บทที่ 10 คำให้การของเด็กตัวน้อย   1/    
已经是第一章了
บทที่ 10 คำให้การของเด็กตัวน้อย
บทที่ 10 คำให้การของเด็กตัวน้อย “คุณว่าอะไรนะ? อ้อย! คุณตำรวจ ถ้ามีเรื่องอะไรก็มาลงที่ผมเถอะ หลานสาวของผมไม่รู้อะไรจริงๆ!” ตุนท์คิดว่าจริมจะพาอ้อยไป ตกใจจนเกือบจะคุกเข่าลง “ท่านอาจารย์ ผมว่าท่านเข้าใจผิดแล้ว พวกเราก็แค่อยากจะคุยกับอ้อยเท่านั้น ถามเธอเกี่ยวกับสถานการณ์เบื้องต้นบางเรื่องสักหน่อย ไม่ทำให้เธอลำบากใจแน่นอน” จริมชำเลืองมองจารุณีที่อยู่ด้านหลัง ตั้งใจกดเสียงต่ำลงพูดว่า “โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าหากว่าท่านถูกตำรวจพาตัวไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นหลานสาวของท่านก็ไม่มีใครดูแล” จริมอธิบายประโยชน์และโทษที่เกี่ยวข้องกันอย่างชัดเจน ก็เพื่อทำให้ตุนท์สบายใจ หากวิเคราะห์บทสนทนาจากก่อนหน้านี้ อ้อยมีความบกพร่องทางสติปัญญา อีกทั้งยังเชื่อใจแค่ตุนท์เพียงคนเดียวเท่านั้น ถ้าหากตุนท์ไปหาอ้อย มีหรือที่เด็กคนนั้นจะไม่พูด ครุ่นคิดอยู่หลายครั้ง ในที่สุดตุนท์ก็ตอบรับคำขอของจริม เขาเองก็อยากให้จับตัวฆาตกรให้ได้โดยเร็วที่สุด เรื่องวุ่นวายพวกนี้จะได้จบลงสักที ที่อยู่ของตุนท์ห่างจากซอยที่สามไม่ถึงสองกิโล ที่นั่นเป็นที่ที่รัฐบาลจัดหาและสร้างให้เมื่อสิบปีก่อน ตอนนี้ก็เริ่มชำรุดทรุดโทรม และยังแออัดอีกด้วย มีคนยากจนเหมือนกับตุนท์ที่ใช้ชีวิตอยู่ในนั้นเป็นจำนวนมาก “คุณตำรวจ ก็ ก็เป็นที่นี่แหละ” ตุนท์ชี้ไปยังห้องเล็กๆ ที่ทรุดโทรมที่อยู่ตรงหน้า สีหน้าแสดงความลำบากใจเป็นอย่างมาก ห้องนั้นเล็กมาก และยังมีคนที่อยู่ด้านในเป็นจำนวนมาก อ้อยอาจจะไม่ปรับตัวไม่ได้ก็ได้ จริมเห็นความกังวลที่อยู่ในใจของตุนท์ บอกเป็นนัยให้ชนัตละจารุณีออกไปรอข้างนอก เขาจะเข้าไปข้างในคนเดียวก่อน ชนัตตบๆ บ่าไหล่ของจริม กล่าว “เจ้าหนุ่ม จัดการด้วยวิธีการที่รวดเร็วฉับไวนะ จำเอาไว้ว่าอารมณ์ความรู้สึกที่แสดงออกมาต้องผ่อนคลายหน่อย อย่าทำให้แม่นางน้อยตกใจล่ะ” ตุนท์หยิบกุญแจออกมา เปิดประตูห้อง กลิ่นเปรี้ยวเหม็นเน่าก็ลอยเข้ามาประทะหน้าทันที ทำเอาจริมที่ขมวดคิ้วถึงกับสำลักออกมา ลักษณะการจัดรูปแบบหนึ่งห้องนอนหนึ่งห้องรับแขก พื้นที่ทั้งห้องไม่ถึง 30 ตารางเมตร ประตูทางเข้าและห้องรับแขกมีกองขวดเปล่าและเศษกระดาษทุกชนิดวางเอาไว้อยู่ เกือบจะทำให้คนก้าวเท้าลำบาก คิดไม่ถึงว่าจะมีห้องอีกห้องแยกออกไปเป็นห้องนอนของอ้อย ดูก็รู้ว่าตุนท์รักหลานสาวของตัวเองมากจริงๆ ภายในห้องนอนมีหลอดไฟที่ส่องสว่างอยู่ สามารถมองเห็นเงาเล็กๆ เงาหนึ่งได้สลัวๆ กำลังสั่นไหวไปตามหลอดไฟ “อ้อย ปู่กลับมาแล้ว” ตุนท์พูดออกไป เงาร่างเล็กๆ นั้นก็รีบลุกขึ้นมา และวิ่งออกมานอกห้องทันที “คุณปู่!” หลังจากที่เจอจริมแล้ว อ้อยก็อึ้งตะลึงไปครู่หนึ่ง รอยยิ้มบนใบหน้าที่เต็มเปี่ยมนั้นก็เปลี่ยนเป็นสงสัยขึ้นมาทันที จริมไม่ได้พูดอะไร แต่ว่าล้วงเอาช็อกโกแลตที่หยิบมาจากโรงแรมออกมา และส่งให้อ้อย และยังบังคับรอยยิ้มให้ออกมาจากใบหน้าของเขาด้วย เขาไม่ค่อยได้สร้างความสัมพันธ์กับเด็กๆ ก็เลยออกมาป็นแบบนี้ อ้อยมองหน้าตุนท์ครั้งหนึ่ง หลังจากได้รับการเห็นด้วย จึงรับช็อกโกแลตมาจากมือของจริม บรรจุภัณฑ์ที่ไม่คุ้ยเคย เอาเข้าปากไปคำใหญ่ “อร่อยไหม?” “อร่อย!” สายตาติ๊งต๊องของเด็กตัวน้อย และอ้าปากหัวเราะแหะแหะออกมา ช็อกโกแลตที่ปะปนรวมกับน้ำลายไหลลงมาตามมุมปาก และหยดลงบนพื้นบ้านทำให้สกปรกเลอะเทอะเต็มไปหมด ช็อกโกแลตก็ยังทำประโยชน์ได้บ้าง การแสดงออกของอ้อยไม่เขอะเขินเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว ออดอ้อนและดึงตุนท์ให้เข้าไปดูของเล่นใหม่ในห้องเธอ “อ้อย รอก่อนนะ พี่ชายคนนี้อยากถามคำถามหนูสักสองสามข้อ และหนูจะต้องตอบความจริง ดีไหม?” ตุนท์มองออกไปยังนอกห้องด้วยอาการไม่เป็นสุข เมื่อเทียบกับสองคนนั้นที่อยู่นอกห้อง จริมพูดดีกว่าเยอะ “ได้ อ้อยเป็นเด็กดี จะไม่พูดโกหก” เด็กน้อยหันมามองจริม ในแววตาเผยให้เห็นการรอคอยเล็กน้อย อ้อยที่อายุยังน้อย คิดว่าคำถามนี้เป็นเกมเกมหนึ่ง จริมนั่งยองๆ ลงไป พยายามทำให้ตัวเองแสดงออกมาอย่างสุภาพอ่อนโยนและน่าใกล้ชิดมากที่สุด “น้องอ้อย พี่ขอถามหนูหน่อย เช้ามืดของวันนี้ หนูทำอะไรบ้าง?” “หนูรอปู่กลับมาตรงปากซอย” อ้อยมองหน้าตุนท์ ด้วยใบหน้าที่ใสซื่อไร้เดียงสา “พอถึงเวลาแล้วปู่ก็ยังไม่กลับมา หนูก็คิดว่าปู่คงอยากเล่มเกมกับหนู หนูก็เลยไปซ่อนตัว” “หลังจากนั้นล่ะ? “หลังจากนั้นหนูก็รอให้ปู่มาหาหนูตลอดเลยยังไงล่ะ” “หนูบอกพี่ชายได้ไหม ว่าพี่สาวที่อยู่ในซอยนั้นเกิดอะไรขึ้น?” “พี่สาว?” อ้อยอึ้งไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ และพูดออกมาเสียงดังว่า “พี่สาวก็อยู่เล่นเกมกับหนูยังไงล่ะ หลังจากที่ออกมาจากซอยแล้ว เธอยังตามหลังหนูกับปู่มาด้วยตลอดเลย” ยิ่งเป็นเด็กน้อยก็ยิ่งใสซื่อไร้เดียงซา จริมก็ยิ่งรู้สึกขนหัวลุก ถึงแม้ว่าอ้อยจะมีสติปัญญาที่บกพร่อง แต่สายตาของเธอนั้นไม่ได้มีปัญหา เด็กน้อยก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปั้นเรื่องโกหกแบบนี้ขึ้นมา แต่ว่าในขณะนั้นชยานีได้ตายไปแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง เป็นไปได้หรือไม่ว่าบริเวณในที่เกิดเหตุคดีฆาตกรรมยังมีคนอื่นๆ ผ่านไปอีก? จริมครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็ถามตุนท์ว่าเจอผู้หญิงที่อ้อยพูดมาหรือไม่ ตุนท์ฟังจบก็รีบพยักหน้าทันที ยืนยันหนักแน่นครั้งแล้วครั้งเล่าว่าตัวเองไม่เคยเห็นเด็ดขาด หลังจากพูดจบก็ยังบอกอีกว่าหมอผีในหมูบ้านเคยพูดกับเขาว่า บนโลกใบนี้มีเพียงเด็กที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาเท่านั้นถึงจะสามารถเห็นวิญญาณของคนตายได้ พี่สาวที่อ้อยพูดออกมา ก็คือชยานีที่ตายไปแล้ว “น่าสนใจ” จริมถามอ้อยอีกสองสามคำถาม หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าไม่มีอะไรตกหล่น จึงลุกขึ้นมาแล้วเตรียมตัวกำลังจะจากไป อ้อยที่อยู่ตรงหน้าเห็นดังนั้นก็รบเร้าให้ตุนท์เข้าไปดูของเล่นใหม่ของเธอ ชายชราที่กำลังกลุ้มใจไม่มีวิธีแก้ปัญหาแล้ว ทำได้แค่เดินตามอ้อยเข้าไปในห้อง ด้านนอกของห้อง ชนัตและจารุณีได้ยินบทสนนาทั้งหมด ทั้งสองคนยืนอยู่ตรงข้ามกัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย ที่อ้อยพูดมาทั้งหมด เหมือนกับคำให้การของตุนท์ที่ให้ไว้ในก่อนหน้านี้ ถ้าอยากให้เด็กที่บกพร่องทางสติปัญญาคนหนึ่งช่วยตัวเองสร้างหลักฐานเท็จขึ้นมา ก็คงเป็นเรื่องที่ยากเกินไป จารุณีก็เริ่มเชื่อว่าตุนท์ไม่ได้พูดโกหกอย่างแน่นอน “เบาะแสขาดไปอีกแล้ว” “ใช่แล้ว หัวหน้า” ชนัตชำเลืองมองเงาคนที่อยู่ภายในห้อง กดเสียงต่ำพูดอย่างไม่รู้ตัว “ถ้าเทียบกับตุนท์ เจ้าหมอนั่นน่าสงสัยยิ่งกว่า เขาจะต้องมีบางอย่างปิดบังอยู่แน่นอน” “นายหมายถึงจริมหรอ?” “ใช่” จารุณีก็ชำเลืองไปมองสถานการณ์ที่อยู่ในห้องเหมือนกัน ท่าทางดูเหมือนกำลังครุ่นคิด หลังจากนั้นก็ล้วงกระเป๋าตังค์ออกมาและหยิบเงินห้าร้อยหยวนออกมา จากนั้นก็ยัดเข้าไปในรองเท้าที่วางอยู่หน้าประตู “ได้ส่งคนไปตรวจสอบภูมิหลังของเขาแล้ว แต่ว่าทางคุณลุงดนวัตยังคงไม่ยอมเปิดเผยออกมาสักตัวอักษร” “ช่วงนี้คุณลุงดนวัตดูแปลกๆ ไปหน่อยนะ เขากับจริม เหมือนรู้จักกันมานานแล้ว” ชนัตหยิบบุหรี่มวนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ กัดเอาไว้ในปาก “ได้ยินมาว่า ทางเลศยาได้เบาะแสใหม่แล้วหรอ?” “ใช่ รอผลวินิจฉัยของรอยเท้าออกมาพรุ่งนี้ ในสถานการณ์แบบนี้คดีของพวกเราก็จะมีความคืบหน้ามากขึ้น” จารุณีครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก็กลืนคำว่า “หวังว่า” สองตัวอักษรนี้ที่กำลังจะพูดออกมากลับเข้าไป ทั้งสองคนก้มหน้าไม่พูดไม่จา รอจริมออกมาจากห้อง เวลาผ่านไปนาน จริมก็ยังไม่ออกมาจากในห้องสักที “จริม เสร็จหรือยัง?” ชนัตเรียกออกไปอย่างอดไม่ได้ แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับ ไม่เพียงแค่จริม แม้แต่ตุนท์ก็ไม่ตอบกลับมาเหมือนกัน ภายในห้องที่อยู่ด้านหลังนั้นมีแต่ความเงียบสงบ ชนัตรู้สึกถึงความผิดปกติ จึงรีบดับบุหรี่แล้วพุ่งเข้าไปในห้องทันที ตรงส่วนท้ายของห้อง ตุนท์กอดอ้อยที่ยังเด็กอยู่เอาไว้ขดตัวอยู่ตรงมุมห้อง สีหน้าซีดเผือด ส่วนจริมก็ยืนหันหลังให้ประตูไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย จารุณีที่อยู่ข้างหลังก็รีบเดินเข้าไป ไม่พอใจมากกับการกระทำที่ไม่ตอบสนองของจริม “เจ้าหมอนี่ ได้ยินคนอื่นเรียกชื่อนายไม่รู้จักตอบกลับมาหรอ? ไม่ว่านายกับท่านลุงดนวัตจะเกี่ยวข้องอะไรกัน วันนี้ฉัน...” พูดยังไม่ทันจะจบ จารุณีก็ยืนนิ่งตามจริมไปด้วย ภายใต้แสงไฟสีเหลืองสลัวๆ ของในมือของจริมจับเอาไว้แน่นนั้น ก็คือตุ๊กตาไม้รูปคน
已经是最新一章了
加载中