ตอนที่26 ผู้ชายที่ขี้งกที่สุด   1/    
已经是第一章了
ตอนที่26 ผู้ชายที่ขี้งกที่สุด
ต๭นที่26 ผู้ชายที่ขี้งกที่สุด โรงอาหารในอาคารฉีเวยนั้นมีรสชาติที่พิเศษไม่เหมือนใครอีกอย่างอาหารของที่นี่ก็เทียบได้กับอาหารของโรงแรม5ดาว ดังนั้นก็มีจึงมีพนักงานชอบมากินที่จะมากินที่โรงอาหารฟรี “หยู่นจู ทางนี้ พวกเราไปเอาช้อนส้อมมาใส่ข้าวกันเถอะ” เธอลากหลินหยู่นจูไปที่ชั้นวางเก็บช้อนส้อมอย่างกับคุ้นเคยกับที่นี่เป็นอย่างดี “อาหารที่นี่มันดีจริงๆ หมูหมักซอส ตีนไก่ ผ้าขี้ริ้วลึก น้ำต้มกระดูก……อร่อยทุกอย่าง……” ตอนที่เจินมี่มี่พูดทั้งสองก็เอาตะเกียบกับจานไปลวดในน้ำแล้วก็เดินออกไป เสียงออดกินข้าวกลางวันดังขึ้น พนักงานในบริษัทตระกูลฉีก็พากันเข้ามา ผ่านไปสักแปปนึง หลินหยู่นจูและเจินมี่มี่ต่างก็พากันไปตักข้าวใส่จาน หาที่นั่ง และพากันนั่งลงกินข้าว เจินมี่มี่มองที่จานของหลินหยู่นจูเห็นว่ามีน้อยมากจึงถามเธอสงสัยว่า “หยู่นจูทุกวันนี้เธอกินแค่นี้เองหรอ มิน่าล่ะเธอถึงได้ผอมขนาดนี้” ต่อให้เธอพูดเธอก็มองที่จานของตัวเองวันจันทร์นั้นเต็มไปด้วยอาหารหลายชนิด เธอจึงยิ้มออกมาเราพูดต่อไปว่า “ดูเหมือนว่าการผอมนั้นน่าจะมีสาเหตุอะไรบางอย่าง สงสัยฉันจะต้องอดใจไว้นิดนึง แหะแหะ” ฉันเอากับข้าวมื้อนี้กินเสร็จแล้วหลังจากนี้ฉันคงต้องเริ่มลดน้ำหนักแล้วแหละ หลินหยู่นจูยิ้มยิ้มแล้วพูดว่า “นี่เป็นปริมาณข้าวที่ฉันกินทุกวันนะ” คนที่กำลังจะทานข้าวไม่มีใครที่ไม่พูดเหมือนกับเจินมี่มี่ ทุกคนต่างหิวและไม่มีใครพูดโม้อะไรกันทั้งนั้น เมื่อเวลาผ่านไปบังเอิญมีเพื่อนร่วมงานเดินผ่านพวกเขาต่างพากันยิ้มมาแล้วทักทายเธอ แม้ว่าหลินหยู่นจูไม่ใช่คนที่ทุกคนรู้จักแต่ว่าเธอก็ยังคงสามารถยิ้มและทักทายกับพวกเขาได้ ทันใดนั้นเองไม่รู้ว่าใครตะโกนมาหนึ่งคำ เขาตะโกนว่า ดูนั่นสินั่นไม่ใช่ท่านประธานหรอกหรอเขามาที่โรงอาหารแล้ว พอเขาพูดจบสายตาของทุกคนก็เงยหน้าขึ้นขึ้นขึ้นมาจากจานที่กำลังกินอยู่หันไปมองทางเขา หลินหยู่นจู ก็ได้ยินแล้วหันไปมองทางที่เป็นต้นเสียง เป็นไปตามนั้นที่หน้าประตูเห็นผู้ชายมาดผู้บริหาร ตัวสูง หน้าตาฉลาดหลักแหลมและมีใบหน้าที่หล่อเหลาเป็นเสน่ห์ เขาคนนั้นคือ ฉีเทียนโย่ว ใจเต้นตึกตักตึกตัก ปกติเขาไม่มาที่โรงอาหารหรอกหรอ แต่ว่าถ้ามองจากที่พวกเพื่อนร่วมงานแสดงออกมาเหมือนกับว่าจะไม่ใช่อย่างนั้น “ว้าว!ท่านประธาน ท่านประธานจริงๆด้วย หยู่นจูฉันทนไม่ได้แล้ว ใจของฉันแทบจะหยุดเต้น” เจินมี่มี่ ไม่สนใจภาพลักษณ์ของตัวเองในขณะที่ยังมีอาหารเต็มปากเธอกระดี๊กระด๊าราวกับว่าเธอกำลังเห็นเรื่องใหญ่อะไรบางอย่างที่รับไม่ได้เป็นอย่างมาก “ท่านประธานมาที่โรงอาหารจริงๆด้วย ดีใจจังเลย มีความสุขมากเลยอ่ะในที่สุดก็มีโอกาสใช้โรงอาหารที่เดียวกับเขา” ใบหน้าที่แสดงออกว่ากำลังหลงเสน่ห์อยู่ ทำให้หลินหยู่นจูได้แต่อยู่เงียบๆ ผู้ชายคนที่อยู่ยืนอยู่ตรงประตูยังคงเป็นคนที่หล่อเหลามีเสน่ห์และยังคงโดดเด่นอยู่เหมือนเดิม และผู้ชายคนนั้นยังคงที่จะใช้เสน่ห์รอยยิ้มเหมือนเดิม ยิ้มและผงกหัวให้กับเพื่อนร่วมงาน ใช้สายตาที่งดงามนั้นทักทายกับพวกเขา และนัยน์ตาที่ดำเงาสวยงามคู่นั้นมองมาทางหลินหยู่นจูราวกับว่าไม่ได้เจตนาที่จะมองเธอเพียงแต่แอบมองเธอแปปๆ เพียงเท่านั้นเองหลินหยู่นจูอยู่ๆก็รู้สึกว่าตัวเองหายใจไม่ค่อยสะดวกขึ้นมา “ว้าว ท่านประธานเพิ่งจะมองมาที่ฉันด้วยแหละ หยู่นจู เธอเห็นแล้วหรือยัง ท่านประธานเพิ่งจะมองมาที่ฉัน” เจินมี่มี่กระดี๊กระด๊ามีความสุข อ้อหรอ ฉัน…ฉันไม่ทันได้สังเกตอ่ะ” หลินหยู่นจูพูดอย่างขอไปที ความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในใจของหลินหยู่นจู เธอรู้สึกว่าฉีเทียนโย่วต้องมองมาที่เธอแน่ๆเพราะว่าตอนเช้าเธอออกมาจากห้องทำงานของเขาโดยที่ไม่ได้รับคำอนุญาตจากเขาเลยสักคำ เป็นผู้ชายที่ขี้เหนียวสุดๆไปเลย หลินหยู่นจูขมวดคิ้วในใจก็กำลังชั่งใจว่าจะทำอย่างไร และพอดิบพอดีเลยที่ที่นั่งด้านข้างของพวกเธอกำลังว่างอยู่ เขาคงไม่คิดที่จะ……… “เห้ หวัดดี” พอดีเลยมีเพื่อนร่วมงานผู้ชายถือถาดข้าวเหมือนกำลังมองหาที่นั่งอยู่มาทักทายหลินหยู่นจู ทั้งๆที่เธอและเขาก็ไม่ได้รู้จักกันเลย “ตรงนี้มีที่นั่งนะ” ผู้ชายคนนั้นอึ้งไปครู่นึงแล้วก็พูดว่า “ขอบคุณๆ” และก็นั่งลงไป ผู้หญิงคนนี้ให้ตายสิ ตอนที่อยู่ต่อหน้าเขายังจะทำดีกับผู้ชายคนอื่นอีกหรือว่าเธอจะไม่สนใจเขาต่อไป ก็แค่ตอนนี้อยู่ในที่ที่คนเยอะเพราะฉะนั้นฉีเทียนโย่วเลยไม่สะดวกที่จะแสดงอารมณ์ที่ไม่พอใจออกมา หลังจากนั้นเขาเลยมองไปรอบๆเพื่อจะหาที่นั่งว่างนั่ง “ว้าว…ท่านประธาน เขากำลังเดินมาทางพวกเราหล่ะ” โต๊ะที่มีผู้หญิงนั่งสองสามคนต่างก็พากันแสดงออกถึงการทำตัวไม่ถูกดังนั้นแต่ละคนก็ต่างพากันหันหน้าไปแต่งหน้ากันหมด ฉีเทียนโย่วเข้าไปนั่ง ใบหน้าของเขาทำให้พวกผู้หญิงต่างก็พากันยิ้มออกมา พวกผู้หญิงแต่ละคนก็ต่างไม่มีกระจิตกระใจที่จะทานข้าวต่อไปแล้ว แต่ละคนก็ต่างพากันมองไปที่ชายรูปงามที่อยู่ข้างหน้า แค่นี้ก็อิ่มแล้ว หลินหยู่นจูก้มหน้า พยายามที่จะไม่ให้ตัวเองเด่นออกไป แต่งพยายามอย่างไรเธอก็รู้สึกว่าคนที่อยู่ข้างหน้านั้นไม่ได้ไกลออกไปเลยและสายตาของผู้ชายคนนั้นจับจ้องมาที่เธออยู่ จริงๆแล้วเขากำลังอยากที่จะทำอะไร ทำไมเขาต้องมองมาที่ฉันด้วย หลินหยู่นจูทานอยู่เงียบๆและก็แอบเลิกคิ้วมองไปที่ผู้ชายคนนั้น ยังคงมองอยู่ เขายังคงมองมาที่ฉันอยู่ มองอีกแล้วหรอ ถ้ายังคงมองฉันอยู่ฉันก็จะจ้องไปที่คุณแล้วนะ ใจก็คิดอยู่อย่างนี้ ในที่สุดเธอก็หันจ้องมองไปที่ผู้ชายคนนั้นอย่างเงียบๆ ชายคนนั้นมองเห็นสายตาที่กำลังจ้องมองเขาอยู่แต่เขาไม่ได้หันหน้าหนีไปไหนกลับจ้องเธอกลับไป กำลังแข่งกันว่าใครจะทำตาโตกว่ากันหรอ ฉีเทียนโย่วแสดงออกว่าไม่พอใจ โอเค เขาชนะละ หลินหยู่นจูไม่พูดอะไรแถมหน้าแดงอีกต่างหากแล้วก็ก้มหน้าลงไปกลับไม่ใช่เป็นเพราะว่าเธอกลัวหรอกแต่เป็นเพราะว่าเธอรู้สึกได้ว่าคนรอบข้างนั้นกำลังเพ่งเล็งมาที่เธอ ฉากตอนที่ท่านประธานอุ้มเธอเข้ามาในบริษัทตอนเช้ามันเต็มยังคงอยู่ในหัวแล้วยังคงมาตีกันในโรงอาหารตอนนี้อีก เธอเลยต้องยอมแพ้เขา เธอกลับไม่อยากเป็นเป้าสายตาของคนหมู่มาก “ใช่สิ ฉันยังไม่รู้เลยว่าเธอชื่ออะไร” ในตอนนั้นเอวผู้ชายที่อยู่ๆข้างๆจะมีกระจิตกระใจกินข้าวได้อย่างไรในเมื่อมีหญิงสาวแสนสวยชวนมานั่งข้างๆจะไม่ให้รีบทำความรู้จักหรอ “เจินมี่มี่” เจินมี่มี่รีบตอบออกไป แต่น้ำเสียงของเธอเหมือนอารมณ์ไม่ค่อยดี เพื่อนชายเขินนิดหน่อย แล้วหัวเราะแหะแหะแล้วผงกหัวตอบกลับ หลังจากนั้นเขาเลยหันไปถามหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ “แล้วเธอล่ะ” “หวัดดี ฉันชื่อหลินหยู่นจูค่ะ” หลินหยู่นจูตอบอย่างมีมารยาท “จางจี้” ผู้ชายยิ้มอย่างผิดปกติ หลินหยู่นจูไม่ได้คิดอะไรได้แต่ก้มหน้ากินข้าวต่อไป
已经是最新一章了
加载中