ตอนที่ 92 ออกไปให้พ้น 2   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 92 ออกไปให้พ้น 2
ต๭นที่ 92 ออกไปให้พ้น 2 "คุณพ่อ!" นิรุทธ์ก้าวเข้าไปหาด้วยความขลาดกลัว "นั่งสิ!" มนุเชษย์เหลือบมองเก้าอี้ที่อยู่ถัดไปจากเขา นิรุทธ์ถูกกระตุ้นให้ตื่นตัวเต็มร้อยไม่กล้าผ่อนคลายเลยสักนิด "ไม่นานมานี้การดำเนินงานของบริษัทนาโนเบย์ไม่ราบรื่นเหรอ?" มนุเชษย์พูดเบาๆ แต่เรื่องที่เขาพูดขึ้นมานั้นทำให้นิรุทธ์ตกใจ "มีปัญหาเล็กน้อยครับ แต่ ..." "มีปัญหาเล็กน้อยงั้นเหรอ? นิรุทธ์ นายคิดว่าฉันแก่จนเลอะเลือนไปแล้วรึไง? บริษัทนาโนเบย์สูญเสียลูกค้าหลักอย่างเอส.ที. กรุ๊ป จนส่งผลกระทบเป็นโดมิโนไปถึงลูกค้าขนาดเล็กและขนาดกลางจำนวนมาก จนกระทั่งถอนความร่วมมือกับบริษัทนาโนเบย์ นายคำนวณได้รึเปล่าว่าความสูญเสียนี้มันมากมายขนาดไหน?" มนุเชษย์ที่เต็มไปด้วยโทสะตวาดเขาเสียงดัง "คุณพ่อครับ ผม ... เป็นเพราะผมเลินเล่อ" นิรุทธ์ยังทำเป็นใจเย็น หวังว่าเขาจะยังไม่รู้อะไรมากนัก มนุเชษย์ย่อมไม่ได้โมโหเพราะแค่เรื่องนี้ เขาขมวดคิ้วเป็นเชิงถามว่า "โครงการ G.I ก็แพ้ประมูลเช่นกัน แกไม่ได้บอกว่ามันเป็นโครงการที่สมบูรณ์แบบหรอกเหรอ?" "ผม..เรื่องนี้มีข้อผิดพลาดบางอย่าง ผมจะไปตรวจสอบครับ" นิรุทธ์ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงดี สำหรับเรื่องนี้เขาพบว่ามีปัญหามานานแล้ว "แค่ความผิดพลาดเรื่องเดียวจะสามารถกลบเกลื่อนความไร้ประโยชน์ของแกได้รึไง? ฉันเห็นผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลังแล้ว มันน่าหัวเราะมาก" "คุณพ่อครับ บริษัทเพิ่งจะมามีปัญหามากมายเมื่อไม่นานมานี้เองครับ แต่ผมจะพยายามแก้ปัญหาไปทีละเปลาะ" นิรุทธ์ไม่รู้จะพูดยังไง ตอนนี้เขาทำได้เพียงคิดหาหนทางแก้ไขเท่านั้น "ผมคิดว่าในบริษัทของเรามีหนอนบ่อนไส้ เนื่องจากการราคาประมูลโครงการ GI นั้นทางบริษัทIBTได้เสนอราคาเท่ากับเรา ..." "ฉันไม่ต้องการฟังขั้นตอนการทำงานของแก ฉันให้ความสำคัญกับผลลัพธ์เท่านั้น ตอนนี้รู้แล้วว่ามีหนอนบ่อนไส้แล้วยังไง? สามารถคว้าโครงการกลับคืนมาได้ไหม?" ในสายตาของเรื่องพวกนี้เป็นเพราะความไร้ประโยชน์ของเขา จึงทำให้ผู้อื่นสบโอกาส "นิรุทธ์ ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นพ่อของณัฐนิช แต่ในการทำงาน ฉันยินดีที่จะบอกแกว่าฉันไม่ใช่ผู้ใจบุญ ฉันเป็นนักธุรกิจและจะไม่ค้าขายขาดทุน หากแกไม่สามารถบริหารบริษัทนาโนเบย์ได้ แกจะถูกปลด หลังจากนั้นบริษัทนาโนเบย์จะถูกรวมเข้าไปในเครือแมริออท และให้ณภัทรเข้ามาบริหารไปพร้อมๆกัน" เมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าของนิรุทธ์ก็ซีดเผือด "คุณพ่อครับ ผมจะบริหารบริษัทให้ดีและจะสร้างผลงานที่ดีให้คุณพ่อได้แน่นอนครับ" คำพูดของมนุเชษย์ทำให้เขาอยู่ภายใต้แรงกดดันมหาศาล หากรวมเข้าด้วยกันแล้วเขาจะเหลืออะไร "อย่ามาพูดลอยๆต่อหน้าฉัน ถ้าแกมีความสามารถก็จงแสดงผลลัพธ์ให้ฉันเห็น ถ้าไม่ใช่เพราะณัฐนิชมีลูกกับแก ลำพังตัวแกเองก็ไม่ได้มีคุณสมบัติในการที่จะมาเป็นลูกเขยฉันมนุเชษย์ เพื่อเห็นแก่ลูกสาวของฉันและอนาคตของแก ฉันจะให้เงินทุนแกในการเริ่มต้นก่อตั้งบริษัทเน็ตเบย์ แต่ถ้าแกทำไม่ได้ แกน่าจะรู้ว่าฉันจะทำยังไง ..." เมื่อเทียบกับน้ำร้อนที่อยู่ชั้นบน ชั้นล่างกลับเป็นน้ำที่เย็นมากจนผู้คนหนาวเหน็บ ณัฐนิชเฝ้ามองเวลาที่ค่อยๆเคลื่อนผ่านไปทีละน้อย แต่ก็ยังไม่เห็นความเคลื่อนไหวจากชั้นบนเลยทำให้เธอรู้สึกหวั่นใจมากขึ้น ส่วนณภัทรที่นั่งอยู่ข้างๆกลับสงบนิ่งราวกับรูปปั้น หากไม่ใช่เพราะเขายังยกชาขึ้นดื่มเป็นครั้งคราว ผู้คนคงคิดว่าเป็นภาพประติมากรรมลวงตาจริงๆ ร่างกายของเขาถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายของความแปลกแยก ทำให้ผู้คนไม่กล้าที่จะพูดคุยกับเขา ณัฐนิชเองถ้าไม่เป็นเพราะเบื่อก็คงไม่คุยกับเขาเช่นกัน ครึ่งชั่วโมงต่อมา นิรุทธ์ก็ลงมาจากห้องหนังสือชั้นสอง ในจำนวนคนทั้งหมด ใบหน้าของเขาซีดที่สุด ซีดราวกับสีเทาของขี้เถ้า ณัฐนิชปรี่เข้าไปทันที "เป็นยังไงบ้างคะ? คุณพ่อว่ายังไงบ้าง?" "ไม่มีอะไรหรอก กลับบ้านกันเถอะ" นิรุทธ์แสดงออกกลายๆว่านี่ยังอยู่ในบ้านตระกูลหมื่นสา เขาไม่กล้าแสดงอาการอะไรมากนัก คนรับใช้ก้าวเข้ามาแล้วถามว่า "คุณหนู คุณผู้ชาย พวกคุณจะอยู่ทานอาหารค่ำไหมคะ?" "ไม่ล่ะ พวกเราจะกลับกันแล้ว" เมื่อเห็นว่านิรุทธ์เดินไปแล้ว ณัฐนิชก็รีบสาวเท้าตามไปอย่างรวดเร็ว ณภัทรที่นั่งอยู่บนโซฟา ปรายหางตามองการจากไปของคนทั้งสอง แล้วจึงกระตุกริมฝีปากเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย? 
已经是最新一章了
加载中