ตอนที่ 33 ให้สิทธิ์นี้แก่เธอ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 33 ให้สิทธิ์นี้แก่เธอ
ต๭นที่ 33 ให้สิทธิ์นี้แก่เธอ หลินหยู่นจูย่อตัวลงเก็บเอกสารที่หล่นกระจายอยู่บน ทันทีที่รับรู้สึกแสงที่ส่องมา เธอก็แหงนหน้ามองไปยังที่ประตูใหญ่ที่กำลังถูกคนเปิดออกจากข้างนอก แสงอาทิตย์สีเหลืองส้มส่องเข้ามาในตาจนเธอต้องเอามือบังตาเอาไว้ ในสายตาของเธอได้เห็นแสงสีเหลืองทองของพระอาทิตย์ที่กำลังตกลง ร่างกายที่สง่าของฉีเทียนโย่วก็ถูกย้อมไปด้วยแสงตะวันสีเหลืองทองเช่นกัน ฉีเทียนโย่วเหมือนบุคคลหลุดออกมาจากจากดินแดนโบราณรับแสงตะวันที่สาดส่อง เขาคู่ควรแก่การนับถือเสียจริง ร่างกายที่สมบูรณ์แบบ ดูสูงส่ง และความงามโดยธรรมชาติ ... ชายผู้นี้เป็นที่รักของพระเจ้าเท่านั้น! ในช่วงเวลานี้ มันถูกตัดสินให้อยู่ในความคิดชั่วนิรันดร์ในใจของหลินหยู่นจู จินเทียนโย่วมองด้วยสายอันแผ่วเบาแล้วนั่งลงบนพื้นจ้องมองผู้หญิงของเขา วินาทีต่อมาดวงตาของเขาพบกับสายตาของซูจิ่งเฉิน สายตาทั้งคู่ได้ปะทะกันกลางอากาศท่ามกลางแสงแดด สายตาของฉีเทียนโย่วดูตะลึง และจะไม่ทน ส่วนสายตาของซูจิ่งเฉินดูปกติมาก อารมณ์อ่อนโยนและสง่างาม “ท่านประธาน” ซูจิ่งเฉินปกปิดทุกเรื่องและเก็บอาการเอาไว้ แล้วคำนับทักทาย “ท่านประธาน” ตอนนี้หลินหยู่นจูที่รวบรวมเอกสารก็ลุกขึ้นยืน “พวกเธอกำลังทำอะไรอยู่?” ฉีเทียนโย่วพูดอย่างเย็นใจ “เรา...พวกเรา...”หลินหยู่นจูยังไงก็เป็นผู้หญิง ผู้ชายในทุกด้านของเมืองนั้นไม่ดีเท่าผู้ชายในธุรกิจ ถึงแม้เธอจะรักษากิริยาให้ดูเงียบสงบเอาไว้ แต่สายตาของเธอกลับไม่เชื่อฟังแล้วยังแสดงพิรุธออกมา “อ่อ คือแบบนี้”เทียบกับแล้วซูจิ่งเฉินเขาดูเป็นธรรมชาติกว่าอย่างเห็นได้ชัด เขาแค่ยิ้มอย่างเคารพแล้วอธิบายว่า "ผมมีเอกสารหล่นอยู่ที่นี่และมองไป ก็บังบังเอิญเห็นนักแปลหินก็อยู่ที่นี่ ก็เลยถามว่า มีอะไรที่ผมให้ช่วยไหน” ฉีเทียนโย่วได้ยินสิ่งที่เขาพูดก็ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าเชื่อ และไม่พูดว่ามีข้อสงสัย เพียงแต่เหลือบดูหลินหยู่นจูเล็กน้อย “อ่อใช่ จริงสิ อย่างนี้แหละค่ะ”หลินหยู่นจูตอบรับแล้วพยักหน้า สายตาของฉีเทียนโย่วไม่แสดงอาการอะไร ใครก็มีสามารถเดาอารมณ์ของเขาออกได้ เขาพยักหน้า ริมฝีปากบางพูดเบาๆ “เก็บของหมดแล้วใช่มั้ย” “กะเก็บหมดแล้วค่ะ”ตาใสของหลินหยู่นจูวิบวับ แล้วเธอพยักหน้า “อืม” ชายคนนั้นขยับกรามของเขาเล็กน้อย ก้าวไปข้างหน้ายื่นมือใหญ่ออกมาห่อมือเล็ก ๆ ของเธออย่างธรรมชาติแล้วเดินออกไปข้างนอก หลินหยู่นจูค่อยบุบลงเล็กน้อย ใบหน้าขาวของเธอแดงก่ำ แต่ยังยืนอยู่ในห้องประชุมใหญ่อย่างซูจิ่งเฉินราวถูกฟ้าผ่า เห็นฉีเทียนโย่วจูงมือเธอไปแบบนั้น ความคุ้นชินอย่างเป็นธรรมชาติแบบนี้มันไม่เหมือนครั้งแรกเลย ความสัมพันธ์ของพวกเขามันใกล้ชิดกันขนาดนั้นเชียวหรือ? หลินหยู่นจูเท้าสะดุดส้นสูง ความอุ่นที่ส่งมาจากมือของชายหนุ่มดูไม่ดีเอาเสียเลย เธอเดินอยู่หลังของเขาอย่างโซซัดโซเซ ดังนั้น ชายหนุ่มจึงหยุดก้าวเดินแล้วหันไปเหลือบมอง “ยังเจ็บอยู่เหรอ?” หลินหยู่นจูตอบอย่างรีบร้อน “เปล่า ไม่เจ็บแล้ว” ฉีเทียนโย่วขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูด “ถ้าใส่ส้นสูงไม่ได้คราวหลังก็ใส่รองเท้าแบบปกติ”。” ใจเหมือนกว้างที่ชนไปมา หลินหยู่นจูพูดติดติดขัดขัด “แต่ว่ามันเป็นกฎของบริษัท เวลาทำงานจำเป็นต้องใส่” "......" เอาแต่ใจเสียงหยิ่ง! หลินหยู่นจูหยุดพูด ในใจรู้สึกแต่ความอึดอัด ทั้งทั้งที่กฎนี้เป็นเขาที่ตั้งขึ้นมา แต่ตอนนี้กลับไม่ให้เธอใส่ นี้มันทำให้เธอลำบากใจไม่ใช่เหรอ เห็นเธอแสดงท่าทีไม่ค่อยดีนัก ฉีเทียนโย่วสีหน้าของฉีเทียนโย่วจึงเบาลง แต่น้ำเสียงไม่เย็นชาเหมือนก่อนนี้แล้ว “กฎเป็นของตาย คนยังมีชีวิตอยู่ ในเมื่อใส่แล้วไม่สะดวก ก็ไม่ต้องใส่ก็ได้” ประโยคนี้ค่อนข้างสนิท สีหน้าอึดอัดของหลินหยู่นจูก็ผ่อนคลายลงมาก แต่เธอก็ยังพูดพึมพำไม่พอใจ "ในเวลานั้นคนที่ถูกดุคือฉัน แต่ไม่ใช่คุณ" “ไร้สาระ! บริษัทฉันฉันตัดสินใจกลับไปสั่งให้ลู่เหยียนเอากฎนี้ออก แล้วฉันจะดูว่าใครยังกล้าจะพูดอะไรอีก! น้ำเสียงโมโหร้ายของเขาหลินหยู่นจูสะดุ้งไปเลย ฉีเทียนโย่วไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแต่จูงมือเธอเดินไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ หลินหยู่นจูรู้สึกกดดัน และอยากจะสลัดมือออก แต่ชายหนุ่มจะปล่อยซะที่ไหน เธอทำได้แค่เดินเงียบๆ ชายหนุ่มใช้เงียบเพิ่มขึ้นอีกจงใจให้เธอไม่พอใจ “งั้น...ท่านประธาน ฉัน...”หลินหยู่นจูกัดริมฝีปากและมีสีหน้าไม่สบายใจ “คุณ... คุณปล่อยมือฉัน” ดวงตาของเทียนโย่วนั้นสวยงามและมีขนตายาวเหมือนผู้หญิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเหล่ตาในขณะนี้ "ถ้าฉันไม่ต้องการ" หลินหยู่นจูถอนใจ ชายคนนี้จะทนได้อย่างไร ทุกอย่างจะต้องทำตามความประสงค์ของเขา ดังนั้นเธอจึงโกรธพูดว่า "แล้วฉันจะไม่ไป" รูปลักษณ์ตุ้งติ้งและน่ารักนี้กระตุ้นให้ชายคนนั้นยิ้มอย่างลึกซึ้ง ฉีเทียนโย่วปล่อยมือของเขาจริงๆแล้วเดินไปข้างหน้า หลินหยู่นจูก้มหน้าเขาตามมาเหมือนลูกสะใภ้ที่เศร้าโศก ณ จุดเปิดพิธี ลู่เหยียน แซ่ร์เพ้ยถิง และฉีเย่วต่างก็รออยู่ที่นั่น สีหน้าฉีเย่วแย่ลงเรื่อยๆ ผู้หญิงคนนี้ดึงดูดผู้ชายได้ตายหล่ะ เรื่องที่พึ่งเกิดให้ห้องประชุมก็ยังไม่ทันได้คิดบัญชีกับเธอเลย ลู่เหยียนก้าวมาข้างหน้าของแซ่ร์เพ้ยถิงแล้วพูด “หัวหน้าเลขา ฉันคิดว่าเรื่องนี้ไม่ควรทำแบบนี้ ไม่ว่ายังไงต้องผ่านความเห็นของประธานก่อนถึงจะได้” ในใจของลู่เหยียนก็คิดว่าท่านประธานไม่มีทางไล่หลินหยู่นจูออกแน่ๆ เพราะเขาคิดว่าความสัมพันธ์ของประธานและหญิงสาวมันช่างละเอียดอ่อน เขาอยู่กับฉีเทียนโย่วมาหลายพี่ ไม่เคยเห็นเขาจะสนใจผู้หญิงคนไหนเท่าเธอมาก่อน แซ่ร์เพ้ยถิงยิ้มเย่อยิ่งพูดต่อ “ผู้ช่วยลู่ ประโยคนี้ใช้กับฉันคิดว่าไม่มีประโยชน์หรอก นี้คือสิ่งที่ท่านรองประธานกำลังจะหมายถึง แต่เรื่องรองประธานจะไล่ใครซักคนออกมันต้องผ่านความเห็นชอบของผู้ช่วยลู่ด้วยเหรอ?” “...แน่นอนว่าไม่!”ลู่เหยียนรีบอธิบาย “แค่นั้นแหละ” แซ่ร์เพ้ยถิงกรอกตาใส่เขาทีหนึ่ง ฉีเย่วกวาดสายตาดูก็ไปหยุดตรงตำแหน่งคนที่นั่งตรงข้ามหลินหยู่นจู เจินมี่มี่ “เธอเห็นหลินหยู่นจูบ้างไหม? ฉีเย่วไม่ถามว่าเขาคือใครก็ถามคำถามเลยทันที “ฉันไม่รู้" เมื่อไหร่ที่เจินมี่มี่ได้ใกล้กับฉีเย่วผู้บริหารระดับสูงของจินอย่างใกล้ชิด และยิ่งไปกว่านั้นฝั่งตรงข้ามคือรองประธาน คำตอบของเธอค่อนข้างสั่นและเธอตอบอย่างระมัดระวังว่า "หลังจากที่เธอไปประชุมในบ่ายวันนี้เธอยังไม่ได้กลับมาเลยค่ะ"
已经是最新一章了
加载中