ตอนที่ 101 พุ่งขึ้นสูง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 101 พุ่งขึ้นสูง
ตอนที่ 101 พุ่งขึ้นสูง เอาล่ะ ที่เมืองดรัลนอกจากนภนต์แล้วเธอไม่มีใครให้เชื่อใจและพึ่งพาได้อีก งั้นก็ไปหาเขาที่นั่นแล้วกัน “ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันไป แม่ฉันหลับแล้วรึยังคะ?”  “หลับแล้ว แม่กับพ่อนอนเร็วมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว” นี่เป็นนิสัยของคนแก่ นอนเร็วตื่นเช้า ไปเถอะ เธอไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว ถ้ามีแค่เธอคนเดียว ก็ไม่มีอะไรหรอก แต่เธอยังมีลูก ๆ เธอต้องระมัดระวัง เพราะตอนนี้คือช่วงเวลาที่สำคัญอย่างยิ่ง สำหรับปุริม เธอคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าเขาจะทำอะไรต่อไป  “หม่ามี๊ พวกเรากำลังจะไปบ้านพ่อบุญธรรมใช่ไหมคะ?” อ้อยดึงชายเสื้อของเธอพลางถามอย่างจริงจัง “จ้ะ”  “พ่อบุญธรรมดีกว่าพ่ออีก ต่อไปหม่ามี๊ไม่ต้องสนใจพ่อแล้วนะ”  เธอจะทำแบบนั้นได้หรือ? ขอเพียงแค่สัญญาสองแผ่นนั้นยังอยู่ในมือปุริม เธอก็ไม่มีสิทธิจะพูดอะไรได้แล้ว                         นั่นเป็นจุดอ่อนของเธอ แต่เธอ กลับปกปิดมันไว้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว              ไม่นานรถก็มาถึงวิลล่าของบ้านศาสตร์พงษ์ เธอจ่ายเงินเสร็จเพิ่งเปิดประตูรถก็เห็นนภนต์รออยู่ที่นั่นอยู่ก่อนแล้ว                      เธอตัดสินใจมาหลบที่ลานบ้านแห่งนี้ อย่างน้อยก็จะได้อยู่อย่างเงียบ ๆ สงบ ๆ สักสองสามวัน ไม่มีปุริมมารังควานใจ และก็ไม่มีจำรูญมารบกวน มีเพียงผลดา...                       ทันใดนั้นเธอก็คิดขึ้นได้ว่าเมื่อคืนตอนที่เธอมาเธอเจอผลดา ใจพลันบีบรัดแน่น       มือใหญ่ยื่นมาหาเธอ “เพ็ญนีติ์ เข้ามากับผมเถอะ ตอนนี้ผลดาไม่อยู่”       ไม่อยู่อีกแล้ว แต่กลับทำให้ใจของเธอเบิกบาน ทันใดนั้นเธอก็ผ่อนคลายไปทั้งร่าง “คุณทำให้เธอต้องออกไปใช่ไหมคะ?”                 “ที่เมือง X มีการคุยธุรกิจสำคัญ ครั้งนี้ผมให้โอกาสเธอให้เธอไปกับลูกค้าเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ พอเธอได้ยินว่างานนี้มีมูลค่ามหาศาล ก็ไปทันที” เป็นอย่างนี้นี่เอง เป็นเขาที่หาเรื่องส่งผลดาไป “นภนต์ ขอบคุณนะคะ”       “ไปกันเถอะ เข้าไปแล้วค่อยคุยกัน” เป็นอีกหนึ่งคืน ที่เธอเข้าไปพักในบ้านศาสตร์พงษ์ ภายในห้องโถงเงียบสงบ เธอกำชับอ้อยกับส้มไม่ให้เสียงดังจนปลุกผู้ใหญ่ในบ้าน ก่อนจะเข้าไปในห้อง สิ่งแรกที่เธอทำก็คือการปิดมือถือ ตอนนี้เธอไม่อยากคุยกับใคร โดยเฉพาะปุริม เธออยากอยู่เงียบ ๆ เงียบ ๆ จริง ๆ     เช้าตรู่ เด็ก ๆ ตื่นเช้ากว่าเธอ เนื่องจากเปลี่ยนที่ ถึงเมื่อคืนเธอจะนอนหลับ แต่เธอก็ยังรู้สึกไม่คุ้นที่และหลับไม่สนิทอยู่ดี     “หม่ามี๊ พวกเราไปเล่นที่สนามหญ้าได้ไหมคะ?”  “ไปเถอะ” ขอแค่ผลดาไม่อยู่ ก็ไม่มีเรื่องอะไร เมื่อตอนที่ปัทมาเจออ้อยกับส้มก็เอ็นดูพวกเด็ก ๆ เธอเองก็รักเด็กน้อยสองคนนี้มากเหมือนกัน                       “งั้นพวกเราไปเล่นชิงช้านะคะ หม่ามี๊ ไปด้วยกันไหมคะ?”                          เธอส่ายหน้า รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย จึงไม่อยากจะไปไหนทั้งนั้น อยากเก็บตัวอยู่ในห้องเงียบ ๆ คนเดียว “หม่ามี๊ หม่ามี๊อ่านหนังสือพิมพ์รึยังคะ?” เธอหัวเราะ “ทำไมถามแม่อย่างนั้นล่ะจ๊ะ?” ก่อนหน้านี้เธอก็ไม่เคยอ่านหนังสือพิมพ์ จึงคิดไม่ออกว่าทำไมอ้อยถึงถามขึ้นมาอย่างนี้       “พ่อบุญธรรมบอกว่าถ้าหม่ามี๊อยากรู้เรื่องพวกนี้ ก็ให้อ่านหนังสือพิมพ์วันนี้ พ่อบุญธรรมสั่งคนรับใช้ให้วางไว้บนโต๊ะชาในห้องรับแขกแล้ว”              ที่แท้ ก็เป็นเพราะนภนต์นี่เอง เธอยิ้ม “ไม่อ่านหรอกจ้ะ ลูกไปบอกคนรับใช้ให้เก็บไปเถอะ” อ่านแล้ว ก็มีแต่จะทำให้ใจว้าวุ่น ถ้าอย่างนั้นไม่สู้ไม่อ่านดีกว่า ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับปุริมเธอไม่คิดอยากจะดูทั้งนั้น เขาไม่ใช่อยากจะบอกเธอหรอกหรือ? งั้นก็ดี เธอจะรอ ตอนนี้ เธอไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เธอไม่เชื่อว่าหลังจากที่เธอเห็นทฤนห์ต่อหน้าต่อตาเขาจะยังกล้าให้เธอกลับไปอยู่ข้างกายเขาอีก    “ก็ได้ค่ะ งั้นพวกเราไปกันเถอะ” อ้อยกับส้มออกไป ทิ้งความสงบไว้ให้เธอ เธอไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น ยังคงเอาแต่นั่งอยู่บนเตียง เปิดโทรทัศน์ ในขณะเดียวกันก็หลีกเลี่ยงช่องที่เกี่ยวกับเมือง เธอเปิดช่องละคร แบบนี้อาจจะข้ามหรืออาจจะมีข่าวคราวของปุริมก็ได้ ภาพบนหน้าจอกำลังเต้นไปมา แต่เธอกลับไม่ได้ดูเลยสักนิด แสงสีเหล่านั้นก็เหมือนกับภาพภาพหนึ่ง แต่ใจของเธอกลับไม่สามารถดื่มด่ำไปกับมันได้  อ้อยกับส้มไม่มารบกวนเธอ แน่นอนว่าต้องเป็นเพราะคำกำชับของนภนต์  “ก๊อก ๆ” มีคนเคาะประตู หัวใจเต้นแรงขึ้นมาทันที “เข้ามาได้ค่ะ”  ประตูเปิดออก นำพาอากาศสดชื่นสายหนึ่งเข้ามาทำให้ใจของเธอกลับสู่ความสงบ “แม่คะ นั่งก่อนค่ะ”              “เพ็ญนีติ์ ลูกมีเรื่องอะไรในใจใช่ไหม?” ปัทมายิ้มอ่อนโยนพลางเดินเข้ามานั่งบนขอบเตียงข้างเธอ “ไม่มีอะไรค่ะ”    “ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว เรื่องของหนุ่มสาวอย่างพวกลูกคนแก่ ๆ อย่างพวกแม่ไม่เข้าใจหรอก เพ็ญนีติ์ ตอนเที่ยงแม่ต้มโจ๊กเป็ดไว้ ลูกได้กลิ่นหอมไหม?” เพ็ญนีติ์สูดจมูก “อืม ที่ตัวแม่มีกลิ่นอยู่นะ ไม่น่าล่ะที่ตอนแม่เข้ามาในห้องก็มีกลิ่นหอมลอยมา ที่แท้ก็เป็นกลิ่นโจ๊กเป็ดนี่เอง โจ๊กที่แม่ทำต้องอร่อยแน่เลย”  ปัทมาจิ้มจมูกของเพ็ญนีติ์ “ปากหวานนะเรา น้าน้ำบอกว่าลูกกับพวกเด็ก ๆ ชอบกินโจ๊กเป็ด ตอนที่เด็ก ๆ อยู่ในวัยกำลังโต ลูกแทบจะไม่ได้อยู่ที่บ้านศาสตร์พงษ์เลย นภนต์บอกให้แม่ดูแลลูกให้ดี เขาบอกว่าเมื่อก่อนลูกกับอ้อยและส้มต้องเจอความเจ็บปวดมามาก เพ็ญนีติ์ หลายปีนี้แม่เย็นชากับลูกใช่ไหม?”               “จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไงคะ เป็นเพราะหนูไม่อยากมาอยู่ที่นี่เองแค่นั้นเอง แม่คะ ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ ตอนนี้หนูก็ยังเป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง แม่คะ แม่จะเป็นแม่ของหนูไปตลอดชีวิต” ตอนนี้ปัทมาดีกว่าเมื่อก่อนมากจริง ๆ อย่างน้อยก็ไม่มาหาเธอเพราะต้องการเงิน และไม่โกหกเธอเพื่อเงินอีกเช่นกัน จริง ๆ แล้ว สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความดีความชอบของนภนต์ ถ้าไม่เป็นเพราะนภนต์บริหารบริษัทบีไอเอได้ดีแบบทุกวันนี้ จนทำให้ปัทมาและชนรพไม่ต้องกังวลทั้งเรื่องปากท้องทั้งเรื่องค่าใช้จ่าย พูดตามจริงแล้ว เธอจะสามารถอยู่อย่างสงบสุขอย่างตอนนี้ได้ยังไง                 “เพ็ญนีติ์พูดแบบนี้แม่ก็วางใจแล้ว ปีแรก ๆ แม่ทำให้ลูกได้รับความไม่เป็นธรรมจริง ๆ”   ทุกอย่างผ่านไปแล้ว เธอไม่ชินกับปัทมาที่เป็นแบบในตอนนี้เลยจริง ๆ “แม่คะ อย่าพูดถึงเรื่องพวกนั้นอีกเลย หนูไม่ได้ไม่ได้รับความเป็นธรรมอะไร” คนเราต้องรู้จักสำนึกบุญคุณ ถ้าไม่ได้ปัทมาเก็บเธอมาเลี้ยง เธอคงไม่มีวันนี้         “แม่ดูแล้วว่าเด็กนภนต์คนนั้นชอบลูกจริง ๆ เฮ้อ ไม่รู้ว่าลูกกับเขามีบุพเพอะไรกัน เพ็ญนีติ์ ไม่ใช่แม่ปากมาก แต่นภนต์ไม่รังเกียจที่ลูกมีลูกกับคนอื่นก็นับว่าเขาใจกว้างมากจริง ๆ ผู้ชายอย่างนี้จะหาจากที่ไหนได้อีก ลูกฟังคำแม่นะ รีบเลิกกับปุริมนั่นซะเถอะ”  เพ็ญนีต์กัดริมฝีปาก ที่ตอนนี้เธอถูกปุริมกำจุดตายไม่ใช่เป็นเพราะตอนนั้นเธอเซ็นชื่อในสัญญาสองฉบับนั้นหรอกหรือ? ตอนนั้นที่เซ็นลงไปก็ไม่ใช่เพื่อบ้านศาสตร์พงษ์หรอกหรือ? ตอนนี้ ปัทมากลับมาบอกให้เธอเลิกกับปุริมด้วยความหวังดี สุดท้ายนี่เป็นสิ่งเธอตัดสินใจหรือ?   ตอนนี้ที่เธออยู่ที่บ้านศาสตร์พงษ์ จริง ๆ แล้วก็เพื่อให้ทฤนห์มีความสุข ไม่อย่างนั้น เธอคงไม่จากปุริมได้อย่างง่ายดายขนาดนั้น “เพ็ญนีติ์ ทำไมไม่พูดอะไรเลยล่ะ? แม่พูดอะไรผิดไปรึเปล่า?” ปัทมามองเธออย่างกังวลใจ “ดูลูกสิ สีหน้าไม่ดีเลยสักนิด ยังจะบอกว่าไม่มีเรื่องในใจอีก เมื่อคืนลูกไม่ได้นอนใช่ไหม?” “แม่คะ เรื่องของหนูกับปุริมหนูจะจัดการเอง เรื่องนี้ไม่ธรรมดา เพราะงั้น หนูก็ได้แต่ปล่อยให้มันเป็นไปอย่างที่ควรเป็น” เธอปิดมือถือไม่รับสายของปุริม ที่เธอทำได้ก็มีแต่เรื่องพวกนี้ เพราะไม่เปลี่ยนแปลงยิ่งควรเปลี่ยนแปลง   “เรื่องอะไรไม่ธรรมดา? เขาลงข่าวแล้ว เขาบอกว่าลูกเป็นภรรยาของเขา เป็นมาโดยตลอด ยังบอกว่าภรรยาของน้องชายเขาคนนั้นเป็นแค่ตัวแทนของลูกเท่านั้น คนที่เขาชอบจริง ๆ ก็คือลูกไม่ใช่แม่คนนั้น...ชื่อว่าอะไรนะ? ไอ้หยา เหมือนจะชื่อเพ็ญอะไรสักอย่างเหมือนกัน ลูกดูสิ สมองแก่ ๆ ของแม่จำอะไรได้ไม่หมดแล้ว” “แม่คะ เขาพูดแบบนั้นจริง ๆ หรือคะ?” เธอจับมือปัทมา ปุริมรู้แก่ใจว่านี่เป็นการพูดกลับดำเป็นขาว กลับขาวเป็นดำ เป็นการปั้นน้ำเป็นตัว ตรงกันข้าม เขาควรจะเปลี่ยนชื่อเธอกับเพ็ญภัทร์เสีย นั่นถึงจะเป็นการพูดความจริง  “ใช่จ้ะ หนังสือพิมพ์อยู่ในห้องของแม่เอง ตอนเช้าก่อนนภนต์จะออกไปบอกว่าลูกจะอ่านมัน แต่ส้มกับอ้อยบอกว่าลูกสั่งให้คนรับใช้เก็บไป บอกว่าลูกไม่อยากอ่าน เพ็ญนีติ์ แม่ได้อ่านผ่าน ๆ แล้วก็รู้สึกตกใจ แม่ไม่รู้มาก่อนว่าอ้อยกับส้มเป็นลูกของปุริม และก็ไม่รู้ว่าลูกเป็นภรรยาของปุริม ลูกบอกแม่ นี่เป็นเรื่องจริงเรื่องลวงกันแน่?” ปัทมาตื่นเต้น แน่นอนว่า เธอหวังที่จะได้แต่งกับนภนต์มากกว่า ถ้าเป็นแบบนี้ ฐานะของเธอในบ้านศาสตร์พงษ์ก็จะมั่นคง สำหรับผลดา ที่เป็นเพียงแค่ลูกสาวนอกสกุล สุดท้ายแล้ว ชนรพก็ย่อมใส่ใจลูกชายแท้ ๆ ของตัวเองมากกว่า นภนต์ชอบอะไรเขาก็ย่อมชอบอย่างนั้น มีลูกชายที่เก่งขนาดนี้ถือเป็นโชคของเขา     ก่อนหน้านี้ เธอไม่คิดอยากดูข่าวเช้านี้เลย แต่ตอนนี้ เพราะคำพูดของปัทมากระตุ้นให้เธออยากอ่าน “แม่คะ พาหนูไปที่ห้องแม่ หนูอยากอ่านหนังสือพิมพ์ค่ะ” ปุริม เขาเลวที่สุดเลย เพื่อเพ็ญภัทร์แล้วเขาไม่ลังเลที่จะใช้เธอเป็นหมาก    ไม่นานปัทมาก็พาเพ็ญนีติ์มาที่ห้องของเธอ เธอหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมา กวาดสายตาอ่านอย่างรวดเร็ว เพ็ญนีติ์โง่งมจริง ๆ ไปแล้ว ทุกอย่าง เหมือนที่ปัทมาบอก ปุริมยืนยันว่าเธอเป็นภรรยาของเขา แม้ว่าสัญญาการแต่งงานในปีนั้นของเธอกับเขาจะหลุดออกมา แต่ขณะเดียวกันในหนังสือพิมพ์ก็มีรูปถ่ายเด็ก ๆสองรูปโดยที่โมเซคไว้ ผู้ชายคนนี้แค่ทำอย่างนี้ก็ทำให้เธอไม่มีทางสู้ได้เลยแม้แต่น้อยรูปเหล่านั้นคืออ้อยและส้มสินะ โมเซคนั่นบ่งบอกว่าเขาใส่ใจอ้อยและส้มมากแค่ไหน ในใจของเธอตอนนี้ปั่นป่วนไปหมด ปุริมทำอย่างนี้กับเธอไปทำไม?     แน่ชัดว่าเธอเป็นตัวแทน วันนี้กลับเปลี่ยนเป็นเพ็ญภัทร์ที่เป็นตัวแทนของเธอ ยังบอกว่าเขาเพียงแค่หลงเพ็ญภัทร์ไปชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น     น่าขำ นอกจากน่าขำก็คือน่าขำ  เมื่ออ่านต่อ เพ็ญนีติ์ก็ต้องตกใจอีกครั้ง  ปุริมเอาสาเหตุที่เธอแยกกันอยู่กับเขาสองสามปีนี้มาโยนให้ทฤนห์ บอกว่าปีนั้นทฤนห์วางแผนจะเข้ามาวุ่นวายกับเขา เลยทำให้เพ็ญนีติ์ต้องเห็นภาพที่ไม่ควรเห็น ผลก็คือ เธอที่เพิ่งตั้งครรภ์ได้ออกจากบ้านไป เพราะความเข้าใจผิด แต่เพราะเพ็ญนีติ์กับเพ็ญภัทรกลับประเทศมาช่วงนี้ถึงได้เกิดเรื่อง ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่เธอคาดไว้ ทั้งหมดล้วนถูกเขาให้เหตุผลออกมาแบบนั้น แต่ไม่มีใครจะรู้ความจริงไปได้ดีกว่าเธออีกแล้ว            เมื่อกวาดสายตาอ่านอีกครั้ง หุ้นของบริษัททัดธนกรุ๊ปจำกัดวันนี้พุ่งขึ้นสูง         ปุริม เขาช่างเป็นคนต่ำช้าโดยกำเนิด เพื่อสิ่งที่ต้องการแล้วก็ไม่สนใจถูกผิด  เมื่อพลิกหน้าต่อไป เพ็ญนีติ์ก็เห็นจดหมายขอโทษ ไม่คิดว่าปุริมจะยอมเขียนจดหมายขอโทษจิณณะเพื่อเพ็ญภัทร์  
已经是最新一章了
加载中