ตอนที่ 49 ฉลาดเป็นกรด   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 49 ฉลาดเป็นกรด
ต๭นที่ 49 ฉลาดเป็นกรด มือของเยอรมันยื่นข้ามโต๊ะมา ขวางเกสรไว้ไม่ให้เธอดื่ม เป็นการกระทำที่สนิทสนม เห็นท่าทางของเยอรมันแล้วก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา “เกสรดื่มไปไม่น้อยเลย งั้นแก้วนี้ผมช่วยดื่มนะ” ชยินก็ยื่นมือออกมาทันที “ไม่ต้อง” เยอรมันเหลือบมองชยิน และมือก็ไม่ขยับ แค่ส่งสายตาเย็นชาขวางชยินที่กำลังจะหยิบแก้วเหล้าในมือของเกสร ในที่สุดแก้วในมือของเกสรก็กลับมาวางอยู่บนโต๊ะ หลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าชวนเธอดื่มอีก ในตอนดึก ทีมงานทุกคนก็ทยอยออกไปจากร้านอาหารญี่ปุ่นกันแล้ว เกสรและเยอรมันเดินอยู่ท้ายสุด ชยินมองทั้งคนสอง และถามหยั่งเชิง “เหมือนเกสรจะดื่มไปเยอะมาก และต้องมีคนพาเธอกลับ” พูดเสร็จ เขาก็ยิ้ม และหมุนตัวปลิวไปอย่างรวดเร็ว รถสีดำวิ่งด้วยความเร็ว และกระจกมองหลังก็ปรากฏร่างสองร่าง เกสรดื่มไปเยอะมาก และเหมือนจะเมาแล้ว หลังจากรถขับผ่านทางลาดชัน หัวของเธอก็ไปพิงเข้ากับไหล่ของเยอรมัน และตกอยู่ในห้วงการหลับใหล เยอรมันมองนอกหน้าต่างก่อนจะหันกับมามองร่างที่พิงไหล่ ปิดกล้องถ่ายทำแล้ว นั่นหมายความว่าเธอจะกลับไปยังอพาร์ตเมนต์เหมือนก่อนหน้าที่เธอจะได้เริ่มถ่ายหนัง “กัมพล เรื่องต่อไปของเธอถ่ายตอนไหน?” “ประมาณอีกครึ่งเดือนครับ” “พูดคุยกับคนที่รับผิดชอบ แล้วเลื่อนออกไปหนึ่งเดือน” กัมพลชะงัก “คุณเยอรมัน จะเสียหายถ้าเลือนไปอีกหนึ่งเดือน...” เมื่อเห็นสายตาของเยอรมันผ่านกระจก เขาก็ปิดปากเงียบ แล้วกลืนประโยคหลังลงไป เช้าวันรุ่งขึ้น เกสรตื่นขึ้นมาด้วยความมึนงง เธอมองไปยังแก้วน้ำที่วางข้างเตียง แล้วมองชุดนอนที่ถูกเปลี่ยนบนร่างกายของเธอ ด้วยความรู้สึกคลับคล้ายคลับคลา เธอจำไม่ได้ว่าว่าอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ยังไง เป็นไปไม่ได้ที่พอดื่มเยอะแล้วยังจะไม่ลืมเอาแก้วน้ำวางไว้หัวเตียงดื่มตอนเช้า เธอนั่งทั้งๆ ที่ยังมีผ้าห่มคลุม พิงหัวเตียงมองทุกสิ่งที่คุ้นเคยในห้องนอน ความทรงจำที่เหลือทับซ้อนกับร่างของคนที่ดูแลตัวเองเมื่อคืนในตอนที่เมา เป็นเยอรมันจริงๆ หลังจากยืนยัน หัวใจของเกสรก็มีความอบอุ่นไหลผ่าน แต่หลังจากความอบอุ่นผ่านไป ก็ยิ่งไม่สบายใจมากขึ้น เธอกับเยอรมันเคยทำธุรกิจกัน แต่ตอนนี้ มีความแตกต่างอย่างเดียว คือ แต่ก่อนเธอรู้สึกสะดวกสบายที่มีเขาคอยเกื้อหนุน โดยไม่มีความรู้สึกส่วนตัวมาเกี่ยวข้อง แต่ตอนนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความห่วงใยที่เขามีซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่ทำให้เธอไม่อยากจะจากเขาไปหรือเปล่า และเริ่มโลภที่อยากได้ความอ่อนโยนจากเขาอีก ตื่นขึ้นมาก็สายมากแล้ว เธอมองไปที่ปฏิทินบนผนัง ปรับอารมณ์และลุกไปล้างเครื่องสำอาง วันนี้เธอนัดกินข้าวกับชนา เพราะวันนี้เป็นวันเสาร์ สถาบันกวดวิชาไม่ต้องเรียนตอนเย็น เพราะงั้นตอนบ่ายสามารถไปรับเขาได้ ห้าโมงเย็น ที่ประตูทางเข้าของสถาบันกวดวิชา เกสรจอดรถไว้ข้างถนนก่อนจะลดกระจกลงครึ่งนึง เสียงกริ่งเลิกเรียนดังขึ้น ก็เห็นร่างสูงเดินมาแต่ไกล นั่นคือชนา ข้างหลังก็มีผู้หญิงเดินตามมา สักพักก็ยื่นมือมาขวางหน้าของชนา เกสรดึงแว่นกันแดดออก และยื่นไปมองด้วยความแปลกใจ ระยะห่างไกลเกินไป และคนก็เยอะมาก แล้วผู้หญิงคนนั้นก็หันหลังให้เธอ และผู้คนที่เดินสวนไปมาก็ทำให้เธอมองไม่ชัด เห็นแค่ผู้หญิงคนนั้นจับมือของชนาแกว่งไม่หยุด ราวกับว่าเธอกำลังพูดอะไรบางอย่าง ชนาสะบัดมือเธอออกและมองไปรอบๆ อย่างกังวล แล้วก็เหมือนจะสั่งสอนอะไรสักอย่าง เมื่อเห็นสถานการณ์แล้ว เกสรก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เจ้าเด็กนี่ กำลังมีความรักเหรอ หลังจากรอไม่นาน ทั้งคู่ก็เหมือนจะบรรลุข้อตกลงกันแล้ว ผู้หญิงคนนั้นก็จากไป ชนาก็กระชับกระเป๋าสะพายหลัง และออกมาทางประตูใหญ่ของโรงเรียน ขณะที่รีบเดินมา เกสรก็บีบแตรเตือน ชนาเดินมาจ้องป้ายทะเบียนรถครู่หนึ่ง แล้ววิ่งไปด้านข้างคนขับ “ พี่!” เขาร้องออกมาอย่างเซอไพรส์ เกสรโบกมือ ให้เขาขึ้นรถ “พี่ มารับผมได้ไง?” ชนาเข้าไปนั่งข้างคนขับ คาดเข็มขัดนิรภัยพร้อมทั้งถามออกมา “ไม่ใช่พี่ถ่ายหนังอยู่เหรอ?” “ปิดกล้องแล้ว ว่างก็เลยมาดูว่านายเข้าเรียนจริงมั้ย” เกสรสวมแว่นกันแดด เพื่อป้องกันไม่ให้คนจำเธอได้ ในขณะเดียวกันก็ระวังตอนติดไฟจราจร หลังจากที่มีเรื่องอื้อฉาว เธอก็ระวังตัวมากขึ้นเวลาออกไปไหน “แล้วพี่ก็มานานแล้วด้วย” เกสรหัวเราะ “พี่เห็นหมดแล้ว ผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไร?” “อะไร...ผู้หญิงอะไร?” ชนาปฏิเสธ “จะโกหกพี่อีกเหรอ” เกสรยื่นมือไปตบลงบนหัวของชนา “เจ้าเด็กนี่ พี่ส่งมาเรียนไม่ได้ส่งมาหาแฟนนะ สารภาพมา ไม่งั้นจะตบจนหัวระเบิดเลย” “พี่ ไม่มีจริงๆ” สติของชนากลับมาหน้าเหมือนจะร้องไห้ตอบอย่างเสียไม่ได้ “ผมไม่ได้มีแฟน ถ้าพี่พูดถึงเด็กผู้หญิงคนนั้นล่ะก็ ยังไงดีล่ะ...” เขาเกาหัวแกรกๆ รู้สึกเขินอายเล็กน้อย “เธอไม่ได้เรียนที่นี่ แต่มาหาผมในหลายวันแล้ว ผมบอกเธอหลายครั้งแล้วว่าอย่ามา แต่เธอก็มา ผมก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” “เธอไม่ได้เรียกเขามาหา แต่เขาก็มาเหรอ?” ชนาจนปัญญา เขาพูดหลายรอบมากๆ แล้ว “เธอไปที่ชั้นเรียนของพวกผมเมื่อเร็วๆ นี้ แล้วบอกว่าผมทำให้เธอล้ม ดังนั้นผมต้องชดใช้โดยการไปดูหนังกับเธอ ผมก็หมดคำจะพูดแล้ว” “เด็กโง่” เกสรหัวเราจรตัวจะงอ และมือที่จับพวงมาลัยก็สั่น “ในสมองของนายมีอะไรบ้างฮึ? เรื่องชัดขนาดนี้ทำไมดูไม่ออก ว่าผู้หญิงคนนั้นเขาชอบนายแล้ว” “ฮะ?” “ฮะอะไรล่ะ มันมีการชดใช้ด้วยการไปดูหนังมั้ยเล่า นายนี่เป็นน้องที่โง่จริงๆ!” เกสรพูดด้วยความสนใจใคร่รู้ “ครั้งหน้าถ้ามีโอกาสมารับนายอีก พี่จะช่วยสแกนให้ ว่าเป็นหญิงคนนั้นเป็นยังไง ถ้าใช้ได้ล่ะก็ เธอก็คบเลย” คำพูดเหล่านี้เหมือนจะสนับสนุนก็ไม่ปาน เดิมทีชนาก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่พอมาได้ฟังแล้ว ก็เริ่มรู้สึกเขิน “พี่ ไม่ต้องพูดแล้ว มันไม่มีอะไร” “เขาดูกระตือรือร้นมาก นายก็ตอบกลับไปหน่อยสิ เขาดูทนมากเลยนะ” “ไม่ใช่เด็กแล้ว เขาอายุห่างจากพี่ไม่มาก” เมื่อได้ยิน เกสรก็โกรธ “นี่ ห่างกับพี่ไม่มากแล้วทำไมไม่ใช่เด็ก? นายก็เป็นซะอย่างนี้ พี่ล่ะสงสัยจริงๆ ว่าเธอจะหาแฟนได้ยังไง...เขาชอบนายเข้าไปยังไง?” ชนาถอนหายใจอย่างจนปัญญา เกสรได้รับการถ่ายทอดพลังฝีปากแกร่งกล้ามาจากบรรพบุรุษ เขาว่าน่าจะร้อยเปอร์เซ็นต์เลยล่ะ มีเหตุผลหรือไม่มีเขาก็ไม่เคยเอาชนะพี่ได้ ซึ่งเขาก็ชินเสียแล้ว หลังจากขับรถไปแล้วครู่หนึ่ง เกสรก็คิดถึงน้องชายใช้ผู้ใสซื่อด้วยท่าทางเงียบๆ และไตร่ตรองอย่างละเอียดถี่ถ้วน ครุ่นคิดออกมาได้หนึ่งอย่าง “ไม่ถูกแล้ว นายบอกว่าเจอกันกับผู้หญิงคนนั้นที่ผับ แล้วนายช่วยเขาไว้? นายไปทำอะไร?” เขาเงียบอย่างใจคอไม่ดี เดิมทีอยากให้เรื่องที่ผับผ่านไปอย่างเงียบๆ แต่ไม่คิดว่าจะไม่พ้นความฉลาดเป็นกรดของพี่สาวไปได้ 
已经是最新一章了
加载中