ตอนที่23 ฉากที่ทำให้คนตกใจ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่23 ฉากที่ทำให้คนตกใจ
ต๭นที่23 ฉากที่ทำให้คนตกใจ ฉีเทียนโย่วไม่สนใจคนที่กำลังมองมาที่พวกเขา เมื่อได้ยินเสียงคัดค้านเบาๆของเธอ เขาก็ขมวดคิ้วอารมณ์เสีย “เธอจะกลัวอะไร” “……” อะไรที่ว่าเธอกลัว ก็เห็นอยู่ไม่ใช่หรอว่าไม่ได้กลัว กลัวคำซุบซิบนินทา กลัวคำตำหนิ กลัวข่าวไม่ดี กลัวโดนใส่ไข่ เห็นเธอไม่ยอมพูด จริงๆแล้วฉีเทียนโย่วก็รู้ถึงความหมายของเธอ เพียงแค่เธอกลัวว่าคนอื่นจะรู้ว่าพวกเขาสองคนใกล้กัน กลัวแค่นั้นหรอ ไม่ได้สิ เขาต้องการที่จะให้คนอื่นรู้ต่างหาก “ถ้ากลัวก็เอาหน้าซุกไปสิแค่นี้ก็ได้แล้ว” คำพูดของผู้ชายเนี่ยนะมันช่างกวนโอ๊ยจริงๆ หลินหยู่นจูเกือบจะเป็นลมในอ้อมกอดเขาอยู่แล้ว สายตาที่จ้องมองพวกเขานี่ยิ่งเยอะขึ้นเรื่อยทางที่พวกเขาต้องการจะไปนั่นเป็นปากทางขึ้นลิฟต์ เธอเนี่ยทำไมไม่รู้เอาสะเลยฮะ ปากประตูทางขึ้นลิฟต์เนี่ยจะมีคนอีก ถึงตอนนั้นก็…… นี่มันเหมือนกับกระโดดเข้าไปในแม่น้ำเหลืองก็ล้างไม่ออกจริงๆ ความคิดของหลินหยู่นจูเนี่ยมันช่างตามไม่ทันผู้ชายจริงๆ ผ่านไปสักครู่ ฉีเทียนโย่วยังคงโอบกอดหลังของหลินหยู่นจูอยู่ นั่นทำให้เพื่อนร่วมงานที่กำลังรอลิฟต์อยู่มองพวกเขา และฉีเย่วกับซูจิ่งเฉินก็อยู่ตรงนั้นด้วย เมื่อฉีเย่วสบตาหันมามองสิ่งที่เธอเห็นทำให้เธออึงและไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเห็น พระเจ้า เธอเห็นอะไรเข้าแล้วเนี่ย เธอมองเห็นผู้ชายที่ไม่เคยเข้าใกล้ผู้หญิงมาหลายปีอย่างพี่ฉีเทียนโยว่มาวันนี้เขากลับมากอดผู้หญิงนั่นอยู่ ซูจิ่งเฉินก็ตกใจไม่น้อย โดยเฉพาะตอนที่พวกเขาเห็นคนในอ้อมกอดของเขา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเขินอายและเป็นสีแดงของหลินหยู่นจู เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าทายถูกอะไรแล้ว หรือว่าเหตุผลที่หลินหยู่นจูเข้ามาที่ตระกูลฉีไม่ใช่เพราะว่าตัวเองแต่เป็นเพราะคนอื่น หลินหยู่นจูตอนนี้ยิ่งรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนขึ้นเรื่อยๆ อุณหภูมิแบบนี้ราวกับว่าเธอกำลังเป็นไข้เลย หรือว่ายังจะต้องทำแบบนี้ให้คนอื่นดูต่อไปอีกหรอ เธอกัดฟันตัวเอง ช่างมันเหอะ แสดงออกไปมันตรงๆเนี่ยแหละ เธอก็เลยเอาตัวเองซุกไปในอ้อมกอดที่อุ่นๆของเขา แบบนี้ก็ดีละ ให้พวกเขามองกันต่อไปเหอะยังไงสะวันนี้ฉันก็เพิ่งมาทำงานวันแรก คนที่รู้จักเธอจริงๆแล้วมีอยู่ไม่กี่คนหรอก ฉีเทียนโย่วกลับไม่ได้ลังเลและต่อสู้อะไรกับเธอยังคงที่จะกอดเธอแล้วเดินต่อไปและก็ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยอะไรอีกด้วย คนที่อยู่ด้านในอ้อมกอดเหมือนกับขนเอาเบาบางราวกับไม่ไได้กอดอะไรไว้ หรือว่าที่เธอผอมขนาดนี้เพราะว่าทุกวันนี้เธอไม่กินข้าวงั้นหรอ มีลิฟต์สำหรับท่านประธานโดยเฉพาะไม่ต้องรอต่อแถวใช้ลิฟต์เหมือนกับคนอื่น แต่คนที่อยู่ตรงปากประตูลิฟต์คนอื่นๆก็ต่างมองท่านประธานกำลังกอดหญิงสาวนั่นจนเขาเดินเข้าลิฟต์ไป คนที่เป็นแฟนคลับของเขาก็รู้สึกไม่ดี แม้กระทั่งผู้หญิงที่อยู่ตรงนั้นร้องไห้ออกมา “ผู้หญิงคนนั้นสรุปแล้วเป็นใครกัน ทำไมถึงได้มาหว่านเสน่ห์ท่านประธานของฉัน” “ฮึม ไม่รู้ว่าเป็นหมาจิ้งจอกมาจากไหนแต่ที่รู้ๆคือแค่ดูก็รู้แล้วว่าไม่น่าจะใช่ของดี” “นี่ดูสิดูท่าทางอวดดีของเธอ ตอนที่อยู่ต่อหน้าพวกเราทำเป็นอยู่ใกล้ท่านประธานมีอะไรให้ดูดีเนี่ย” ท่ามกลางผู้คน สีหน้าของฉีเย่วก็โมโหถึงขั้นสุด หลินหยู่นจูสัมผัสได้ เธอเข้าไปที่ลิฟต์ เมื่อเธอสัมผัสได้ถึงร่างกายอันแสนอบอุ่นเธอก็รีบปฏิเสธออกมาในเวลาเดียวกันตัวของเข้ามาที่ลิฟต์พิเศษสำหรับท่านประธานแล้ว เธอค่อยๆเอาหัวของเธอโผล่ออกมาจากอ้อมกอดของเขาแล้วก็ใช้สายตาของเธอกวาดมองหนึ่งครั้งแล้วสายตาที่มองเธอกลับนั่นก็คือฉีเทียนโย่ว เงาที่สง่างามนั้นเพิ่งจะแข็งกระด้าง คิ้วตาดุจดังกับภาพวาดทำให้คนนั้นช่างหลงใหล จมูกก็แหลมคมและริมฝีปากของเขานั้นก็ช่างนุ่มนวลเหลือเกิน เป็นคนที่หล่อเหลามากจริงๆ หล่อจนเข้ากระดูกดำ ทันใดนั้นเองสายตาของเธอและเขาก็ผสานเข้าด้วยกัน อึ้ย! ถูกจับได้แล้วว่าแอบมองท่านประธาน หลินหยู่นจูก็รีบหลบสายตาแล้วก็แกล้งทำเป็นหลับ เดินก็นึกว่าฉีเทียนโย่วจะปล่อยเธอลงแต่ใครจะรู้ล่ะว่าผู้ชายคนนี้มันจะตั้งใจหรืออะไร หลังจากที่เธอหลบสายตาไปแล้วก้ยิ่งทำให้เขามองมาที่เธอ “ถ้างั้น….ปล่อยฉันลงได้ไหมคะ…” หลินหยู่นจูพูดขึ้นอีกครั้ง แต่ผู้ชายดูเหมือนว่าจะไม่ได้ยิน และยังคงยืนอยู่อย่างนั้น ไม่ได้ละ หลินหยู่นจูขยับตัวอยากจะเอาตัวเองลงไปเต็มทีแล้ว ทนไม่ได้เพราะว่ามือของเขาจับเธอไว้แน่น เธอสะดุ้งเล็กน้อย มองดูเธอด้วยท่าทีที่เจ้าเล่ห์ ตาของเขาใสอย่างกับน้ำเหมือนกับมีแสงแดดส่องลงมา “อย่าขยับไปเรื่อยสิ” เสียงนั้นดูเหมือนเรียบๆแต่กลับพุ่งว่าเธอเข้าเต็มๆ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย ใจเหมือนกับกวางอีกอย่างมันก็เต้นเร็วตึกตักตึกตักขึ้นมา ประโยคนี้เธอได้ยินไม่ค่อยถนัด เสียงมันเบามากๆ “ติ๊ง” ในที่สุดลิฟต์ก็มาถึงที่ชั้นห้องทำงานท่านประธาน ในขณะที่หลินหยู่นจูก็เอามือตัวเองกอดคอเขา กลับเห็นคนที่อยู่ด้านนอกกำลังมองอยู่นี่เลยทำให้เธอรีบปล่อยมือออกจากเขาและเธอก็เลยเอาหน้าตัวเองมุดไปที่อ้อมกอดของเขาอีกครั้ง การกระทำอันนี้รวมไปถึงริมฝีปากอันบางและหน้าตาที่หล่อเหลาของฉีเทียนโย่ว คนที่รออยู่ด้านนอกลิฟต์ตกใจจนอ้าปากค้าง ไอหยา ไม่จริง มันคือความฝัน หัวหน้าเลขาแซ่ร์เพ้ยถิงเป็นคนที่พบเจอคนมามากมายแต่ว่าแม้แต่เธอมาเจอเรื่องแบบนี้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร กลับเป็นลู่เหยียนที่ดูเหมือนว่ามีเรื่องที่จะบอกอะไรเขาอีกมากมาย เขาเดินไปด้านหน้าหนึ่งก้าว ต้อนรับท่านประธาน “ท่านประธาน” “อือ” ฉีเทียนโย่วผงกหัวและไม่ได้ต้องการให้พวกเขารายงานงานอะไร ลู่เหยียนรู้ว่าเขาต้องการอะไร เขาไม่ได้พูดอะไรต่อได้เพียงแต่ยืนหันหลังแล้วผงกหัวให้กับพนักงานข้างหลังห้พวกเขากลับไปทำงานของตน พวกหัวกะทิรู้ว่าเขาต้องการอะไรแต่ละคนก็ต่างทยอยออกไป ลู่เหยียนเดินตามหลังของฉีเทียนโย่วแล้วเดินเข้าไปทางห้องทำงาน เมื่อใกล้จะถึงกับห้องทำงานลู่เหยียนก็รีบเดินนำหน้าไปเปิดประตูให้กับท่านประธาน พอเดินเข้าไปแล้ว ฉีเทียนโย่วเลยเดินไปที่โซฟาหนังแท้สีขาวแล้ววางเธอลงที่นั่นจนทำให้เธอสะดุ้ง “เดินไปที่แผนกแพทย์แล้วตามหมอมาคนนึง” “รับทราบครับ” ลู่เหยียนผงกหัว “จำได้แล้ว เป็นแพทย์แผนจีน บอกไปว่าคุณหลินเขาขาเจ็บดูสิว่ามียาอะไรที่ต้องใช้ไหมแล้วก็เอายามา” “รับทราบครับ” หลินหยู่นจูในตอนนั้นหน้าแดงมากเหมือนกับสีของลูกแอปเปิ้ลทำให้คนอดไม่ได้ที่จะกัดชิมลิ้มลองรสชาติของเธอ ฉีเทียนโย่วไปหยิบแก้วน้ำมาด้วยตัวเองเพื่อที่จะเทน้ำให้เธอดื่ม “ขอบคุณนะคะ” หลินหยู่นจูทำหน้าเขินอายผงกหัวแล้วรับแก้วน้ำที่เขาส่งมาให้ 
已经是最新一章了
加载中