ตอนที่ 32 ความพัวพัน   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 32 ความพัวพัน
ต๭นที่ 32 ความพัวพัน หลินหยู่นจูมีทักษะวิชาการที่แข็งเกร่ง ด้วยเหตุนี้เธอเลยนำเนินการประชุมผ่านได้ด้วยดี เธอยังรู้สึกภูมิใจที่ตัวเองไม่ได้ทำพลาดเลย แต่สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายก็คือสายตาที่จ้องมองมาของฉีเทียนโย่ว สายตาที่จ้องมาแบบนี้นั้นทำให้อุณหภูมิร้อนผ่าวขึ้นอย่างมาก แต่ว่า ในตอนที่เธอเหลือบไปมองด้วยความไม่ตั้งใจนั้น ก็ได้ตกใจกับสายที่ดูผิดแปลกไปจากปกติ แต่ชายที่เธอมองอยู่นั้นยังคงเป็นชายที่รูปงาม ดวงตาที่เฉยชานั้นเมื่อไรจะสนใจเธอกันนะ หรือนั้นจะเป็นแค่ภาพลวงตากัน? การประชุมสิ้นสุดลง หลินหยู่นจูกลับมานั่งตรงที่ตัวเองแล้วจัดเก็บเอกสาร ฉีเทียนโย่วเป็นคนแรกที่ออกไป และพนักงานคนอื่นๆ ก็ค่อยๆ ทยอยกันออกไป จนกระทั่งเธอจัดของบนโต๊ะตัวเองเสร็จแล้วแหงนมอง ถึงได้รู้ว่าเหลือเพียงเธออยู่เพียงคนเดียว ห้องประชุมขนาดใหญ่ที่ว่างทำให้เธอรู้สึกถึงความอ้างว้างแล้วว่างเปล่า ไม่รู้ทำไมจู่ๆ ในใจของเธอก็มีความรู้สึกถึงความไม่เป็นสุข รู้สึกกระสับกระส่าย หรืออาจเหนื่อยไป? พึ่งได้ทำงานสงสัยยังไม่คุ้นชินเท่าไหร่ เธอมุ่งหน้าไปยังประตู บานประตูสีแดงเข้มขนาดใหญ่ทำให้เธอรู้สึกเบลอๆ แล้วมืออ่อนบริสุทธิ์ก็ได้จับประตู แล้วเปิดประตูใหญ่อย่างเบาๆ แสงแดดจ้าจากนอกประตูที่กำลังอยู่ในช่วงห้าโมงเย็น ท้องฟ้าสีกุหลาบม่วงทำให้คนรู้สึกประหลาดใจเสียจริง ทันใดนั้น เงาสูงใหญ่ของชายหนุ่มก็ได้บดบังหลินหยู่นจูจากดวงอาทิตย์ ไม่ทันให้เธอได้ทำอะไร ซูจิ่งเฉินก็ผลักประตูใหญ่ด้วยแรงของเขา แล้วใช้ร่างกายของเขาขั้นประตูเอาไว้ แล้วมองด้วยสายตาที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “คุณมาทำอะไร?” หลินหยู่นจูร้สึกไม่พอใจ ชายคนนี้ก็ไม่พอใจ ซูจิ่งเฉินยิ้มอย่างเยือกเย็น แล้วจับล็อคมือเธอเอาไว้ หลินหยู่นจูไม่ทันได้ระวังเอกสารในมือของเธอก็ล้วงหล่นปลิวลงไปคนละทิศคนละทาง และไม่ทันได้ให้หลินหยู่นจูได้ตั้งตัว เขาก็แรงผลักเธอไปติดกันผนังห้อง แล้วใช้ร่างของเขากั้นเธอเอาไว้ไม่ให้เธอออกไปไหนได้ ในมุมที่ดูคับแคบนั้น และด้วยแรงที่ของชายหนุ่ม ชัดเจนว่ามันกำลังจะใกล้ขึ้นเรื่อยๆแล้ว หลินหยู่นจูกล่ำกลืมและกัดฟัน เธอใจท่อนขาน้อยๆ ของเธอแต่ต้นขาของชายคนนั้น ซูจิ่งเฉินยิ้มขึ้นแล้วใช้จังหวะที่เธอยกขาขึ้น แล้วจับเอาไว้ ทั้งร่างของเธอก็ไม่สามารถขยับได้แล้ว “นาย!” หลินหยู่นจูมองด้วยความแค้น แล้วกัดฟันด่าทอ “ซูจิ่งเฉิน นายมันไร้ยางอาย!” ชายหนุ่มใช้มันใหญ่ของเขาดันข้อมือของเธอไว้ด้านหลัง ใช้แรงทำให้เธอเข้าใกล้อ้อมไหล่ของเขา เพื่อที่จะให้หน้าอกพวกเขาติดกัน “แต่ก็คงไม่มีใครน่าไม่อายเท่าเธอ เห็นชัดๆ ว่าตอนประชุมอยู่ก็มองฉีเทียนโย่วไม่หยุด” “ปากเสีย!” หลินหยู่นจูรู้สึกได้ว่าเธอกำลังโดนเขาทำให้โกรธถึงขีดสุด อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ หลินหยู่นจูเธอไม่ต้องมาทำเป็นแสดงอีกแล้ว มันปลอมเปลือก!เมื่อกี้ที่ทำตัวดูเก้กังฉันดูออกหมดแล้ว เธอหลอกสายตาคนอื่นได้ แต่กับฉันคงจะยากหน่อยล่ะ” คำหยาบด่าท้อของชายหนุ่มที่พูดออกมาทำให้หลินหยู่นจูโกรธจนสั่นไปทั่วทั้งตัว “เธอลืมสิ่งที่ฉันเคยพูดไปเมื่อห้าปีก่อนไปแล้วเหรอ? หลินหยู่นจู เธอมันก็เหมือนกับผู้หญิงจำพวกนั้นไม่มีผิด” ซูจิ่งเฉินก็โกรธเอามากๆ ก็เลยต่อว่าเธอด้วยคำหยาบที่สุดที่เคยพูดออกมาโจมตีเธอและทำร้ายเธอ เพียงเธอแสดงท่าทีว่าเธอเจ็บปวดความเป็นศักดิ์ของเขาก็ได้เพิ่มขึ้นมาทีละนิด แต่ครั้งนี้เขาหมดหวังแล้วจริงๆ ใครอยากจะให้มันเป็นแบบนั้น จริงมั้ย? แต่ละคนก็เอาด้านไม่ดีของตัวเองแสดงออกมาอย่าชัดเจน แล้วทำไมหลินหยู่นจูถึงทำไม่ได้? เธอจึงพูดด้วยน้ำตาที่ไหลปริมออกมาด้วยสายตาที่ระยิบใสและจึงพูดตอบ “ก็จริง ฉันมันก็เหมือนผู้หญิงจำพวกนั้นจนเขากระดูกดำ เลือดชั่วของฉันมาคือเลือดของหญิงเลว แต่วา ซูจิ่งเฉิน ในเมื่อนายรู้ว่าฉันเป็นแบบนั้นแล้วทำไมยังจะมายุ่งกับฉัน ทำไมต้องมาจุ้นจ้านกันฉันด้วย?” การพูดเช่นนี้ถือเป็นการยั่วยุเลยทีเดียว ชายหนุ่มจ้องเธออย่างเงียบเชียบ หลินหยู่นจูสะแหยะยิ้ม และก็พูดอีกครั้ง “ทำไมละ ทำไมพูดอะไรแล้ว? ฉันพูดแทงใจดำนายล่ะสิ ถ้านายคิดว่าใครดีก็ไปหาคนนั้นสิ จะมายุ่มย่ามอะไรกับฉัน ไปหาฉีเย่วของนายสิไป” พูดเสร็จแล้วเธอก็ใช้แรงของสองมือพลิกตัว แล้วผลักร่างของซูจิ่งเฉินออก ชายหนุ่มขวมดคิ้วขึ้น แล้วใช้มือโอบเอวของเธอเอาไว้พาเธอกลับมา แล้วกระชิบข้างหูเธอ “หลินหยู่นจู เธออยากจะลองดีกันฉันใช่มั้ย?” หลินหยู่นจูยิ้มอย่างเย็นชา แล้วถามกลับ “ฉันอยากลองดีกับนาย? ซูจิ่งเฉิน ลองใช้สมองคิดดูดีๆ ได้มั้ย ว่าในช่วงไม่กี่วันมานี้ใครกันแน่ที่ลองดีใคร” ซูจิ่งเฉินเงียบไปครู่หนึ่ง เขาค่อยๆ ปล่อยมือของเธอ แต่สายตาที่เก็บความรู้สึกเอาไว้นั้นยังคงไม่ละไปจากใบหน้าปานนางฟ้าของเธอ “หยู่นจู ฉันไม่สนว่าเธอกำลังคบกับใคร แล้วไม่ว่าเธอชอบใคร แต่ฉันอยากให้เธอรู้ว่าฉีเทียนโย่วไม่มีทางจะมาเป็นคนคนนั้นของเธอได้” “ทำไม?” หลินหยู่นจูขมวดคิ้ว “เธอก็หน้าจะรู้เหตุผลดีกว่าฉันนะ!” “ชิ” หลินหยู่นจูยิ้มอย่างเยือกเย็น “นี่ฉันควรจะขอบคุณว่าปรารถนาดีของคุณหรือเปล่า?” ซูจิ่งเฉินกัดฟันแล้วตอบยอย่างยิ่งผยอง “หลินหยู่นจู เธออย่างมาพูดจาแบบนี้กับฉันนะ เธออย่าลืมว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อห้าปีที่แล้ว ซึ่งเธอเป็นคนทำไม่ดีใส่ฉัน ไม่ใช่ฉันที่หักหลังเธอ!” เรื่องราวครั้งเก่าได้ถูกกล่าวถึงอีกครั้ง เป็นดั่งแผลเก่าที่ถูกคนไปทำร้ายมันอีกครั้ง หลินหยู่นจูรู้สึกรู้สึกเหมือนกันถูกมีดกรีดแทง เจ็บจนหน้าซีดและหายใจแทบไม่ออก! “ฉันต้องรู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น” เธอกลืนความรู้สึกที่มีทั้งหมดไม่ให้น้ำตาของตนเองไหลปลิ่มออกมา หลินหยู่นจูหายใจเข้าลึกๆ แล้วจัดการกับตาและคิ้วของตัวเองไม่ให้แสดงความรู้สึกออกมา “แต่ว่า ฉันก็รู้บางอย่างขึ้นมาเช่นกัน หลังจากเกิดเรื่องนั้น ไม่มีใครอยากที่รับฟังฉันอธิบาย ไม่มีใครซักคนเชื่อว่าฉันถูกบีบปัดคับจนหมอปัญญา ซูจิ่งเฉิน รวมถึงนายด้วย!” เรียวคิ้วซูจิ่งเฉินขมวดขึ้นทันที ไม่ทันได้คิด หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าก็ออกไปทันที สายตาของเขาก็ว่างเปล่า เหมือนกับความรู้สึกของเขาก็ว่างเปล่าเช่นกัน จากนั้น เขายังไม่ทันได้เข้าใจความหมายของคำที่หลินหยู่นจูพูด แต่ได้ยินเสียงของหลินหยู่นจูตกใจขึ้นเล็กน้อย “ท่านประธาน” เขาตกใจแล้วแหงนหน้าขึ้น แล้วหันไปมองประตูที่เปิดขึ้นทางด้านซ้าย แสงตะวันสีเหลืองส้มสาดส่องเข้ามาในห้องประชุมอย่างไว 
已经是最新一章了
加载中