ตอนที่ 14 ฉันคือยาที่ดีที่สุดของเธอ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 14 ฉันคือยาที่ดีที่สุดของเธอ
ต๭นที่ 14 ฉันคือยาที่ดีที่สุดของเธอ ในท้องฟ้าปรากฏสายฟ้าฟาดยาวราวกับมังกร เสียง“ครืน”ดังขึ้น ฝนตกหนัก สายฝนหยาดหยดลงมาอย่างมืดฟ้ามัวดินราวกับว่าท้องฟ้ากำลังจะทรุดตัว เม็ดฝนร่วงโรยประสานกันราวกับตาข่ายใหญ่ๆหนึ่งตาข่าย หลินจื๋อซีวิ่งผ่านเข้าไปยังสายฝนที่ร่วงโรยคล้ายตาข่ายนั้น วิ่งจนถึงปากทางประตูใหญ่ หลินจื๋อซีคว้าคอเสื้อของพนักงานรักษาความปลอดภัยที่เฝ้าอยู่หน้าประตูแล้วพูดขึ้นว่า: “เห็นคุณผู้หญิงออกนอกประตูไปหรือเปล่า” พนักงานรักษาความปลอดภัยที่ถูกหลินจื๋อซีทำแบบนั้นก็รู้สึกตกใจ โดยปกติแล้วประธานของพวกเขาสุขุมและใจเย็นมากมิใช่หรือ แต่ทว่าผู้ชายที่อยู่เบื้องหน้าตอนนี้ดูเกรี้ยวโกรธราวกับสิงโตตัวผู้ที่หาสิงโตตัวเมียไม่ได้ “ไม่…ไม่เห็นเลยนะครับ พวกเราก็อยู่ตรงนี้ตลอด ไม่เห็นคุณผู้หญิงเลยครับ” พนักงานรักษาความปลอดภัยตอบกลับไปอย่างตะกุกตะกัก ทั้งยังหันไปหาเพื่อนร่วมงานสองสามคนที่อยู่ด้านหลังเพื่อขอความช่วยเหลือ เหล่าชายในเครื่องแบบหลายคนต่างก้องร้องตอบในทันที: “ใช่ครับ พวกเราไม่มีใครเห็นคุณผู้หญิงเลยครับ” “หลินจื๋อซีปล่อยพนักงานรักษาความปลอดภัยคนนั้นลง สองมือเท้าสะเอวยืนครุ่นคิดอยู่สักพัก ในเมื่อไม่ได้เดินออกไปจากประตูใหญ่ น่าจะยังคงอยู่ในบริเวณสวนเป็นแน่ ฝนตกที่ตกอย่างหนักได้ชะล้างร่างกายทั้งหมดของหลินจื๋อซี เสื้อและกางเกงสแล็คเปียกราบไปกับร่างกายอันบึกบึนของเขา เส้นผมก็เปียกชุ่มไปด้วยน้ำ ดูประธานราวกับเป็นลูกหมาตกน้ำก็ไม่ปาน พนักงานรักษาความปลอดภัยรีบกางร่มสีดำกันฝนให้ในทันที หลินจื๋อซีเงยหน้าขึ้นมองไปทางทิศตะวันออกของป่าเล็กๆนั้น ราวกับว่ามีคำตอบขึ้นมาในใจเสียอย่างนั้น เธอคงไม่น่าจะไปที่ป่านั่นหรอกกระมัง ป่าผืนนั้นตัวเขาเองรู้จักมันดีที่สุด ถ้าหากว่าป๋ายปิงเวยไปที่ป่านั้นจริงก็น่าจะเข้าใจได้ว่าทำไมผ่านไปเป็นเวลานานแล้วเธอถึงยังไม่กลับบ้านเสียที ไม่มีเวลามัวจะมาคิดอะไรแล้ว หลินจื๋อซีรีบก้าวขายาวมุ่งหน้าวิ่งตรงไปยังป่านั่น เสียงตะโกนร้องเรียกของพนักงานรักษาความปลอดภัยที่อยู่เบื้องหลังเขานั้นล้วนแล้วแต่ไม่มีประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น ป๋ายปิงเวยที่อยู่ในกระท่อมไม้นั้นยังคงรอให้ฝนหยุดตก แต่ทว่าฝนนั้นยิ่งตกแรงขึ้นเรื่อยๆ นอกหน้าต่างไม้นั้นท้องฟ้าดูขมุกขมัว เสียงลมพายุดังกึกก้องราวกับเสียงจากนรกก็ไม่ปาน ทันใดนั้นก็เกิดสายฟ้าฟาดสว่างโร่แผ่ปกคลุ่มไปทั่วทั้งท้องฟ้า สายฟ้ายาวเหยียดฟาดผ่านขอบฟ้า และมาพร้อมด้วยเสียงฟ้าร้องครึมครามกับลมกระโชกแรง ใบไม้พัดปลิวอยู่นอกหน้าต่างไปทั่วทุกสารทิศ ดูท่าทางฝนนี้น่าจะไม่หยุดลงง่ายๆเสียแล้วหละ ป๋ายปิงเวยเกิดความรู้สึกเสียใจอยู่บ้างเล็กน้อย ตั้งแต่เล็กจนโตสิ่งที่เธอกลัวที่สุดก็คือเสียงฟ้าร้อง โตมาจนถึงป่านนี้ยังไม่เคยเจอฝนที่ตกหนักขนาดนี้มาก่อน และยังไม่เคยได้ยินเสียงฟ้าร้องที่ดังกึกก้องเช่นนี้ เสียงฟ้าร้องในฤดูร้อนช่างดังกึกก้องเสียงจริง ป๋ายปิงเวยรู้สึกเสียใจภายหลังเป็นอย่างมาก เธอไม่น่าจะวิ่งมาไกลจนถึงขนาดนี้ ไม่รู้ว่าคนที่บ้านตระกูลหลินจะมีใครรู้หรือไม่ว่าเธอไม่อยู่ที่นั่น เสียงฟ้าร้องยังคงดังกึกก้องอยู่นอกหน้าต่าง ป๋ายปิงเวยที่อยู่ในกระท่อมนั้นเธอทั้งกลัวและทั้งตกใจ เธอได้แต่ขดตัวในผ้าห่มผืนนั้นและอธิษฐานขอให้ใครสักคนมาพาเธอกลับบ้านไป… หลินจื๋อซีรู้สึกเสียใจอยู่บ้างหลังจากที่รีบวิ่งเข้ามาในป่าเล็ก ๆนี้ ป่าผืนนี้แท้จริงแล้วค่อนข้างใหญ่ เขาเองก็ไม่รู้ว่าป๋ายปิงเวยเจอกระท่อมไม้เล็ก ๆกลางป่าไผ่หรือไม่ เมื่อกี้นี้ตัวเองควรที่จะเรียกให้ใครบางคนเข้ามาหาเธอด้วยกันถึงจะถูก ดูท่าแล้วฝนจะยิ่งตกหนักขึ้นมาเรื่อย ๆ เสียงฟ้าร้องยิ่งนานเข้าก็ยิ่งทำให้กลัว หลินจื๋อซีไม่ควรมาคิดมากอะไรตอนนี้แล้ว หาเธอก่อนค่อยคุยก็แล้วกัน หยาดฝนที่ตกหนักชะล้างต้นไม้ทุกต้นที่อยู่ในป่า ชายในเสื้อเชิ้ตสีฟ้า สวมกางเกงสแลคสีดำคนนี้ เขายังคงวิ่งอยู่กลางป่าใหญ่ต่อไปโดยไม่คิดที่จะหยุดวิ่งตามหาเธอ ในหน้าหล่อเหลาที่ดูหยิ่งยโสนั้นบัดนี้เต็มไปด้วยความกังวลใจ หากว่าเธอไม่ได้อยู่ในกระท่อมไม้เล็ก ๆนั้นจะทำอย่างไร ถ้าหากว่าเธอหายไปจริงๆแล้วหละก็ เขาจะทำอย่างไร ถ้าหากว่าตอนที่เจอเธอแล้ว เธอเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมา เขาจะทำอย่างไร หลินจื๋อซีแต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยรู้สึกเป็นห่วงและเป็นกังวลใจกับผู้หญิงคนไหนเลย แต่ก่อนเมื่อตัวเองกลับถึงบ้านเธอก็มักจะอยู่เงียบๆ นั่งเหม่อลอยอยู่ภายในห้อง หลังจากนั้นเธอก็จะยิ้มกลับมาให้เขาอย่างอ่อนโยนแล้วพูดขึ้นว่า: “คุณชายหลิน กลับมาแล้วหรือคะ” แต่ว่าวันนี้หลังจากที่เขากลับบ้านมา เธอคนนั้นจู่ ๆก็ไม่อยู่เสียอย่างนั้น นึกถึงกลุ่มรอยเลือดบนผ้าปูเตียงเมื่อเช้า ความรู้สึกผิดของหลินจื๋อซีก็ยิ่งมากขึ้นเป็นทวีคูณ เนื่องจากวิ่งเร็วเกินไปจนไม่ระวังทำให้เขาสะดุดล้มลงกับพื้น หลินจื๋อซีรีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาอย่างหงุดหงิด พลันตาก็หันไปเห็นเห็ดที่กระจัดกระจายร่วงหล่นอยู่ตามพื้น นี่จะใช่เห็ดที่เธอเดินเหยียบไปรึเปล่านะ นึกว่าป๋ายปิงเวยเธอน่าจะผู้ในป่าผืนนี้จริง ๆ ในใจก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาไม่น้อย เขาเร่งความเร็วฝีเท้าอย่างต่อเนื่องแล้วมุ่งหน้าวิ่งตรงไปยังกระท่อมไม้นั่น… ป๋ายปิงเวยรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนอยู่ตลอดเวลา หวังเพียงขอแค่ให้เวลาที่มีเสียงฟ้าร้องนี้ผ่านพ้นไปโดยเร็ว จู่ ๆก็รู้สึกว่าเหมือนมีใครบางคนเคาะประตูกระท่อมไม้ ในใจนั้นยิ่งรู้สึกยิ่งกลัวเพิ่มขึ้นมา ตนเองใส่เพียงเสื้อสายเดี่ยวและห่อตัวเองไว้ด้วยผ้าห่มเท่านั้น ถ้าหากว่ามีใครคนอื่นเขามาแล้วเธอจะทำอย่างไร เธอคงไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากหลบตัวอยู่ที่มุมข้างเตียงอย่างหงุดหงิดอารมณ์ ปัง! … ประตูไม้ถูกกระแทกให้เปิดออก ชายร่างสูงโปร่งดูสง่างามปรากฏตัวอยู่ภายในห้อง เปียกโชกไปทั้งตัว น้ำฝนยังคงไหลผ่านปลายผมของเขา “คุณชายหลิน คุณมาได้ยังไงกัน” ป๋ายปิงเวยร้องเรียกดีใจอย่างคาดไม่ถึง เธอที่ดูวิตกกังวลเมื่อเห็นหลินจื๋อซีแล้วก็ดีใจ ดูเหมือนจะลืมไปว่าสภาพอากาศด้านนอกยังคงมีลมกระโชกแรงและมีสายฟ้าผ่าอยู่ หลินจื๋อซีปิดประตูไม้ลงอย่างแน่นหนา เขาเปิดลิ้นชักออกแล้วดึงผ้าเช็ดตัวสีขาวที่อยู่ในนั้นออกมาเพื่อเช็ดผมที่เปียกโชกด้วยความระมัดระวัง แล้วเช็ดน้ำบนใบหน้าของเขา เขานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่บริเวณด้านหน้าของโต๊ะ “เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”น้ำเสียงแฝงไปด้วยความโกรธเคือง ดูหลินจื๋อซีที่เนื้อตัวเปียกปอนนี้ ทั้งบนเสื้อเชิ้ตของเขายังมีรอยคราบดินโคลนอีก ป๋ายปิงเวยอดไม่ได้ที่จะแสดงน้ำเสียงประหลาดใจออกมา: “คุณล้มหรอ” ฟังประโยคนี้แล้วความโกรธของหลินจื๋อซีก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น “ตอบคำถามของฉันมา เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ป๋ายปิงเวยรู้สึกได้ถึงความโกรธที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็นของหลินจื๋อซี กระต่ายตัวน้อยก็พูดกลับไปอย่างน่าเอ็นดูว่า: “เช้านี้ลุกขึ้นมาแล้วรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัวไปทั้งตัว ก็เลยคิดว่าอยากไปออกไปเดินเล่นเสียหน่อย แล้วก็ไม่ระวังจนเดินมาถึงที่นี่ หลังจากนั้นฝนก็ดันตกลงมาอีก ยังดีที่เจอเข้ากับกระท่อมไม้นี่” พอได้ยินว่าร่างกายของป๋ายปิงเวยไม่ค่อยสบายดีนั้น หลินจื๋อซีที่ดูจะไม่ฟังเหตุผลก็พูดไม่ออกขึ้นมาทันที ทันใดนั้นเสียงฟ้าร้องก็ดังสนั่นขึ้นราวกับเกิดระเบิด เกิดเป็นแสงสีขาวแพร่กระจายปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า เสียงฟ้าร้องดังอื้ออึงไปทั่ว ป๋ายปิงเวยที่ดูหวาดกลัวนั้นกรีดร้องขึ้นมาแล้วกระโจนเข้าไปในอ้อมกอดของหลินจื๋อซี “เธอกลัวเสียงฟ้าร้องมากใช่ไหม” หลินจื๋อซีลูบหลังของป๋ายปิงเวยไปพลาง ปลอบประโลมเธอไปพลาง: “ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกลัว” น้ำเสียงของหลินจื๋อซีนั้นช่างอบอุ่นชวนให้หลงใหลจนกระทั่งป๋ายปิงเวยรู้สึกตัวว่ามันเริ่มผิดปกติ เธอก็รีบผลักหลินจื๋อซีออก “คุณชายหลิน ขอโทษทีค่ะ” หลินจื๋อซีพึ่งสังเกตเห็นว่าป๋ายปิงเวยเธอสวมเพียงแค่เสื้อสายเดี่ยวลายดอกไม้เท่านั้น ใบหน้าเล็ก ๆที่ตกกระทบกับแสงไฟในกระท่อมนั้นช่างน่าหลงไหลมาก หลินจื๋อซีเริ่มปลดกระดุมเสื้อของเขาออกทีละเม็ด เขาถอดเสื้อเชิ้ตที่เปียกโชกออก เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่ดูแข็งแกร่ง และถอดกางเกงของเขาออก สวมเพียงแค่กางเกงชั้นในตัวน้อยเท่านั้น ต้นขาเรียวยาวคู่นั้นมีขนอ่อนอยู่บ้างประปราย ชายหนุ่มรูปหล่อที่ปลดเปลื้องผ้าได้อยู่ตรงหน้าตนเอง เห็นแล้วทำให้ป๋ายปิงเวยก็หน้าแดงและใจเต้นตูมตามขึ้นมา “คุณ…คุณจะทำอะไร” ป๋ายปิงเวยดึงผ้าห่มขึ้นมาแนบตัว หลินจื๋อซีหลี่ตามองเธอ “ก็ถอดเสื้อผ้าที่เปียกออกไง” เขาดึงผ้าห่มของป๋ายปิงเวยออก แล้วหลินจื๋อซีก็แทรกตัวเองเข้าไป เพราะว่าเตียงเล็กเกินไปป๋ายปิงเวยจึงทำได้เพียงต้องอยู่ในอ้อมกอดของหลินจื๋อซี เธอสูดลมหายใจเข้าออกอย่างระมัดระวัง เห็นป๋ายปิงเวยมีท่าทีที่ดูเป็นปกติแล้ว หลินจื๋อซีก็รู้สึกวางใจในที่สุด แต่ทว่าเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอย่างไรดี เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแม้เพียงสักนิดเขาเองก็ยังจำไม่ได้ หลินจื๋อซีรู้สึกได้ถึงแรงกระสับกระส่ายของหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา: “ฉันอบอุ่นร่างกายอยู่” ได้ยินเสียงที่ทั้งไพเราะและอ่อนโยนของหลินจื๋อซี ป๋ายปิงเวยจากที่รู้สึกเคร่งเครียดก็กลับกลายเป็นรู้สึกผ่อนคลายไปในทันที ฟังเสียงสูดลมหายใจและเสียงหัวใจเต้นของหลินจื๋อซีจนรู้สึกง่วงงุนแล้วเผลอหลับไป หลินจื๋อซีรู้ว่าหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาได้หลับไปแล้ว เขามองฝนที่ยังตกอยู่นอกหน้าต่าง กอดหญิงสาวบนเตียงเล็ก ๆในกระท่อมไม้เล็ก ๆนั้น หลินจื๋อซีรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก แต่กลับรู้สึกว่าหญิงสาวในอ้อมกอดยิ่งนานเข้าตัวของเธอก็ยิ่งร้อนขึ้น ร้อนจนทำให้ทั้งตัวของเขาร้อนไปด้วย เขาพยายามเขย่าตัวป๋ายปิงเวย แต่ทว่ากลับไม่มีการตอบสนองใด ๆจากเธอแม้แต่นิดเดียว “เฮ้ เธอตื่นสิ” ก็ยังคงไม่มีการตอบสนองใด ๆ แย่หละ เธอเป็นไข้แล้วแน่ ๆ หลินจื๋อซีดึงลิ้นชักใต้โต๊ะให้เปิดออก หยิบกล่องยาและน้ำแร่ออกมาหนึ่งขวด ยังดีที่เมื่อก่อนตอนที่ตัวเองอาศัยอยู่ที่นี่ได้เก็บของไว้บ้าง เขาไม่แน่ใจว่าป๋ายปิงเวยนั้นไม่รู้ว่าเธอหมดสติ หรือเธอหลับไป จนไม่สามารถป้อนยาเข้าไปในปากของเธอได้ ดังนั้นหลินจื๋อซีจึงดื่มน้ำเข้าไปในปากคำใหญ่พร้อมทั้งอมยาไว้ในปากแล้วจึงเปิดปากเล็กอันเรียวบางของป๋ายปิงเวยเพื่อที่จะป้อนยาให้เธอได้กิน หลังจากกินยาเข้าไปแล้ว อุณหภูมิร่างกายของป๋ายปิงเวยก็ยังคงร้อนจนน่าตกใจ หลินจื๋อซีได้แต่ดึงผ้าห่มมาห่อตัวเธอไว้ แล้วโอบกอดคนที่อยู่ในอ้อมแขนให้แน่นมากยิ่งขึ้น หวังว่าจะใช้อุณหภูมิในร่างกายของตัวเองเพื่อให้กำจัดความหนาวเย็นให้แก่ป๋ายปิงเวย ฝนยังคงตกอยู่นอกหน้าต่างอย่างไม่หยุดยั้ง แล้วทั้งสองก็ผล็อยหลับไป……. 
已经是最新一章了
加载中