ตอนที่ 41 เพื่อนเก่า   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 41 เพื่อนเก่า
ต๭นที่ 41 เพื่อนเก่า จากภาพหน้าจอที่กำลังวีดีโอคอลกันอยู่ ปรากฏให้เห็นภาพของหญิงสาวอีกคนที่กำลังหัวเราะอย่างสดใสจากอีกฝั่งนึง ซึ่งไม่รู้เลยเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ทางด้านอีกฝั่งแสงจ้าของหน้าจอกลับทำให้กมิดารู้สึกแสบตา หญิงสาวที่ปรากฏในวิดีโอคอลสนทนาก็คือพรวลัย เธอเป็นเพื่อนสนิทของกมิดาตั้งแต่สมัยที่อยู่เมลเบิร์นด้วยกัน ซึ่งทั้งคู่อายุเท่ากันและยังมีนิสัยที่คล้ายคลึงกันอีก ทำให้ทั้งคู่สนิทกันมาก ทั้งสองคนรู้จักกันตั้งแต่สมัยที่กมิดายังทำงานในบาร์ พรวลัยเป็นคนน่ารักนิสัยดี เธอเรียนสาขาการออกแบบโฆษณา และยังเป็นสมาชิกของสมาคมศิลปะการต่อสู้ทีมชาติจีนในเมลเบิร์นอีกด้วย แถมเธอยังมีความชื่นชอบสเตแธมอย่างมาก “เดี๋ยวรอแกกลับมาก่อนเหอะ เราจะได้อยู่ด้วยกันอีก ได้เจอหน้ากันทุกวันเลย” กมิดายัดหมูตุ๋มเข้าปาก พลางเคี้ยวตุ้ย พูดไม่ชัดเจน อีกฝั่งกลับตะโกน โวยวายกลับมา “อ่า! แกกินอะไรอ่ะ หมูตุ๋ยน้ำแดงใช่มั้ย?” “ใช่แล้ว! แถมยังเป็นหมูตุ๋นที่อร่อยมาก ๆ ด้วยแหละ” กมิดาพูดพลางคีบชิ้นหมูตุ๋นขึ้นมาพลางส่ายไปมาใส่หน้าจอ “อื้ม.. หอมมากเลยอ่ะ” “น่าเกลียด! น่าเกลียดที่สุด!” ฝ่ายตรงข้ามโวยวายกลับมาอย่างไม่ยอมแพ้ “ฉันอยู่ที่นี่ไม่เห็นจะได้กินหมูตุ๋นเลย ฉันล่ะไม่เข้าพ่อกับพี่ชายฉันเลยจริง ๆ ว่าจะส่งฉันมาที่นี่ทำไม พรุ่งนี่ฉันจะกลับ!” “อย่าไร้สาระน่า แกเรียนปริญญาโทอยู่ไม่ใช่หรือไง อย่าทำเป็นเล่นไป ทำตัวดี ๆ รอแกกลับมาเมื่อไหร่ฉันเลี้ยงแกเต็มที่เลย” หลังจากพูดจบกมิดาก็เห็นว่าอีกฝ่ายทำท่าทางดี๊ด๋าตอบกลับมา “ฉันแค่รอแกพูดคำนี่แหละ ฉันจะกินให้พุงกางเลย เดี๋ยวประมาณช่วงปลายเดือนฉันก็จะกลับไปแล้วนะ ฉันจองตั๋วเรียบร้อยแล้ว” กมิดาแปลกใจ ไม่แน่ใจว่าควรจะเชื่อคำพูดของเพื่อนดีมั้ย “อ้าว แล้วเรื่องเรียนของแกล่ะ จบแล้วหรอ?” “จริง ๆ ฉันยื่นเรื่องให้อาจารย์ที่ปรึกษาไปแล้วแหละ อาจารย์ก็แนะนำให้ฉันลองกลับไปทำงานบริษัทออกแบบในประเทศดูก่อน บริษัทในประเทศก็มีงานที่เกี่ยวกับการออกแบบเยอะนะ ถ้าฉันยังอยู่นี่คงไม่ได้ลองทำอะไรจริงจังดูสักที คราวนี่ฉันเลยวางแผนที่จะกลับไปเริ่มทำงานดูก่อน” พรวลัยอธิบายให้เพื่อนฟังยาวเหยียด ก่อนจะเอามือตบลงบนหน้าผากตัวเองเมื่อพึ่งนึกอะไรออก “โอ้ย! ฉันกะว่าจะกลับไปเซอร์ไพรส์แก แต่ทำไมฉันเผลอพูดออกมาหมดเลยเนี่ย ให้ตายสิ!” กมิดาขำในท่าทางตลกของเพื่อน จนเผลอทำหมูตุ๋นที่กำลังเคี้ยวอยู่ในปากหล่นลงบนโต๊ะ “แกนี่สิ้นเปลืองจริง ๆ เลย!” เสียงโวยวายจากอีกฝั่งยังคงดังไม่หยุด กมิดาพลางยกมือห้ามทัพเพื่อนก่อน “ปกติฉันต้องรักษาหุ่น ไม่ได้กินเยอะขนาดนี่หรอก พอดีมีคนส่งมาให้ จะให้ไม่กินก็ไม่ได้ด้วยสิ และบังเอิญแกก็มาเจอเข้าพอดีไง” “โอ๊ะ มีคนส่งมาหรอ?” พรวลัยกระพริบตาปริบๆก่อนเอ่ยถาม “ภุชงค์หรอ?” กมิดาชะงักนิ่งไปชั่วขณะ รสชาติหมูตุ๋นในปากพลางจืดชืดไร้รสขึ้นมาทันที พรวลัยเห็นท่าทางของเพื่อนก็พอจะเดาได้ว่ามีบางอย่างผิดไปจากปกติ “เป็นอะไรไป? ไม่ใช่ภุชงค์หรอ?” ช่วงเวลาที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกันที่เมลเบิร์น กมิดามักจะพูดถึงแฟนหนุ่มที่รอเธออยู่เมืองซีบ่อยครั้ง “ฉันเลิกกับเขาแล้ว” เป็นครั้งแรกที่เธอพูดเรื่องนี่ออกมา กมิดามีเพื่อนน้อยมาก มีเพียงไม่กี่คนที่เธอจะสามารถพูดเรื่องที่อยู่ในใจออกมาได้ หลังจากกลับมาจากเมลเบิร์น จันทร์สุดาเป็นคนที่เธอเคยคิดว่าสามารถเชื่อใจได้มากที่สุด แต่แล้วมันกลับไม่ใช่แบบนั้น อาจเป็นเพราะเธอยังรู้จักคนได้ไม่ดีพอ พรวลัยตะลึงงันไปชั่วขณะ พลางขมวดคิ้วอย่างสงสัย ก่อนที่ดวงตาของเธอจะเปล่งประกายขึ้นมาเมื่อนึกอะไรบางอย่างออก “เลิกกันก็ดีแล้ว” กมิดางงงวยไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าต้องรู้สึกอย่างไรดีหัวเราะไม่ออกร้องไห้ก็ไม่ได้ “ยัยพรวลัย ไม่ใช่ว่าแกต้องปลอบใจฉันหรอกเหรอ?” “จะปลอบใจไปทำไม นี่แกยังไม่รู้เรื่องใช่ไหม วันก่อนฉันโทรคุยกับพี่ชาย พี่ฉันบอกว่าบริษัทของพี่นิรัชกำลังจะร่วมมือกับบริษัทภายในประเทศ น่าจะอีกสักสองวัน เขาก็น่าจะกลับไปแล้ว” “นิรัช.. เขากำลังจะกลับมาหรอ?” “แกกับเขาก็รู้จักกันมาตั้งหลายปีแล้วนิ เมื่อก่อนพวกแกก็เคยร่วมงานด้วยกัน แถมยังได้เป็นดาราดาวรุ่งทั้งคู่อีก ตอนนี่เขากลายเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงแล้วนะ แกเองก็ยังเคยลังเลมาตั้งหลายปี ไหน ๆ แกก็เลิกกับภุชงค์แล้ว นี่อาจเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้ก็ได้นะ” ยังไม่ทันที่กมิดาจะได้โต้ตอบอะไรกลับ พรวลัยก็มีท่าทีกำลังเพ้อฝันมโนไปไกลแล้ว “สุดยอดเลยอ่า แค่คิดก็รู้สึกดีแล้ว พี่นิรัชเขาต้องเป็นเหมือนฟ้าหลังฝนของแกแน่เลย” กมิดาถึงกับต้องเอามือกุมขมับ ก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “เลิกล้อเล่นได้แล้ว ฉันกับนิรัชเราเป็นแค่เพื่อนกัน จะพูดอีกครั้งนะ ถึงเขากลับมาแล้ว มันก็ไม่เห็นมีอะไรที่เกี่ยวกับฉันนิ” “ไม่ว่าแกจะพูดยังไง แต่ฉันรู้สึกได้ว่าพวกแกต้องลงเอยกันเร็ว ๆ นี่แน่” กมิดาถึงกับถอดใจ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องอธิบายต่อเพราะถึงยังไงก็ดูเหมือนว่าเพื่อนของเธอได้จินตนาการไปไกลแล้ว แต่เหมือนว่ายังมีโชคเข้าข้างอยู่ จู่ๆอีกฝ่ายก็ดูเหมือนมีธุระบางอย่างต้องไปจัดการ ทำให้ต้องวางสายจากกัน หลังจากวางสายไปกมิดาก็ไม่สามารถสงบใจตัวเองได้เป็นเวลานาน เธอเคยคิดว่าเธออยู่ตัวคนเดียวได้มาตลอดโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใคร ในชีวิตที่ผ่านมากมิดาไม่มีโอกาสแม้แต่จะตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่เธอด้วยซ้ำ พ่อของเธอเสียชีวิตลงภายในคุกโดยที่เธอเองก็ไม่ทราบถึงสาเหตุที่แน่ชัด หลังจากนั้นแม่ก็ตรอมใจจนอยู่ในภาวะซึมเศร้า ก่อนหน้านี่เธอเองก็ได้มีโอกาสเล่นหนังโฆษณา แต่ยังไม่ทันได้ฉายออกมากับถูกบล็อกซะก่อนท้ายที่สุดเธอก็เลือกที่จะไปเรียนต่อต่างประเทศ โดยได้นิรัชคอยให้ความช่วยเหลือเธอมาโดยตลอด เธอรู้สึกติดหนี่บุญคุณของเขาเยอะมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะตอบแทนเขาอย่างไรหมด ตอนนี่เธอเริ่มคิดหาหนทางได้แล้วและกำลังที่จะเริ่มลงมือทำอย่างจริงจัง เธอได้แต่บอกตัวเองว่าไม่ควรคิดมาก แต่มันก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทุกคนก็มักจะคิดช่องทางไปสู่ความสำเร็จกันทั้งนั้น เสียงโทรศัพท์จากพี่ขวัญดังขึ้นขัดจังหวะความคิดเธอพอดี พี่ขวัญโทรมาบอกว่านักออกแบบเครื่องประดับของ Ismail สนใจอยากพบเธอ ให้เธอเข้าบริษัทไปตอนนี่ ระหว่างทางเธอเองก็คิดมาตลอดทางว่านี่อาจเป็นช่องทางที่จะไปสู่ความสำเร็จได้เร็วขึ้นก็ได้ เธอเองไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่ขวัญจะสามารถผลักดันให้เธอได้เป็นพรีเซ็นเตอร์เครื่องประดับแบรนด์ใหญ่อย่าง Ismail ได้ซึ่งเธอยังเป็นดาราหน้าใหม่ ไม่มีคุณสมบัติอะไรที่จะสามารถไต่เต้าเป็นถึงพรีเซนเตอร์ของแบรนด์ขนาดใหญ่นี่ได้ ในช่วงที่อยู่ระหว่าการสัมภาษณ์ บรรยากาศในการสัมภาษณ์ทำให้เธอกับรู้สึกว่าทาง Ismail เหมือนไม่ได้จริงจังกับการสัมภาษณ์เลย ทำให้เธอเริ่มมั่นใจว่าทั้งหมดนี่มันไม่ปกติ ซึ่งถ้าตามปกติแล้วขั้นตอนการคัดเลือกพรีเซนเตอร์ไม่ได้ดูชิลขนาดนี่ด้วยซ้ำ แต่นี่ทางแบรนด์กลับเรียกเธอมาเพื่อตอบคำถามสองสามอย่างเพียงเท่านั้น บางทีแล้วนี่อาจมีบางอย่างแอบแฝงอยู่ พวกเขาทำราวกับว่าเธอไม่ดูออกอย่างไงอย่างงั้น แม้แต่ตอนที่พี่ขวัญเสนอราคาไป ทางแบรนด์กับรีบตอบรับทันทีโดยไม่มีการต่อรองราคาเลยด้วยซ้ำ แถมยังเตรียมสัญญามาพร้อมอย่างนี่ ในตอนที่กำลังจะเซ็นสัญญา กมิดากลับรู้สึกว่าไม่ควรที่จะเซ็น “ขอโทษด้วยนะคะ งานนี่ฉันขอปฏิเสธค่ะ” ประโยคเมื่อสักครู่ส่งผลให้บรรยากาศภายในห้องห้องประชุมดูอึมครึมขึ้นอย่างกะทันหัน พี่ขวัญเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง “ยัยดา แกบ้าไปแล้วหรอ?” “ขอโทษด้วยนะคะพี่ขวัญ แต่ดาตอบรับงานนี่ไม่ได้จริง ๆ ค่ะ” กมิดาวางปากกาที่ดูเหมือนจะหนักอึ้งตามความรู้สึกของเธอก่อนหน้านี่ลง เธอถอนหายใจอย่างนึกโล่งใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองภาพตรงหน้าให้ชัดเจน แล้วเอ่ยถามกับนักออกแบบที่อยู่ตรงหน้า “คุณแอนดี้คะ พวกคุณคิดว่าฉันเหมาะสมที่จะถูกเลือกให้เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับทางแบรนด์จริง ๆ น่ะ หรอคะ?” ท่าทางเย็นชาของแอนดี้หรือก็คือนักออกแบบหนุ่มไฟแรงของแบรนด์ที่เคยมองอย่างดูหมิ่นไปครู่นึง ก่อนจะเอ่ยถาม “ผมว่าภาพลักษณ์และบุคลิกของคุณก็ดูเข้ากับแบรนด์นะครับ ไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่ไม่เหมาะเลย ทำไมละครับ ไม่พอใจเรื่องค่าตอบแทนหรอ?” “ไม่ใช่ค่ะ” กมิดาถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงดูลังเลที่จะพูด “เรื่องค่าตอบแทนฉันพอใจมากค่ะ แต่ก็นั้นแหละ ค่าตอบแทนที่ดูสูงขนาดนี่ สำหรับฉันที่ยังเป็นมือใหม่อยู่ ฉันรู้สึกว่ามันสูงเกินไปด้วยซ้ำ ถ้าเหตุผลที่ฉันได้งานนี่มันไม่ใช่เพราะความสามารถของฉัน แต่เป็นเพราะมีเหตุผลอื่น ฉันขอปฏิเสธดีกว่าค่ะ” 
已经是最新一章了
加载中