน?” “ฉัน……คุณไม่ได้……เอ่อ” จรรย์ธรถูกเขาถามต้อนจนพูดไม่ออก ธีมนต์เริ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงก้าวร้าว “ไม่มีใช่ไหม? ถ้าไม่มีแล้วจะบอกว่าเป็นแฟนได้ยังไง?” เมื่อก่อนเขาใช้เธอเป็นไม้กันหมาเพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ได้ถือสาคำพูดของเธอ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว…… ณัฐนิชเห็นลูกสาวตัวเองถูกรังแกจึงรีบเอ่ยปาก “แต่ที่ผ่านมาคุณก็ไม่เคยปฏิเสธ พวกเธอสนิทกันมาตั้งหลายปีไม่มีความรู้สึกต่อกันเลยงั้นหรือ?” เธอมีลางสังหรณ์ไม่ดี ตอนนี้เขาต้องการตัดความสัมพันธ์กับลูกสาวเธอ คุณหญิงเพ็ญรดีที่อยู่ด้านข้างก็รู้สึกตื่นเต้นมาก ลูกชายเธอช่างดูเท่เหลือเกิน ถ้ายัยจิ้งจอกมาเห็นหล่อนจะโดนความเท่นี้ดึงดูดไหมนะ! ธีมนต์ขมวดคิ้ว “ผมไม่ปฏิเสธไม่ได้แปลว่าผมยอมรับ รอบตัวผมมีผู้หญิงตั้งมากมาย เลขาผมอยู่กับผมมาหลายปี หนึ่งสัปดาห์เจอกันห้าวัน ผมก็ควรมีความรู้สึกต่อเธอด้วยงั้นเหรอครับ?” ณัฐนิชทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ส่วนคนที่ก้มหน้าหลบสายตาโหดๆอย่างจรรย์ธรก็กำลังคิดว่าที่ธีมนต์เปลี่ยนไปขนาดนี้ต้องเป็นเพราะยัยปณิดาแน่ๆ ไม่อย่างงั้นเขาคงไม่พูดจาตัดเยื่อใยเธอแบบนี้ ณัฐนิชถูกคำพูดของเขาตอกกลับจนพูดไม่ออก ความจริงแล้วเธอรู้ดีว่าถ้าธีมนต์มีความรู้สึกต่อลูกสาวเธอเขาคงไม่มีท่าทีห่างเหินแบบนี้ แต่พวกเธอมีความหวังเสี้ยวหนึ่งที่จะปีนขึ้นยอดไม้นี้จึงไม่อยากปล่อยโอกาสนี้ไป “คุณธีมนต์คะ ตอนนี้คุณมีคนใหม่คุณเลยจะเขี่ยยัยจรรย์ทิ้งงั้นเหรอคะ? หลายปีมานี้คนอื่นต่างก็รู้ว่ายัยจรรย์เป็นแฟนของคุณ ความทุ่มเทและชื่อเสียงของยัยจรรย์ล้วนอยู่ในมือคุณ ตอนนี้คุณจะมาทำเหมือนไม่รู้จักกันแบบนี้ได้ยังไงคะ?” ณัฐนิชพูดเกินไป คุณหญิงเพ็ญรดีทนฟังต่อไปไม่ไหวจึงเอ่ยขึ้น “รับผิดชอบคำพูดด้วยนะคะ ลูกชายฉันยอมรับแล้วเหรอว่าคบกับลูกสาวคุณ? คุณอย่ามาพูดพล่อยๆ” ธีมนต์ตบลงบนไหล่แม่ตัวเองเบาๆเพื่อส่งสัญญาณว่าให้ใจเย็นๆ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เธอเป็นผู้หญิงยังไม่รู้จักรักนวลสงวนตัว อีกอย่างผมไม่เคยแตะต้องเธอ แค่ไม่ได้พูดออกมาว่าเธอจะเกาะผมก็ถือว่าเกรงใจมากพอแล้ว ตอนนี้คุณอยากเพิ่มความผิดอีกหรือไง?” คำพูดนี้ถือว่าเป็นการเอ่ยเตือน ถ้ายังทำให้เขาโมโหอีกเขาไม่รับรองว่าจะใช้วิธีอะไรจัดการ จรรย์ธรรู้สึกว่าถ้าบรรยากาศยังอึมครึมต่อไปอีกไม่นานคงระเบิดแน่ เธอจึงดึงแขนเสื้อแม่ตัวเองเบาๆ “พอเถอะค่ะคุณแม่” ณัฐนิชขมวดคิ้วเข้าหากัน “คุณธีมนต์ถ้าคุณยังเป็นลูกผู้ชายพอก็ต้องรับผิดชอบ!” “คุณหญิงณัฐนิช พูดอะไรต้องมีหลักฐานนะครับ ผมจะเป็นลูกผู้ชายหรือไม่มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณ พี่ไฉไลส่งแขกครับ!” จรรย์ธรเห็นเหตุการณ์ถึงจุดแตกหักจึงรีบเข้าไปหาคุณหญิงเพ็ญรดี “คุณป้าช่วยพูดหน่อยสิคะ? หนูรู้สึกผิดแล้ว คุณป้าบอกคุณธีใจเย็นๆนะคะ” คุณหญิงเพ็ญรดีไม่อยากเข้าไปยุ่งจึงแกะมือเธอออกแล้วหาข้ออ้าง “กับข้าวฉันยังอยู่บนเตาอยู่เลย ฉันต้องไปดูเสียหน่อย” เธอรีบเมินจรรย์ธรทันที “ใครหน้าด้านทุกคนล้วนรู้อยู่แก่ใจ อย่าคิดว่านาโนเบย์ยิ่งใหญ่แล้วจะไม่เห็นหัวใครก็ได้ ก่อนจะพูดอะไรออกมาหันกลับไปมองตัวเองก่อนว่าอยู่ระดับไหน บางคนไม่ใช่คนที่คุณควรจะมีเรื่องด้วย!” ตำแหน่งของตระกูลจิวะพงษ์ในเมืองกีธูร์นถือว่ามีอำนาจพอสมควร แค่ธีมนต์กระดิกนิ้วก็สามารถเหยียบพวกเขาจนตายได้ คำพูดของเขาทำให้เธอรู้สึกราวกับมีน้ำเย็นจัดราดตัวเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า เธอเห็นคนรับใช้ที่รออยู่ด้านข้างก็ไม่มีหน้าจะอยู่ต่อแล้วจึงรีบพาจรรย์ธรจากไปอย่างรวดเร็ว นารายืนมองพวกเธอจากไปจากชั้นบน ริมฝีปากสีแดงยกยิ้มขึ้นอย่างพอใจ ละครฉากนี้ช่างน่าสนใจเหลือเกิน นานมากแล้วที่เธอไม่ได้ดูละครที่น่าสนใจขนาดนี้ เมื่อกี้เธอยืนอยู่ตรงหัวมุมบันได บทสนทนาทั้งหมดของพวกเขาเธอได้ยินอย่างชัดเจน “แปะ แป แปะ” เสียงปรบมือเป็นจังหวะดังมาจากนาราที่กำลังเดินมาลงมา “คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะเย็นชาได้ขนาดนี้!” ธีมนต์โอบเอวเล็กของเธอไว้ “พอใจไหม?” ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทำไมณัฐนิชถึงต้องเอาเธอถึงตาย แต่เห็นท่าทางยโสของสองแม่ลูกเมื่อสักครู่ก็รู้สึกอยากสั่งสอนให้พวกเธอหลาบจำ นาราไม่ได้ปฏิเสธ ทั้งสองคนเดินไปถึงโซฟา เธอก็นั่งลงบนตักของเขาพร้อมกับเอาแขนคล้องคอเขาไว้ ใช้ปลายนิ้วลูบไล้ไปทั่วใบหน้าของเขา “คุณตั้งใจแสดงละครให้ฉันดูเหรอคะ?” ธีมนต์จับมือเธอเอาไว้ “นี่เป็นความรู้สึกของผมจริงๆแต่คุณบังเอิญมาเห็นต่างหาก” นาราขยับเข้าไปใกล้เขาด้วยท่าทางยั่วยวน “ฉันแค่บังเอิญมาเห็นจริงๆเหรอ?” ทั้งสองคนขยับเข้าหากันมากขึ้นทำให้รู้สึกถึงลมหายใจของอีกฝ่าย เธอสามารถมองเห็นตัวเองในแววตาของเขา คุณหญิงเพ็ญรดียกกับข้าวมาถึงห้องรับแขก กำลังจะเรียกพวกเขามากินข้าวก็เห็นท่าทางของชวนเข้าใจผิดของทั้งสองคนจึงอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา “พวกแกสองคนเก็บอาการหน่อย นี่มันห้องรับแขกไม่ใช่ห้องนอนจะทำอะไรก็ไปทำในห้องปิดประตูลงลอนให้เรียบร้อย” นาราเห็นธีมนต์ไม่ขยับตัวเธอจึงนั่งอยู่ที่เดิม “คุณป้าคะ นี่เป็นความผิดของลูกชายคุณป้า” “ลูกชายฉันถูกเธอทำเสน่ห์ใส่น่ะสิ แล้วก็เมื่อกี้เธอทำให้ฉันเดือดร้อนไปด้วยทำให้ฉันต้องโกหก เธอติดหนี้บุญคุณฉันอีกครั้งแล้วนะ เธอจะตอบแทนยังไง?” นาราปัดความรับผิดชอบ “ตอบแทนไม่ไหว งั้นก็ไม่ตอบแทนแล้ว ยังไงลูกชายคุณก็ไม่ถือสา ใช่ไหมคะ?” ธีมนต์เข้าข้างเธออย่างเคยชิน “อืม” คุณหญิงเพ็ญรดีมองทั้งสองคนหยอกล้อกันจนทนไม่ไหวต้องส่ายหัว ไม่สนใจพวกเขาแล้วจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ “มีลูกชายเลี้ยงลูกชายเพื่ออะไร พอโตมาก็เข้าข้างแฟนจนไม่สนใจแม่” เธอบ่นไปด้วยขณะเดินกลับเข้าไปในห้องครัว นาราหันไปมองหน้าเขา “แม่คุณโกรธเหรอ?” “ไม่หรอก แม่ผมอยากให้คุณแต่งเข้าบ้านจะตายไป” นาราผลักเขาออกแล้วขยับไปนั่งอีกด้าน ธีมนต์ไม่เข้าใจการกระทำของเธอจึงขยับตามไป “คุณเป็นอะไร?” “ฉันไม่เคยคิดจะแต่งงานกับคุณดังนั้นเราควรจะเว้นระยะห่าง” นารายึดมั่นในท่าทีเย็นชาของตัวเธอ ปฏิเสธไม่ได้ว่านิสัยของเธอสามารถทรมานคนได้จริงๆ ธีมนต์ทำหน้านิ่งแล้วบังคับดึงตัวเธอเข้ามาใกล้ “คุณหาเรื่องผมเอง คุณคิดว่าผมจะเว้นระยะห่างกับคุณงั้นเหรอ?” นาราเอ่ยขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว “นี่ไม่ใช่การหาเรื่อง ชอบพอกันก็คบกัน ไม่ชอบก็เลิกกันไป ต่างคนต่างได้ประโยชน์” “ก่อนที่ผมจะได้กินคุณ คุณหนีไม่พ้นแล้วล่ะ” ธีมนต์เชยคางเธอแล้วจูบลงไปเสียเลย คุณหญิงเพ็ญรดีที่ออกมาแอบดูเห็นฉากนี้ก็รีบปิดตาทันที แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถ่างนิ้วออกแล้วมองลอดออกไป ในใจก็รู้สึกมีความสุข จูบกันแล้วจูบกันแล้ว!
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 49 จูบกันแล้วจูบกันแล้ว
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A