ตอนที่ 82 พลังรักของแม่
1/
ตอนที่ 82 พลังรักของแม่
Choose เลือกสักทีนายจะรักใคร
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 82 พลังรักของแม่
ตอนที่ 82 พลังรักของแม่ จรีภรณ์โกรธมาก เธอไม่เชื่อว่านวิยาจะทำกับลูกของเธอแบบนี้ ตอนที่เธอกำลังคิดจะเข้าไปตบตีกับนวิยา จิรภาสก็พูดแทรกขึ้นมาก่อนว่า “แม่ สรุปแล้วแม่เอาลูกของเธอไปไว้ไหน แม่ก็บอกเธอไปเถอะ ทำไมแม่ต้องคอยจับผิดกลั่นแกล้งเธอตลอด ตอนนี้เธอย่ำแย่เพราะพวกเราพอแล้วนะครับแม่ ” จิรภาสมองแม่ของเขาด้วยความจริงใจ เขาไม่ได้หวังที่จะมามีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับจรีภรณ์เพราะเรื่องนี้ อีกอย่างเขาก็รู้สึกเป็นห่วงตะวัน กับการที่ได้อยู่กับเจ้าตัวเล็กในช่วงเวลานี้ เขาก็พบว่าเขารู้สึกถูกคอกับตะวัน ในบางครั้งก็รู้สึกสนิทสนมกันอย่างมากจนรู้สึกประหลาดใจ เขาคิดว่านี่จะต้องเป็นความรู้สึกรักและผูกพันแน่ๆ “นี่แกบ้าไปแล้วหรอ” นวิยาได้ยินสิ่งที่จิรภาสพูด เธอพูดออกมาด้วยความโมโห ลูกชายของเธอไม่เคยเชื่ออะไรเธอเลย พูดเข้าข้างแต่ผู้หญิงเลวทรามพรรค์นั้น มัวแต่ไปช่วยเหลือคนอื่น เธอรู้สึกโกรธจรีภรณ์มาก จึงทำให้คำพูดที่เธอพูดออกมานั้นค่อนข้างแรงและกระแทกแดกดันเป็นอย่างมาก “ลูกชายที่ต่ำช้าแบบนั้นหายไปก็ดีละ โตขึ้นมาก็จะมาสร้างแต่ความเดือดร้อนกับคนอื่น คนอะไรถึงสอนลูกตัวเองให้กลายมาเป็นแบบนี้ เด็กมารหัวขนที่ไม่มีใครต้องการที่เธอไปมีอะไรกับคนอื่น เธอยังกล้าพามาออกมาทุกวัน เธอไม่อายบ้างหรอ ” “แม่” จิรภาสตะโกนออกมาด้วยความโมโห “คุณพูดอะไรออกมา นางแม่มดใจชั่วใจทรามกำลังแช่งลูกชายของฉันอยู่ คุณไม่กลัวตกนรกหมกไหม้บ้างหรือไง ” จรีภรณ์พูดออกมาด้วยความโกรธพร้อมกับก้าวเข้าไปใกล้ๆจับเสื้อผ้าของนวิยา นวิยาเองก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเหมือนกับว่ารอให้จรีภรณ์ทำแบบนี้ เห็นจรีภรณ์เดินเข้ามาใกล้ก็ตบลงไปที่หน้าอย่างแรง เทพวีเห็นจรีภรณ์เสียหลัก ในใจก็รู้สึกโมโหอย่างมากและรีบวิ่งไปช่วยทันที จิรภาสได้ยินเสียงตบนั้น ก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาทันที ในช่วงเวลาที่เขากับจรีภรณ์อยู่ด้วยกัน เขาดูแลจรีภรณ์อย่างดี ไม่เคยที่จะให้เธอถูกทำร้ายหรือถูกกล่าวหาเลยสักนิด แต่ตอนนี้เขาเห็นรอยมือที่ตบบนหน้าเธอ ก็รู้สึกเจ็บปวดที่ใจขึ้นมาทันที แต่ทว่านี่ถือเป็นผลงานชิ้นเอกของนวิยาแม่ของเขา และเขาก็รีบเข้าไปกอดแม่เพื่อกันไว้ เพราะไม่อยากให้แม่ทำร้ายจรีภรณ์ ในขณะเดียวกันก็กันเพื่อไม่ให้แม่โดนจรีภรณ์ใส่กลับมาเช่นเดียวกัน เขาไม่สามารถที่จะกันมือของจรีภรณ์ได้ แต่ไม่ว่าแม่ของเขาไม่ได้ทำอะไร เขาก็ไม่อยากให้แม่ของเขาได้รับบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว และตอนนี้ก็เละเทะอีกครั้ง นวิยากับจรีภรณ์ตีกันอยู่ที่นี่ เทพวีก็ช่วยจรีภรณ์ จิรภาสก็ยืนขวาง ซึ่งในเวลานี้ทุกอย่างมันเละเทะและพังไปหมด พนักงานที่ยืนอยู่หน้าประตูไม่กี่คนนั้นก็ไม่กล้าเข้าไปยุ่ง วันนี้พอดีผู้จัดการไม่อยู่เลยไม่มีใครเข้ามาแก้สถานการณ์ จิรภาสเอง พวกเขาก็รู้จักกันเป็นอย่างดี โดยปกติพวกเขาไม่กล้าเข้าไปยุ่งเรื่องในครอบครัวของเขา ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่ยืนดูเท่านั้น “ตอนนี้เธอมันก็เป็นแค่ผู้หญิงเลวทรามต่ำช้าคนหนึ่ง ไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีเลิศอะไร เธอมันป่าเถื่อนเป็นพวกไม่มีใครเอา ลูกชายเธอก็เป็นแบบเธอ มันจะดีมากถ้าครอบครัวของเธอตายๆไปซะให้หมด แม่เธอก็ตายเพราะเธอ ตอนนี้ลูกเธอก็ตาย แล้วทำไมเธอไม่ตายไปซะที ” นวิยาด่าอย่างรุนแรงและสาปแช่ง ทุกๆประโยคนั้นมันสามารถทิ่มแทงเข้าไปในใจคนได้เลย “คุณกล้ามาด่าแม่ของฉันได้ยังไง คุณกล้ามาแช่งลูกชายฉันได้ยังไง ฉันกับคุณก็คล้ายๆกันนั่นแหละ ทุกคนก็ตายกันหมด ไม่มีชีวิตอยู่กันสักคน” จรีภรณ์พูดออกมาด้วยความโกรธและโมโหมาก เพราะนวิยา คุณนายแม่มดที่ร้ายและโหดเหี้ยมได้มาด่าแม่ของเธอและแช่งลูกชายของเธอให้ตายอีกด้วย เธอจะไม่โกรธหรือโมโหจนขาดสติขนาดนี้ได้ยังไง เพียงแค่พอคิดถึงตะวันตอนนี้ในมือของเธอก็เต็มไปด้วยความทุกข์ทนทรมาน ในใจของเธอนั้นก็เหมือนกับถูกคมมีดทิ่มแทงจนใจจะขาด เธอจึงได้ตัดสินใจเพื่อที่จะตายไปพร้อมกับครอบครัวขอเธอและก็ได้วิ่งเข้าชนนวิยาจนกระแทกกับกำแพง ท้ายที่สุดแล้วนวิยาก็แก่เกินไปที่จะรับมือกับการกระแทกนี้ จึงทำให้เธอก็มึนหัวขึ้นมาทันทีและในสมองของเธอก็งงงวยไปหมด เมื่อจิรภาสเห็นก็รีบเข้าไปกอดแม่ด้วยสายตาทันที จรีภรณ์เองก็ถูกทำให้เจ็บมากเช่นเดียวกัน สายตาที่มองไปนั้นก็โกรธแค้น แต่โชคดีที่เทพวีช่วยไว้ทัน จิรภาสเห็นตาของแม่นั้นค้างก็รู้สึกตกใจ ผ่านไปสักพักหนึ่งนวิยาก็ค่อยๆพูดกับเขาว่า “ลูก แม่รู้สึกปวดหัวมากเลย ทำไมแม่ถึงเห็นลูกมีสองคน” “ไปโรงพยาบาลนะแม่ ผมจะพาแม่ไปโรงพยาบาล” พอจิรภาสได้ยินแม่ตัวเองพูดแบบนี้ เขาก็รีบอุ้มแม่ของเขาไปที่ด้านนอกทันที จรีภรณ์มองจิรภาสอุ้มแม่ของเขาที่หมดสติ เธอก็ลุกขึ้นมาโดยอาการเหม่อลอย เขาไม่ได้วิ่งชนด้วยแรงขนาดนั้น ทำไมถึงเป็นหนักขนาดนั้น ขณะที่เธอกำลังคิดอยู่นั้น โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นมา ตาขวาของจรีภรณ์ก็กระตุก ในใจของเธอก็รู้สึกกระวนกระวายและเธอก็กดรับโทรศัพท์ หลังจากที่รับสายแล้ว คนที่โทรก็คือบุคลากรที่โรงพยาบาล เขาบอกว่าตอนนี้ลูกชายของเธอ ตะวัน อยู่ที่โรงพยาบาลกำลังอยู่ในอาการหมดสติ ให้เธอรีบไปโรงพยาบาลโดยด่วน จรีภรณ์ฟังจบแล้ว ในหัวเธอก็ว่างเปล่าในทันทีพร้อมกับอ้าปากค้างเหมือนกับว่าถูกโจมตีอย่างรุนแรงจนทำให้เธอยืนอึ้งอยู่พักหนึ่ง เธอไม่ได้ยินเสียงใดๆนอกจากเสียงที่พูดว่า ฮัลโหล ฮัลโหล ไม่หยุดจนสุดท้ายเทพวีจะต้องหยิบโทรศัพท์ไปเพื่อเอาไปคุยกับบุคลากรท่านนั้น หลังจากที่วางสายไป จรีภรณ์ก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาทันที เธอร้องไห้ด้วยความใจจะขาด “เทพวี เทพวี ตะวันอยู่โรงพยาบาล เขาอยู่โรงพยาบาล” “ฉันรู้แล้ว ฉันรู้แล้ว จรีภรณ์ พวกเรารีบไปกันเถอะ ไม่ต้องกังวลนะ ทุกอย่างโอเค ไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน ” เทพวีรีบพูดปลอบใจให้จรีภรณ์อย่างทันที แต่จริงๆแล้วไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอได้ถามกับบุคลากรเกี่ยวกับตะวัน ถามว่าตะวันของพวกเขาไปที่โรงพยาบาลได้อย่างไร ตอนนี้เป็นไงบ้าง บุคลากรที่อยู่ในสายก็ได้แต่อ้ำๆอึ้งๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมา อีกทั้งยังให้พวกเขารีบมาโรงพยาบาลกันด้วย สิ่งนี้ทำให้เทพวีรู้สึกว่ามีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี แต่จรีภรณ์ที่อยู่ตรงหน้านั้นก็รู้สึกเป็นกังวลและตกใจกลัวอย่างมาก เธอจึงไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่เพียงปลอบจรีภรณ์ ในขณะเดียวกันในใจก็อธิษฐานและหวังว่าจะไม่เกิดอะไรขึ้นกับตะวัน หวังว่าลางสังหรณ์จะไม่เป็นเรื่องจริง ดังนั้นเธอจึงรีบพาจรีภรณ์ออกมาและไปขึ้นรถทันที แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่เป็นใจ พวกเธอรอเรียกรถแต่ก็ไม่มีรถคันไหนรับเลย จรีภรณ์ก็รู้สึกกระวนกระวายใจอย่างมากพร้อมกับสายตาก็มองไปที่เวลาด้วยราวกับว่าหนึ่งวันผ่านไปหนึ่งปี มันช่างยาวนานเหลือเกิน จนสุดท้ายเธอได้วิ่งไปที่โรงพยาบาลด้วยแสงแดดอันร้อนระอุ ฤดูร้อนที่เมืองซูนั้นร้อนมาก วันนี้ร้อนถึงสี่สิบองศา พระอาทิตย์บนท้องฟ้าวันนี้แผดเผาได้ราวกับเตาอบ อากาศแบบนี้จริงๆแล้วไม่มีใครอยากจะออกมาข้างนอกกันหรอก จากที่นี่ถึงโรงพยาบาลก็ราวๆสามสิบกว่ากิโลเมตร พลังความรักของแม่นั้นช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน แม้ว่าอากาศจะร้อนขนาดไหน ระยะทางจะไกลสามสิบกว่ากิโลเมตรหรืออุณหภูมิจะสี่สิบองศาอย่างไร เธอก็ไม่กลัว เธอยังสามารถวิ่งไปข้างหน้าโดยไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้น ไม่รู้ว่าวิ่งมานานเท่าไหร่และก็ไม่รู้ว่าไกลขนาดไหน จรีภรณ์ก็รู้สึกราวกับว่าผ่านไปแล้วหนึ่งศตวรรษ ร่างกายของเธอนั้นชุ่มไปด้วยเหงื่อที่ไหลออกทั้งตัว เธอรู้สึกไม่สบายกายและไม่สบายใจอย่างมากเหมือนกับว่าจะหายใจไม่ออก การหายใจไม่ออกนี้เหมือนกับความตายที่พัดเข้าหาเธอ เหงื่อไม่หยุดไหล การก้าวเท้าก็ช้าลง ในช่วงเวลาแห่งความใจลอยแบบนี้ เธอรู้สึกราวกับว่าเธอได้พบเห็นตะวันที่ยิ้มแย้มพร้อมกับโบกมือให้เธอพร้อมกับคำพูดที่ซุกซนที่อยากจะให้กอด จนสุดท้ายในท่ามกลางแสงแดดอันร้อนระอุแบบนี้ เธอก็ค้ำตัวเองไม่ไหวและสุดท้ายเธอก็ล้มลงไปกับพื้น เธอรู้สึกเวียนหัวมากๆ บนถนนที่ร้อนระอุขนาดนั้นไม่มีคนเลยสักคน จรีภรณ์นอนอยู่กับพื้น ราวกับเป็นปลาหมึกที่อยู่บนแผ่นเหล็ก ถูกถนนอันร้อนแรงนี้เผาไหม้และเจ็บปวด แค่ขยับยังขยับไม่ได้เลย ร่างกายของเธอตอนนี้ไม่มีแรงเลยสักนิดเดียว “ตะวัน ตะวัน ลูกชายของแม่” จรีภรณ์พึมพำและหลับตาลงแต่ปากของเธอก็ยังเรียกหาลูกชายของเธออยู่ ไม่ว่าเธอจะเหนื่อย จะร้อน จะไม่อยากขยับตัวขนาดไหน แต่เธอก็รู้ว่าลูกชายของเธอกำลังรอเธออยู่ เธอบอกกับตัวเองว่าเธอจะล้มลงไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด เพียงแค่นึกถึงใบหน้าอันเล็กๆที่น่ารักของตะวันและเขาก็อยู่ในอ้อมกอดของเธอพร้อมกับเรียกแม่ ใจของเธอก็เต็มไปด้วยความหวานหยาดเยิ้ม เธอคิดถึงตอนที่เขาฝึกพูด นึกถึงช่วงเวลาเล็กที่ได้อยู่ด้วยกันกับเขา เห็นได้ว่าความรักระหว่างแม่กับลูกนั้นช่างลึกซึ้งเหลือเกิน ในใจของเธอนั้นราวกับถูกทำให้มีชีวิตชีวาอีกครั้ง จรีภรณ์ค่อยๆตื่นขึ้นมาด้วยพลังความรักของแม่ เธอลุกขึ้นยืนและเธอบอกกับตัวเองว่าเธอจะต้องไปต่อ ตะวันลูกชายของเธอกำลังรอเธออยู่ ลูกชายที่น่าสงสารคนนั้นตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลแล้วและกำลังรอเธออยู่ จะต้องไปต่อ จะล่มไม่ได้ พอคิดแบบนี้ ในใจของเธอนั้นก็มีแรงขึ้นมาทันที ตาของเธอก็เปิดออกทันที ในตาก็ยืนหยัดอย่างมาก เธอค่อยๆลุก ขึ้นมาจากพื้นและวิ่งต่อไปด้วยแรงที่มีท่ามกลางความร้อนระอุราวกับว่าเธอได้วิ่งไปข้างหน้าเพื่อความหวังของเธอ ในเวลานี้เองก็มีรถคันหนึ่งมาจอดข้างหน้าเธอ ประตูรถถูกเปิด และก็มีเสียงเร่งรีบบอกว่า “จรีภรณ์ ขึ้นรถเร็วเข้า” จรีภรณ์หันกลับไปยิ้มให้หลังจากนั้นก็ทนต่อไปไม่ไหว ร่างกายของเธอจึงค่อยๆล้มลงที่พื้นอีกครั้ง
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 82 พลังรักของแม่
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A